“คุณยายคะ!” เจเนวีฟกรีดร้องแล้ววิ่งไปตามหมอทันที
ระหว่างที่หมอเข็นวินิเฟรดไปที่ห้องฉุกเฉิน เจเนวีฟร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ได้แต่เดินวนเวียนอยู่รอบๆ ระเบียง
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณยาย ฉันจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองอย่างแน่นอน
เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นวินิเฟรดออกมา เธอสวมหน้ากากออกซิเจน
“อัตราการเต้นของหัวใจของคนไข้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่เธอยังต้องเข้ารับการรักษาและรับประทานยาอยู่ พอดีว่ายาที่หมอจะจ่ายให้เธอนั้นหายาก ต้องรบกวนคุณผู้หญิงจ่ายล่วงหน้าไปก่อน แล้วทางเราถึงจะสั่งยาได้ครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณ!” พอเจเนวีฟรู้ว่าวินิเฟรดอยู่ในภาวะปกติแล้ว เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบลงไปจ่ายค่ายาที่ชั้นล่างทันที
เมื่อเธอจะรูดบัตรเครดิตเพื่อจ่ายเงิน ก็จ่ายไม่ได้แม้แต่บัตรเดียว
เจเนวีฟโทรหาเอริก้าอย่างเป็นกังวล “เอรี่ ช่วยถามคูเปอร์ให้หน่อยได้ไหมว่าทำไมบัตรฉันมันใช้ไม่ได้สักใบเลยน่ะ พอดีฉันต้องจ่ายค่ารักษาคุณยายเพื่อให้เขาสั่งยาให้คุณยาย—”
“นี่เธอลืมไปแล้วเหรอ เจเนวีฟ” เอริก้าขัดขึ้นอย่างหยาบคาย “ว่าพอหย่าแล้วเธอจะไม่ได้อะไรกลับไปน่ะ”
เอริก้าไม่รอให้เจเนวีฟโต้ตอบอะไร เธอวางสายทันที
เจเนวีฟจุกจนพูดไม่ออก อาการของวินิเฟรดนั้นน่าเป็นห่วง เธอจึงออกไปโบกแท็กซี่ไปที่สเป็คเตอร์คอร์เปอเรชั่นทันที
เธออยากรู้ว่าทำไมคูเปอร์ถึงต้องแย่งเอาสเป็คเตอร์คอร์เปอเรชั่นไปจากเธอ แล้วยังต้องทำร้ายกับเธอขนาดนี้ด้วย
การที่เขายืนกรานจะหย่ากับเธอแถมยังไม่ให้เธอได้อะไรกลับไปในชื่อของเธอเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำนั้นช่างไม่สมเหตุสมผลเสียเลย
พอแท็กซี่จอดลงที่หน้าสเป็คเตอร์คอร์เปอเรชั่น ฝนก็เทลงมา
เจเนวีฟวิ่งฝ่าสายฝนและรีบไปที่อาคาร ก่อนที่เธอจะเข้าไปข้างใน ยามรักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าก็ผลักเธออย่างแรง จนเธอล้มลงกับพื้น
“ขอฉันเข้าไปหน่อย ฉันอยากจะพบคุณคูเปอร์” เจเนวีฟพยายามชันตัวยืนขึ้นและอ้อนวอนยามรักษาความปลอดภัย ใบหน้าของเธอซีดขาวราวกับกระดาษจากการตากฝน “ฉันต้องเอาเงินไปจ่ายค่ายาให้คุณยาย ถ้าไม่ได้ยาล่ะก็ ท่านตายแน่ค่ะ”
ยามผลักเธอออกไปแล้วชี้ไปที่ป้าย “คุณรัคฟอร์ดครับ กรุณาดูป้ายดีๆ ก่อนสิครับ”
เจเนวีฟปาดน้ำฝนออกจากใบหน้าแล้วมองดูป้าย
เจเนวีฟ รัคฟอร์ดและสุนัขห้ามเข้า
ที่สำนักงานผู้บริหาร คูเปอร์กำลังนั่งมองดูภาพที่เกิดขึ้นจริงในเวลานั้นจากกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าบริษัท พอเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กองอยู่บนพื้น ตัวเปียกโชก ความรู้สึกหลายอย่างที่ผสมปนเปกันฉายออกมาทางนัยน์ตาของเขาทันที
ไม่นานนัก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย เขาตรงเข้าไปหยิบรูปถ่ายของชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังยิ้มอย่างสดใสที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วโยนทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ลังเล
“เจเนวีฟ สิ่งที่ครอบครัวเธอติดค้างฉันไว้มันช่างใหญ่หลวงนัก!”
เจเนวีฟอ้อนวอนยามอย่างหนักหน่วง และยังร้องหาผู้จัดการของสเป็คเตอร์คอร์เปอเรชั่นให้ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่มีใครยอมช่วยเธอ
ในที่สุดยามก็หมดความอดทนกับเจเนวีฟ เขาใช้ส้อมสลายจลาจลบังคับให้เธอไปที่ริมถนน
ขาของเจเนวีฟครูดกับพื้นถนน ลวดกรีดพาดผ่านขาของเธอจนทิ้งบาดแผลเป็นทางยาว เจเนวีฟตาเบิกค้างด้วยความเจ็บปวด เธอทรุดตัวลงบนพื้นดิน หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนด้วยความกลัว น้ำตาไหลออกมา
เพียงวันเดียวเท่านั้น เธอกลับสูญสิ้นทุกอย่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องฟ้ามืดลง ฝนยังคงตกอยู่
รถมายบัคคันหนึ่งจอดลงใกล้ๆ เจเนวีฟ คนขับก็ก้าวลงมาจากรถ เขาเดินไปที่เจเนวีฟพร้อมกับร่มคันหนึ่ง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกมรักกลลวง