เล่ม 4 บทที่ 170.1
ตอนที่ 170
“ใช้อำนาจสินะ”
ตุบ
รูลลักโยนสารจากจักรพรรดิทิ้งไปด้านข้างด้วยความรำคาญ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชานาเนสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ใช่แล้ว เห็นว่ามีข่าวใหม่มาจากทางเหมืองแร่”
“ค่ะ ท่านพ่อ”
ชานาเนสส่งสารฉบับเล็กที่เพิ่งถูกส่งมาถึงกลุ่มเหมืองแร่ลอมบาร์เดียเมื่อครู่นี้ให้แก่รูลลัก
“เห็นว่าการขุดเจาะของเหมืองถ่านหินตระกูลบาราพอร์ทที่เคยหยุดนิ่งไป ได้กลับมาเริ่มขุดกันใหม่แล้วค่ะ”
“เหมืองแร่นั่นที่แร่ถ่านหินทั้งหมดถูกขุดจนแห้งเหือดไปหมดแล้วนั่นสินะ”
“ค่ะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็น…”
“คงเริ่มขุดแร่เหล็กที่อยู่ข้างใต้นั่นแหละ”
รูลลักส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“มีการเปลี่ยนตัวเจ้าของด้วยใช่มั้ย”
“เห็นว่ามีเอกสารเปลี่ยนเจ้าของจากตระกูลบาราพอร์ทที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของอังเกนัส เป็นกลุ่มการค้าเรดแทนค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว”
ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักงานราชการประจำเมืองหลวง และเหมืองถ่านหินต่างๆ ในภาคกลางตอนใต้ของอาณาจักรถูกทยอยส่งมาถึงห้องทำงานประจำคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเป็นประจำ ทำให้รูลลักเองก็พอจะรู้ข่าวมาบ้าง ดังนั้นจึงไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกออกมาให้เห็น และสิ่งนี้ก็คืออำนาจของสมาคมนักเรียนทุนลอมบาร์เดียนั่นเอง
“จักรพรรดิทำเรื่องวุ่นวายแค่เพื่อเหมืองแร่เหล็กนั่นแท้ๆ แล้วยังจะมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ตรงไหน”
รูลลักแสยะยิ้ม
“พวกนั้นคงดูถูกข้าเกินไปแล้ว ชานาเนส”
“ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ องค์จักรพรรดิเองก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดหลักแหลมอะไรอยู่แล้วนี่คะ”
ชานาเนสเองก็เอ่ยว่าเสียงเหยียดหยามเช่นกัน
นางไม่รู้หรอกว่าเบเจอร์เชื่อมั่นในอะไรกันแน่ ถึงได้กล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่การนำลาลาเน่เข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ ลอมบาร์เดีย และอังเกนัสนั้น เบเจอร์ทำให้นางโมโหมากจริงๆ
“ดูเหมือนทางตระกูลรูมันจะส่งสารขอหมั้นหมายอย่างเป็นทางการมานะคะ”
ชานาเนสมองซองจดหมายฉบับอื่นที่วางอยู่ข้างสารจากจักรพรรดิพลางเอ่ยขึ้นมา
บนซองฉบับนั้นถูกลงลายมือชื่อ ‘อาบีน็อกซ์ ตัวแทนเจ้าตระกูลรูมัน’ เอาไว้อย่างงดงาม
“ข้าตั้งใจจะจัดการเรื่องทั้งหมดโดยไม่ตอบรับสารหมั้นหมายจากตระกูลรูมัน”
แต่รูลลักกลับโยนมันลงไปในเตาผิง
“ลอมบาร์เดียอาจจะรับมือกับการข่มขู่ของราชวงศ์ได้ก็จริง แต่รูมันไม่ใช่ ต่อให้พอจะหายใจหายคอได้จากท่าเรือเชซายูบ้างแล้วก็ตาม อย่างไรก็ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากราชวงศ์ เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในอำนาจภาคกลางอยู่ดีนั่นแหละ ถึงแม้ทางนั้นจะส่งสารมาเพราะยินดีจะรับมือกับเรื่องนี้ก็เถอะ”
สารหมั้นหมายที่อาบีน็อกซ์ รูมันส่งมาให้ กลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
“ก่อนอื่นต้องแก้ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งอันแสนโง่เขลาของราชวงศ์ให้ได้เสียก่อน”
ชานาเนสมีสีหน้านิ่งขึงเมื่อได้ยินคำพูดของรูลลัก
บิดาอาจจะกล่าวง่ายๆ ว่าเป็น ‘การทะเลาะเบาะแว้งอันแสนโง่เขลา’ แต่เมื่อคราวก่อนที่ลอมบาร์เดียกับราชวงศ์แข่งขันกันอย่างรุนแรงนั้นกินเวลายาวนานถึง 20 ปีเต็ม
“คงใช้เวลานานน่าดู…”
ระยะเวลานานขนาดนั้น เด็กสาวอย่างลาลาเน่จะอดทนต่อสู้กับมันได้ไหวหรือไม่ ชานาเนสเผลอครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว
‘ถ้าท่านชายน้อยรูมันลักพาตัวลาลาเน่หนีไปตะวันออกเสียเลยก็คงดี’
หากทำแบบนั้นนางอาจจะพอเข้าข้างพวกเขาได้บ้างว่า พวกเด็กหนุ่มสาวลงมือทำกันเอง และเรื่องราวก็คงจะง่ายดายขึ้นมากแต่ชานาเนสก็ต้องสะบัดศีรษะอย่างแรงเพื่อสลัดความคิดของตัวเองออกไป
ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่กรูกันเข้ามาในห้อง
“เรียกหรือครับ ท่านเจ้าตระกูล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...