เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 8

สรุปบท ตอนที่ 8.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 8.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท ตอนที่ 8.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 8.1
ตอนที่ 8.1

บทที่ 8

คำสั่งของเจ้าตระกูลคือให้ฟีเรนเทียได้เข้าร่วมคลาสเรียน

แต่การทำตามคำสั่งโดยที่ยังไม่ได้ลงมือตรวจสอบด้วยตัวเองนั้น มันทำให้เครย์ลีบันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เด็กอายุเจ็ดขวบกลับอ่านหนังสือแบบนั้นได้น่ะหรือ

หรือแม้แต่ชายชราผู้เลือดเย็นคนนั้น ต่อหน้าหลานสาวก็ยังกลายเป็นเพียงแค่มารดาตัวเม่นที่ไม่ว่าลูกของมันจะมีหนามแหลมทิ่มแทงตัวเองอย่างไร มันก็ยังคงรักและเอาใจลูกตัวเองอยู่เสมอ

เครย์ลีบันเคาะประตูห้องที่แคลอฮันกับฟีเรนเทียใช้งานอยู่พลางครุ่นคิด

เขารับคำทักทายของแคลอฮันที่กำลังตกอกตกใจ พอเข้าไปข้างในก็พบว่าฟีเรนเทียกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับรอง

เด็กคนนั้นกำลังอ่านหนังสือปกเขียวเรื่อง <ผู้คนทางใต้> คล้ายกับตั้งใจจะให้เขาเห็น

‘เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะอ่านหนังสือได้จริงๆ’

เครย์ลีบันไม่เชื่อคำพูดของรูลลักตั้งแต่แรกแล้วเขาไม่คิดที่จะเสี่ยงเพิ่มเด็กอายุเจ็ดขวบที่ไม่รู้อะไรเลยเข้ามาอีกคน เพื่อมาทำลายบรรยากาศคลาสเรียนที่เขาทุ่มเทหรอกนะ

วันนี้เขาตั้งใจจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟีเรนเทียก็แค่อ่านหนังสือเล่มนั้นเหมือนหนังสือภาพ จะได้กลับไปเกลี้ยกล่อมท่านเจ้าตระกูลให้เปลี่ยนใจ

“เทีย มานี่สิ”

ฟีเรนเทียปิดหนังสือลง ก่อนจะเดินเข้ามาหาตามเสียงเรียกของแคลอฮัน

นางเป็นเด็กที่มีผมสีน้ำตาลสุขภาพดีถูกมัดรวบไว้ด้วยโบแก้มสีแดงเรื่ออ้วนยุ้ยเล็กน้อยตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเด็กน้อย

แค่เทียบกับภาพลักษณ์แล้ว ฟีเรนเทียยังดูเด็กมากเกินไปโดยเฉพาะภาพยามนั่งลงบนตักของบิดาแบบนั้น

แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง

มีบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเครย์ลีบันที่แข็งกระด้างกลับสั่นไหวขึ้นมา มันคือความฉลาดเฉลียวที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างในนัยน์ตาสีเขียวสว่างใสที่ถอดแบบมาจากแคลอฮันผู้เป็นบิดา จะมีเด็กอายุเจ็ดขวบสักกี่คนเชียว ที่กล้ายิ้มแย้มไม่หลบตาของผู้ใหญ่แปลกหน้าที่จงใจจ้องหน้าตัวเองแบบนี้

“…สุดท้ายก็”

สมควรแล้วที่ท่านเจ้าตระกูลจะมองเด็กคนนี้แล้วบอกว่ามีสายเลือดเข้มข้นของท่าน

มั่นใจได้อย่างหนึ่งเลยว่า ฟีเรนเทียมีนิสัยคล้ายกับรูลลักผู้เป็นปู่มากกว่าบิดา

แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นแค่เด็ก

ต่อให้บอกว่า พอจะมองเห็นได้ว่าในอนาคตจะเป็นคนใจกว้างและแกร่งกล้าแต่เรื่องนั้นมันก็ยังเป็นคนละเรื่องกับการสันนิษฐานว่ามีสมองอัจฉริยะขนาดอ่านหนังสือวิชาการได้ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ

ทว่าความคิดเช่นนั้นของเครย์ลีบันก็ค่อยๆ แตกเป็นเสี่ยงตั้งแต่เริ่มสนทนากับฟีเรนเทีย

“เพิ่งจะอ่านไปได้แค่นิดเดียวแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้คนมหัศจรรย์ที่รวมตัวกันอาศัยอยู่ในป่าลึกทางใต้ของอาณาจักรค่ะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาเหล่านั้น”

เด็กคนนี้ ช่างน่าตกใจจริงๆ ที่สามารถวิเคราะห์เนื้อหาของหนังสือได้อย่างแม่นยำแต่เรื่องพวกนี้อาจจะไปได้ยินมาจากใครก็เป็นได้

เครย์ลีบันคิดเช่นนั้นในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะไม่แสดงความตื่นตระหนกออกไป

“ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือใครครับ”

“ตรงหน้าปกก็เขียนไว้ว่า ‘โรพิลลี่’ นี่คะ?”

“เนื้อหาหน้าแรกพูดถึงอะไรครับ”

นี่มันถอดแบบมายันใบหน้าที่ยิ้มแย้มทั้งๆ ที่เก็บซ่อนความในใจเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยนเลยไม่ใช่เหรอไง

“ตั้งแต่วันเสาร์หน้ามาเข้าคลาสเรียนด้วยนะครับ”

หลังจากนั้นเครย์ลีบันที่เดินออกมาจากห้องของแคลอฮันก็หลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ทั้งๆ ที่คิดอยู่ว่าควรจะเปลี่ยนงาน เพราะไอ้ตำแหน่งสอนหนังสือนี่มันต่ำเกินไป แต่ลองสอนต่ออีกหน่อยดูดีมั้ยนะ”

ถ้าหากเป็นเด็กคนนั้น การเรียนการสอนอาจจะมีรสชาติมากขึ้นหน่อยก็ได้

ในที่สุดแรงบันดาลใจที่หดหายไปเสียนานก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง เพื่อเตรียมเนื้อหาการสอนคลาสถัดไป

“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราออกไปปิกนิกที่สวนข้างหน้านี่กันดีมั้ย ไม่ได้ปิกนิกกันนานแล้วนะ?”

ท่านพ่อที่ใช้เวลายามบ่ายไปอย่างเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ก็เสนอความคิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ห่อเค้กกับคุกกี้แสนอร่อยที่เทียชอบไปเยอะๆ แล้วออกไปอาบแดดกันหน่อยดีกว่า อา ก่อนหน้านั้นแวะไปหาดอกเตอร์โอมัลลี่สักครู่ด้วยก็น่าจะดีนะ”

อาฮะ

จุดประสงค์ที่แท้จริงของท่านพ่อ มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้ว

คงจะคิดว่าเธอไม่อยากไปโรงแพทย์ ถึงได้ตั้งใจจะเอาปิกนิกที่เต็มไปด้วยของอร่อยมาหลอกล่อกันสินะ

ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ตามที่ดอกเตอร์โอมัลลี่เคยบอกเอาไว้แล้วนี่เอง

ฟีเรนเทียคิดว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินในขณะที่พยักหน้าตกลง ท่านพ่อยิ้มกว้าง รีบเคลื่อนไหวก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจ พอเห็นตะกร้าปิกนิกที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่วางแผนเอาไว้แล้วล่วงหน้า ท่านพ่อของเธอช่างน่ารักจริงๆ เลยเชียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]