บทที่ 5
“ดอกเตอร์โอมัลลี่อยู่มั้ยครับ”
สถานที่ที่ท่านพ่ออุ้มเธอมาถึงก็คือโรงแพทย์ในคฤหาสน์ตามที่คาดการณ์ไว้
หมอของโลกนี้คล้ายๆ กับหมอเกาหลียุคโบราณที่ต้มสมุนไพรหลอมเป็นยาลูกกลอน แต่ก็มีนักบวชที่ใช้พลังวิเศษที่เรียกว่าพลังรักษาที่เธอเคยอ่านจากในนิยายอยู่บ้างเหมือนกัน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในอาคารหลังเล็ก กลิ่นสมุนไพรก็ลอยคลุ้งจนแม้แต่คนที่ไม่รู้จักที่แห่งนี้ก็ยังรู้ได้ว่าที่นี่คือโรงแพทย์
“ดอกเตอร์โอมัลลี่!”
สามารถรู้ได้จากกลิ่นสมุนไพร หมอประจำตระกูลลอมบาร์เดียอย่างดอกเตอร์โอมัลลี่คนนี้เป็นแพทย์แผนโบราณ
“ท่านแคลอฮันมีธุระอะไรที่นี่หรือครับ”
ผู้ชายที่ดูแล้วเป็นคนง่ายๆ สบายๆ คนหนึ่งเปิดประตูห้องวิจัยด้านในออกมา เขาเป็นชายตัวสูงใหญ่ดูแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบปลาย
“ฟีเรนเทียบาดเจ็บ รบกวนช่วยดูให้สักครู่ได้มั้ยครับ”
คำพูดของท่านพ่อทำให้ดอกเตอร์โอมัลลี่หันมามองเธอ
โดยปกติของเด็กๆ ถ้าหากบาดเจ็บขนาดต้องพาตัวมารักษาถึงที่นี่จะต้องร้องไห้งอแงแต่เธอกลับมองเขาเงียบๆ ท่าทางดอกเตอร์โอมัลลี่คงจะประหลาดใจน่าดู
“โธ่ ไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้กันล่ะเนี่ย”
แต่พอจับเธอนั่งลงบนเก้าอี้และสำรวจบาดแผล ดอกเตอร์โอมัลลี่ก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะบาดแผลนี่สาหัสกว่าที่คิด
“หกล้มค่ะ”
เธออ้างเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นบ้างเหมือนยารักษาสารพัดนึกเกี่ยวกับบาดแผลที่น่าสงสัยนี่
“หัวเข่าแตก อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นก็ได้ครับ”
นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เธอจะต้องได้รับบาดเจ็บตอนล้มในวันเกิด
ฟีเรนเทียนึกว่าจะได้โตขึ้นมาโดยไม่มีรอยแผลเป็นเสียอีกสุดท้ายก็เกิดเรื่องคล้ายคลึงกันขึ้นจนได้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ไม่ได้มีส่วนใดของร่างกายแตกหัก เธอจึงพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ต่างกับท่านพ่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“ฮู่ว…”
ท่านพ่อของเธอคงจะโกรธที่บนร่างกายของลูกสาวต้องมีรอยแผลเป็นเหลือทิ้งไว้สินะ
มือใหญ่ของท่านพ่อลูบหัวของเธอ
ดอกเตอร์โอมัลลี่มองดูพวกเราสองพ่อลูกด้วยความอบอุ่นใจ ก่อนจะหยิบเอายาน้ำแปลกๆ ขึ้นมาทาลงบนแผลของเธอ
“มีบาดเจ็บตรงไหนอีกมั้ยครับ คุณหนู?”
พอได้ยินคำเรียกนำหน้าชื่อที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน ว่ากันตามตรงฟีเรนเทียก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
ใช่แล้วละ ก่อนที่ท่านพ่อจะเสีย เธอเคยรู้สึกแบบนี้นี่เอง
เธอยื่นแขนข้างซ้ายที่เจ็บกว่าหัวเข่าออกไปหาดอกเตอร์โอมัลลี่
“ตรงนี้ค่ะ”
“โอ้ว”
ดอกเตอร์โอมัลลี่เผลอหลุดเสียงเดาะลิ้นดังจิ๊จ๊ะออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นข้อมือของเธอที่บวมตุ่ย
“ใครกัน เทีย”
ท่านพ่อเอ่ยถามเสียงต่ำราวกับโมโห
คงอยากจะถามว่าระหว่างเบเลซักกับอาสทัลลีอู ใครกันที่เป็นคนทำให้ข้อมือเธอกลายเป็นแบบนี้ และก็คงคิดที่จะไปต่อว่าพ่อแม่ของเด็กที่สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหมือนกับเมื่อครู่
“หกล้มค่ะ”
“เทีย…”
ท่านพ่อเอ่ยเรียกเธอด้วยความผิดหวัง แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
“อืม ดูจากระดับการบวมแล้วน่าจะไม่ได้หักนะครับ แต่ยังไงก็คงจะต้องคอยระมัดระวังต่อไปอีกสักระยะครับ”
สุดท้ายข้อมือของเธอก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลผืนหนา
ถึงตอนอาบน้ำจะคลายออกก็ได้ แต่ต้องพันกลับไปใหม่ แถมยังต้องแวะมาพบดอกเตอร์โอมัลลี่สามสี่วันครั้งอีกด้วย ได้ยินว่าต้องดื่มยาขมๆ ไปอีกตลอดหนึ่งเดือน
สำหรับเธอที่ขนาดโตแล้วก็ยังเกลียดอาหารขมๆ หรือชารสขมแล้ว นี่เป็นใบสั่งยาที่เลวร้ายที่สุด
แค่คิดก็รู้สึกเหมือนได้รสขมฝาดติดอยู่ข้างในปาก ท่านพ่อมองเธอที่รับเอาถุงยามาถือไว้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะเอ่ยพูดกับดอกเตอร์โอมัลลี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...