เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท ตอนที่ 5.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน ตอนที่ 5.1 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 5.1 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 5.1
ตอนที่ 5.1

บทที่ 5

“ดอกเตอร์โอมัลลี่อยู่มั้ยครับ”

สถานที่ที่ท่านพ่ออุ้มเธอมาถึงก็คือโรงแพทย์ในคฤหาสน์ตามที่คาดการณ์ไว้

หมอของโลกนี้คล้ายๆ กับหมอเกาหลียุคโบราณที่ต้มสมุนไพรหลอมเป็นยาลูกกลอน แต่ก็มีนักบวชที่ใช้พลังวิเศษที่เรียกว่าพลังรักษาที่เธอเคยอ่านจากในนิยายอยู่บ้างเหมือนกัน

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในอาคารหลังเล็ก กลิ่นสมุนไพรก็ลอยคลุ้งจนแม้แต่คนที่ไม่รู้จักที่แห่งนี้ก็ยังรู้ได้ว่าที่นี่คือโรงแพทย์

“ดอกเตอร์โอมัลลี่!”

สามารถรู้ได้จากกลิ่นสมุนไพร หมอประจำตระกูลลอมบาร์เดียอย่างดอกเตอร์โอมัลลี่คนนี้เป็นแพทย์แผนโบราณ

“ท่านแคลอฮันมีธุระอะไรที่นี่หรือครับ”

ผู้ชายที่ดูแล้วเป็นคนง่ายๆ สบายๆ คนหนึ่งเปิดประตูห้องวิจัยด้านในออกมา เขาเป็นชายตัวสูงใหญ่ดูแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบปลาย

“ฟีเรนเทียบาดเจ็บ รบกวนช่วยดูให้สักครู่ได้มั้ยครับ”

คำพูดของท่านพ่อทำให้ดอกเตอร์โอมัลลี่หันมามองเธอ

โดยปกติของเด็กๆ ถ้าหากบาดเจ็บขนาดต้องพาตัวมารักษาถึงที่นี่จะต้องร้องไห้งอแงแต่เธอกลับมองเขาเงียบๆ ท่าทางดอกเตอร์โอมัลลี่คงจะประหลาดใจน่าดู

“โธ่ ไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้กันล่ะเนี่ย”

แต่พอจับเธอนั่งลงบนเก้าอี้และสำรวจบาดแผล ดอกเตอร์โอมัลลี่ก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะบาดแผลนี่สาหัสกว่าที่คิด

“หกล้มค่ะ”

เธออ้างเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นบ้างเหมือนยารักษาสารพัดนึกเกี่ยวกับบาดแผลที่น่าสงสัยนี่

“หัวเข่าแตก อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นก็ได้ครับ”

นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เธอจะต้องได้รับบาดเจ็บตอนล้มในวันเกิด

ฟีเรนเทียนึกว่าจะได้โตขึ้นมาโดยไม่มีรอยแผลเป็นเสียอีกสุดท้ายก็เกิดเรื่องคล้ายคลึงกันขึ้นจนได้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ไม่ได้มีส่วนใดของร่างกายแตกหัก เธอจึงพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ต่างกับท่านพ่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“ฮู่ว…”

ท่านพ่อของเธอคงจะโกรธที่บนร่างกายของลูกสาวต้องมีรอยแผลเป็นเหลือทิ้งไว้สินะ

มือใหญ่ของท่านพ่อลูบหัวของเธอ

ดอกเตอร์โอมัลลี่มองดูพวกเราสองพ่อลูกด้วยความอบอุ่นใจ ก่อนจะหยิบเอายาน้ำแปลกๆ ขึ้นมาทาลงบนแผลของเธอ

“มีบาดเจ็บตรงไหนอีกมั้ยครับ คุณหนู?”

พอได้ยินคำเรียกนำหน้าชื่อที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน ว่ากันตามตรงฟีเรนเทียก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย

ใช่แล้วละ ก่อนที่ท่านพ่อจะเสีย เธอเคยรู้สึกแบบนี้นี่เอง

เธอยื่นแขนข้างซ้ายที่เจ็บกว่าหัวเข่าออกไปหาดอกเตอร์โอมัลลี่

“ตรงนี้ค่ะ”

“โอ้ว”

ดอกเตอร์โอมัลลี่เผลอหลุดเสียงเดาะลิ้นดังจิ๊จ๊ะออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นข้อมือของเธอที่บวมตุ่ย

“ใครกัน เทีย”

ท่านพ่อเอ่ยถามเสียงต่ำราวกับโมโห

คงอยากจะถามว่าระหว่างเบเลซักกับอาสทัลลีอู ใครกันที่เป็นคนทำให้ข้อมือเธอกลายเป็นแบบนี้ และก็คงคิดที่จะไปต่อว่าพ่อแม่ของเด็กที่สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหมือนกับเมื่อครู่

“หกล้มค่ะ”

“เทีย…”

ท่านพ่อเอ่ยเรียกเธอด้วยความผิดหวัง แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น

“อืม ดูจากระดับการบวมแล้วน่าจะไม่ได้หักนะครับ แต่ยังไงก็คงจะต้องคอยระมัดระวังต่อไปอีกสักระยะครับ”

สุดท้ายข้อมือของเธอก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลผืนหนา

ถึงตอนอาบน้ำจะคลายออกก็ได้ แต่ต้องพันกลับไปใหม่ แถมยังต้องแวะมาพบดอกเตอร์โอมัลลี่สามสี่วันครั้งอีกด้วย ได้ยินว่าต้องดื่มยาขมๆ ไปอีกตลอดหนึ่งเดือน

สำหรับเธอที่ขนาดโตแล้วก็ยังเกลียดอาหารขมๆ หรือชารสขมแล้ว นี่เป็นใบสั่งยาที่เลวร้ายที่สุด

แค่คิดก็รู้สึกเหมือนได้รสขมฝาดติดอยู่ข้างในปาก ท่านพ่อมองเธอที่รับเอาถุงยามาถือไว้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะเอ่ยพูดกับดอกเตอร์โอมัลลี่

“ทำไมวันนี้ถึงได้ทำตัวแปลกไปล่ะ”

ดูเหมือนจะอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงได้คิดเปลี่ยนใจ เพราะในฐานะพ่อแม่แล้ว ก็คงจะอยากรู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่

“เพราะรู้แล้วค่ะว่า ต่อให้ข้าทนต่อไปอีกฝ่ายคงไม่ยอมเลิกราแน่”

ตัวเธอในตอนเด็กเคยคิดว่าหากอดทนต่อไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งอีกฝ่ายก็คงจะหยุดไปเอง ในตอนนั้นเธอถึงได้อดกลั้นยอมทนมาโดยตลอด

การกลั่นแกล้งของเบเลซักกับอาสทัลลีอูหยุดลงเมื่ออายุมากขึ้นเหมือนอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบที่แท้จริงสุดท้ายพวกเขาก็แค่เปลี่ยนเป็นแบ่งแยกชนชั้น และใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นเท่านั้นเอง

“เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ข้าจะไม่ทนอีกแล้วละค่ะ ข้าจะตีกลับไปบ้าง ถ้าตีแล้วยังไม่รู้เรื่องก็จะบอกพวกผู้ใหญ่ จะร้องไห้โวยวาย เพราะฉะนั้นท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

เธอกอดท่านพ่อที่มองเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าหมอง พลางพูด

ท่านพ่อตกใจเสียจนตัวเกร็งไปหมด แต่ไม่นานท่านก็ช่วยลูบหลังเธอเป็นการปลอบโยน

“ว่าแต่เทีย ทำไมจู่ๆ ถึงเรียกว่าท่านพ่อล่ะ เรียกพ่อเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่นา…”

อุ๊ปส์

เมื่อก่อนเธอเรียกท่านพ่อว่าพ่อนี่นะ

คงจะรู้สึกเสียใจกับช่องว่างที่จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาหางตาของท่านพ่อจึงตกลู่ลง

ในเมื่อเธอได้พบกับท่านพ่อที่จากไปตั้งแต่หลายสิบปีก่อนอีกครั้ง เรื่องแค่นั้นทำไมจะทำให้ไม่ได้ล่ะ!

“พ่อ!”

เธอกระโจนเข้าใส่อ้อมกอดของท่าน พลางพูด

“พวกเรามาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันไปนานๆ นะคะ!”

“ฮ่าฮ่า! เอาสิ เทีย”

ตอนนี้ท่านพ่อคงจะไม่รู้ความหมายของคำที่เธอพูดออกไป และต่อไปท่านก็จะต้องไม่รู้เพราะคราวนี้จะไม่เกิดเรื่องที่ท่านต้องจากไปอย่างไร้ค่าเช่นนั้นอีกแล้ว

เธอจะปกป้องเอาไว้เอง

ทั้งพ่อ ทั้งลอมบาร์เดีย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]