ลมเย็นๆ ท่ามกลางอากาศแห้งๆ ในวันสุดท้ายของแยนนี่ที่เกาะไร่องุ่น
หน้าต่างในห้องนอนใหญ่ถูกเปิดออกกว้างจนลมทะเลพัดผ่านเข้ามาในคฤหาสน์ชวนให้ผ่อนคลายและเย็นชื่นใจ
แยนนี่และเชนน์ดื่มกันเล็กน้อย พวกเขาเพียงแค่นอนเฉยๆ อยู่บนเตียงคิงไซส์แต่ก็รู้สึกดีแม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร
นี่เป็นครั้งแรกที่แยนนี่รู้สึกว่าการได้รักใครสักคนอย่างเงียบๆ เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอด
เชนน์ผู้ซึ่งมักจะส่งเสียงดังอยู่เสมอคงจะน่ารักมากเมื่ออยู่เงียบๆ
แยนนี่เอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนดวงตาใสแจ๋วบริสุทธิ์ของเธอจับจ้องไปที่เขาก่อนจะเอ่ย “เชนน์ ฉันมีคำถามที่อยากถามคุณอยู่ตลอด คำถามที่ฉันอยากรู้"
“เธออยากรู้อะไรอีกล่ะ? ถามมาสิ” เชนน์ลดระดับสายตาลงเพื่อมองใบหน้าสวยในขณะที่เรียวนิ้วยาวลูบไล้ไปตามกรอบหน้านั้น
แยนนี่เอ่ยถาม “เมื่อสองปีที่แล้วทำไมคุณไม่มาส่งฉัน”
เชนน์ตอบตามจริง “มันเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าฉันไม่ต้องการให้เธอไป พูดตามตรงฉันไม่กล้าเห็นเธอจากไป”
“ไม่…กล้า?” แยนนี่ยิ้มก่อนจะเอ่ยหยอกล้อ “ฉันเป็นสัตว์ร้ายหรือไง? ยิ่วไปกว่านั้นฉันไม่ยักรู้ว่าคุณกลัวที่จะเห็นคนจากไป”
ชายคนนั้นจ้องมองเธออย่างลึกซึ้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักโดยแม้แต่เขาเองก็ไม่อาจรู้ตัว “ฉันกลัวว่าตัวเองจะตามไปปล้นเครื่องบินที่เธอขึ้น”
แยนนี่พูดไม่ออก
ถึงอย่างนั้นเธอก็เชื่อเมื่อพิจารณาจากบุคลิกที่ไร้ยางอายของเชนน์แล้ว เขาสามารถทำสิ่งที่คาดไม่ถึงได้จริงๆ
“แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงขอให้เฮนรี่บอกฉันว่าคุณจะไม่อธิษฐานให้ฉันเดินทางอย่างราบรื่น แต่คุณหวังว่าฉันจะไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปได้อย่างกล้าหาญเพราะชะตาฉันได้ถูกกำหนดไว้ให้ล้มเหลว? เฮนรี่หรือคนอื่นๆ อาจจะพูดแบบนั้นได้แต่ไม่ใช่กับคุณที่เป็นแฟนของฉัน ตอนนั้นคุณ…ตั้งใจที่จะแยกทางกับฉันหรือเปล่า?”
เชนน์จ้องมองเธอโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาก่อนจะพูดย้ำทีละคำอย่างหนักแน่น “ฉันไม่เคยคิดที่จะเลิกกับเธอเลย”
แยนนี่วางตัวลงบนแขนแกร่งก่อนจะมองเขา ดวงตาของหญิงสาวเริ่มแดงก่ำแต่เธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข “แล้วทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”
“เพราะเธอจะคิดว่าตัวเองจะมีทางกลับมาถ้าฉันพูดอะไรแบบว่า ‘ฉันจะรอเธอไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวตราบใดที่เธอกลับมา’ คนเราจะไม่ทุ่มสุดกำลังตราบใดที่พวกเขาคิดว่าคงมีทางให้ถอยหลับ นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครเกิดมาแข็งแกร่งและน่ายำเกรงได้นอกเสียจากเธอจะบีบให้พวกเขาต้องเผชิญกับบางสิ่ง”
ริมฝีปากของแยนนี่โค้งขึ้นทีละน้อย ดวงตาของเธอเป็นประกายไปด้วยหยาดน้ำตา “เชนน์ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่รักฉันมากจะปรากฏตัวขึ้นในชีวิต”
เชนน์ก้มศีรษะลงกดจูบหน้าผากมน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลทว่าหนักแน่นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ควรรู้ว่าต่อจากนี้ไปมีคนที่รักเธอมากอยู่ตรงนี้ แยนนี่ ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด”
แยนนี่โน้มเบียดตัวเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นหยดน้ำตาไหลเป็นสายขณะที่ใบหน้าเธอก็ยังคงเปื้อนยิ้ม เธอโอบกอดรอบคอของชายหนุ่มไว้แน้น
แยนนี่โชคดีมากที่มีชายคนนี้อยู่ในชีวิต
…
แยนนี่เริ่มทำงานอีกครั้งหลังจากที่เธอกลับมา แม้ว่างานส่วนใหญ่จะถูกย้ายกลับไปยังประเทศบ้านเกิดแล้วแต่เธอและเชนน์ก็ยังต้องแยกกันเพราะเหตุดังกล่าว
แม้ว่าเชนน์จะดูมีอิสระมากกว่าแต่เขาก็ยังมีงานที่ต้องจัดการเช่นกัน เขาไม่มีเวลาไปหาแยนนี่ที่สถานที่ถ่ายทำตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นแยนนี่ยังไม่ชอบให้เชนน์มาหาเธอทุกครั้งที่ทำงานเพราะเธอไม่สามารถโฟกัสกับงานได้
ทั้งคู่กลับไปที่เมืองลุชเวย๋เพื่อเยี่ยมป้าเฮเธอร์หลังจากที่ตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน
แยนนี่กุมมือเชนน์ไว้พลางพูดกับเฮเธอร์ว่า “คุณป้าเชนน์กับฉันกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้”
ได้ยินแบบนั้นเฮเธอร์ก็ถึงกับหลั่งน้ำตาร่ำไห้ด้วยความยินดี “ในที่สุดเธอก็จะได้แต่งงานและลงหลักปักฐาน ในที่สุดแม่ของเธอจะได้พักผ่อนอย่างสงบสุขในหลุมฝังศพของเขา กำหนดวันแต่งงานแล้วหรือยังล่ะ?”
เชนน์ตอบ "เรายังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนครับเพราะแยนนี่ค่อนข้างยุ่งอยู่กับงาน ดังนั้นเราจะแต่งงานกันเมื่อเธอว่างกว่านี้สักหน่อย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตารางเวลาของเธอ”
เฮเธอร์มีความสุขที่ได้เห็นเชนน์เข้าอกเข้าใจและคิดถึงแยนนี่อยู่เสมอ หญิงชราได้แต่ตอบรับด้วยความยินดี
คืนนั้นเฮเธอร์ขอให้แยนนี่นอนกับเธอ สองคนป้าหลานไม่ได้เจอกันนานพอสมควรจึงมีเรื่องต้องคุยกันมากมาย เฮเธอร์มีคำแนะนำมากมายที่จะให้กับแยนนี่เช่นกัน
ส่วนเชนน์นอนอยู่ในห้องของแยนนี่
แยนนี่กับเฮเธอร์นั้นนอนอยู่ในห้องถัดไป ช่วงนี้เป็นช่วงที่อุณหภูมิในฤดูร้อนจะขึ้นสูงสุดเพราะฉะนั้นตอนกลางคืนจึงร้อนมาก
เฮเธอร์เปิดให้พัดลมแบบพื้นบ้านพัดเอาลมเย็นๆ เข้ามาก่อนจะปิดไฟ เธอขยับข้อมือเบา ๆ จนรู้สึกถึงสายลมบางเบาที่พัดผ่านแก้มและใบหู
เฮเธอร์พูดอย่างจริงจังว่า “แยนนี่ ป้ารู้ว่าหลานเป็นคนทะเยอทะยานถึงได้ไปทำงานที่อเมริกาและทิ้งให้เชนน์อยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เขาคงนอกใจไปแล้วหลายครั้งถ้าเขาเป็นคนธรรมดาอย่างวินสัน แต่ถึงอย่างนั้นเชนน์เขามาหาฉันเกือบทุกสัปดาห์ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาจะคอยมาคุยหรือไม่ก็เล่นไพ่แล้วก็ทำอะไรหลายๆ อย่างเป็นเพื่อนฉันแทนเธอ เพราะอย่างนั้นต้องชื่นชมผู้ชายคนนี้ไว้นะไม่ว่าจะทะเยอทะยานแค่ไหนก็อย่าละเลยเขา ชายคนนี้เขาคุ้มค่าที่เราจะเสียสละ”
แยนนี่ถึงกับอึ้งหญิงสาวไม่เคยคิดมาก่อนว่าเชนน์จะมาเยี่ยมป้าเฮเธอร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้แต่คอยดูแลคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอด้วยการกระทำ
“ป้าคะ ฉันรู้… ฉันได้คิดทบทวนและตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วก็เพื่อเขา”
เฮเธอร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ธอเพียงแค่ตบไหล่ของแยนนี่เบา ๆ และพูดด้วยความรักว่า “เธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองเสมอ ตราบใดที่รู้ว่าต้องทำอะไรก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่พูดอะไรมากหรอกแค่เธอต้องคำนึงถึงเขามากขึ้นในอนาคต”
แยนนี่แตะแหวนที่นิ้วนางและตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างเงียบๆ
การตัดสินใจนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสูญเสียหรือการเสียสละอะไรเลย เธอต้องการทำมันด้วยตัวเธอเอง
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน