นอกห้องไอซียู
วินสันถอนหายใจ “ดูท่าคาราคงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเร็ว ๆ นี้หรอก เข้าข้างในห้องไอซียูไม่ได้ด้วย ควรมีคนรอฟังข่าวอยู่ที่นี่สักคนนะ”
ลีน่าพูดขึ้น “สภาพคุณดูไม่ดีเลย ทำไมไม่ให้ฉันค้างนี่กับคาราแล้วคุณก็กลับไปนอนพักซะล่ะ ถึงฉันจะต้องกลับไปเอาของใช้อยู่ดีก็เถอะ”
ฝนข้างนอกยังคงตกหนัก ฟ้าร้องในรฤดูใบไม้ผลิดังกึกก้องและรุนแรงในเดือนมีนาคม
ลีน่าถือร่มเดินออกจากทางเข้าโรงพยาบาล เธอออกมาเพื่อโบกรถแท็กซี่ ตอนนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าทันใด
ครึ้ม! ตุบ!
เสียงแหลมกรีดร้องดังจนได้ยินทั่วทั้งโรงพยาบาล
ผู้คนเดินผ่านไปมาจำนวนมากหันไปมองทางต้นเสียง พวกเขาเห็นหญิงวัยกลางคนกำลังถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างของเธอไหม้เกรียม เป็นภาพที่น่าเวทนาเกินจะทน
“มีคนถูกฟ้าผ่า!”
“พระเจ้า ฟ้าผ่าตามความเชื่อรึเปล่า?”
“ถ้าเธอไม่โดนสาปก็ต้องไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เยอะแน่ ๆ ขนาดพระเจ้าทนไม่ได้เลย!”
…
สุขภาพของวินสันไม่ค่อยดีนักมาตลอดหลายปีนี้ ด้วยอายุของเขา โรคไขข้อกระดูกกลับมากำเริมอีกครั้ง ยามที่เขาเดินเหินมักจะกระโผลกกระเผลกไปมา
ร่างของลีน่ากำลังถูกเข็นไปยังแผนกฉุกเฉิน วินสันเดินโซซัดโซเซตามร่างของเธอ
“กะ…เกิดอะไรขึ้น?”
คุณหมอถามกลับ “คุณเป็นญาติของผู้เสียชีวิตรึเปล่าครับ? ผู้เสียชีวิตถูกฟ้าผ่าน่ะครับ ตอนที่เราเข้าไปช่วย เธอก็ไม่หายใจแล้วครับ”
ขาที่ไม่ค่อยจะดีนักของวินสันชะงักถอยหลังด้วยความตกใจ เขาสั่นสะท้านไปทั้งกาย
ฟ้าผ่างั้นเหรอ
นั่นมันคำสาปของแยนนี่นี่
วินสันรู้สึกหน้ามืด หรือว่า…เป็นเพราะควีนซี่ไม่ตายอย่างสงบ? หรือเพราะเธอเฝ้ามองแยนนี่ที่กำลังทุกข์ทรมานสาหัสจนไม่อาจทนได้ถึงเอาความโกรธไปลงกับลีน่าและตระกูลจาคอปกัน?
…
ค่ำคืนที่โรงพยาบาล ผ่านพ้นไป ตรงโถงทางเดินยาว เชนน์นั่งอยู่บนม้านั่งเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร
เม็ดฝนใหญ่กระหน่ำกระทบกับกระจกจากด้านนอก
ช่างเป็นคืนที่ยาวนานและหนาวเหน็บ
เมื่อดวงอาทิตย์ยามเช้าขึ้นสู่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง เชนน์ค่อย ๆ หันหน้าเพื่อมองมัน
เขาคิดว่าท้องฟ้าจะมืดมิดและไม่กลับมาสดใสอีกแล้ว หลังค่ำคืนพายุฝนผ่านพ้นไป ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นในเวลาเดิมตามหน้าที่ของมัน
ร่างกายของเขาเมื่อยตึงจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ขาของเขารู้สึกถึงเหน็บชา
แต่เชนน์ไม่สนร่างกายตัวเองนัก เขากระเสือกกระสนค่อย ๆ ลุกขึ้นและยืนอยู่นอกห้องวอร์ดผู้ป่วย มือของเขากำลูกบิดประตูค้างอยู่เนินนาน ก่อนจะผลักมันเข้าไปในที่สุด
แยนนี่ตื่นแล้ว เธอพิงหลังกับเตียงนอน จ้องมองดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงอุ่นท่ามกลางอากาศข้างนอกที่ค่อนข้างหนาวเย็นอย่างเศร้าสร้อย
เชนน์เดินมาที่เตียง เขาถามเธอเสียงเรียบ “ทำไมไม่บอกฉันว่าเธอท้อง?”
ใบหน้าของแยนนี่ซีดและเยือกเย็น เธอหันหลับมามองเหยียดเขา เสียงแหบพร่าของเธอเอ่ยจิกกัด “ถ้าฉันบอกว่าฉันท้อง คุณจะไม่ให้ฉันให้เลือดกับคาราหรือไง?”
“แยนนี่ เธอจงใจให้เป็นนี้” เชนน์แทรก
จงใจเหรอ? ใช่ เธอจงใจ
เธอทำมันเพื่อให้เขารู้สึกผิด เพื่อให้เขาคิดว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะเธอจงใจให้เป็นแบบนี้
แยนนี่ยกมุมปากแล้วหลับตา
เชิญเลย ความเชื่อใจของพวกเขานั้นบางพอ ๆ กับกระดาษ แค่ถูกสะกิดเบา ๆ เข้าหน่อยก็เป็นรูใหญ่ซะแล้ว
แยนนี่ขยับปากพูดแผ่วเบา “ใช่ ฉันจงใจ ฉันเกลียดพวกจาคอป ฉันกลียดวินสัน จาคอป ฉันเกลียดคารา และฉันก็เกลียดคุณยิ่งกว่า ฉันแค่อยากจะเห็นว่าคนอย่างคุณ เชนน์ จินน์ จะทำหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าเพิ่งฆ่าลูกตัวเองไป คุณจะรู้สึกยังไรบ้าง ฉัน…จะทำทุกวิถีทางรวมทั้งสังเวยชีวิตลูกของคุณเพื่อแก้แค้นคุณ”
เธอพ่นทุกคำพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง เธอกัดฟันอยากทำลายทุกอย่างที่ข้องเกี่ยวกับเชนน์ รวมถึงลูกของพวกเขาด้วย
“นั่นก็ลูกของเธอเหมือนกัน!”
เชนน์เกรี้ยวกราด เขาคว้าคอของแยนนี่แล้วบีบมันแน่น “แยนนี่ เธอกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง ถ้าเกลียดฉันทำไมถึงไปลงกับลูกเราด้วย ?”
แยนนี่เงยหน้าขึ้นจ้องตรงเข้าไปในตาของเชนน์อย่างไม่กลัว เธอหัวเราะในลำคอก่อนตอกกลับ “มันเจ็บใช่ไหมล่ะ? แต่ว่านะ ความเจ็บที่คุณรู้สึกยังไม่ได้เศษเสี้ยวเท่าที่ฉันเจ็บเลย คุณควรรัดคอฉันให้ตาย ๆ ไปซะถ้าคุณไม่ทำ ฉันจะไม่มีวันหยุดแก้แค้นคุณแน่”
พวกขี้ระแวงเป็นคนป่วยที่น่าเวทนา การฆ่าความรู้สึกด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันคือทางแก้แค้นเดียวที่แยนนี่นึกได้
“แยนนี่!”
ความโกรธและเกลียดชังเข้าครอบงำ
ดวงตาของเชนน์ฉายแดงก่ำ เขากำมือทั้งสองแน่นขึ้น คอเล็กระหงคงได้หักคามือถ้าเขาเลือดเย็นมากพอ
แต่พอได้เห็นใบหน้าซีดเขียวไร้สีเลือด หัวใจของเชนน์ก็เจ็บขึ้นมา
เขาเจ็บหัวใจจริง ๆ
เขาคลายอุ้งมือออกแล้วยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้ ก่อนพึมพำ “เธอชนะ แยนนี่ เธอชนะ…”
เขาแพ้อย่างราบคราบ
เชนน์หันกลับแล้วเดินไปยังประตู
แยนนี่ย้ำเตือนไล่แผ่นหลังของเขาอย่างเย็นชา “วันจันทร์หน้า 11.00 โมง ฉันจะไปเจอคุณที่ทางเข้ากองกิจการพลเรือน”
เชนน์สาวเท้าไม่หยุดและไม่ตอบกลับเช่นกัน เขาได้แต่เดินออกมา
แยนนี่นั่งบนเตียงสายตาก้มต่ำลง มองแหวนที่อยู่บนนิ้วมือ เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนน้ำตาจะไหลริน
พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ย้อนกลับไปตอนเธออายุ 18 ในฤดูร้อนตอนที่เธอพบเขาที่สวนของตระกูลจาคอป
บางที เธอไม่ไปควรยุ่งกับเขาแต่แรก
เธอได้รู้จักเขาตอนอายุ 18 เธอทำข้อตกลงกับเขาที่เธอคิดว่ามันคุ้มค่าและคงได้อะไรกลับมาไม่น้อย
นับจากนั้น ทุกอย่างก็บิดเบี้ยวและเริ่มคร่าชีวิตของเธอ
เธอมั่นใจว่าคนอย่างเธอ แยนนี่ จอย จะสามารถชนะใจของเชนน์ได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่เธอยังอยากได้ เธอจะได้เสมอ
เจ็ดปีที่รัก ๆ เลิก ๆ เป็นลิขิตของฟ้าเสมอมา เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ตราบใดที่เธอยังกลับไป เขาจะยังคงอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา
พอได้พบ ได้รู้จักซึ่งกันและกัน จนแปรเปลี่ยนเป็นความรัก เธอคิดว่าตราบใดที่พวกเขารักกัน การแต่งงานคงเป็นจุดหมายสำเร็จในความสัมพันธ์ครั้งนี้
เธอเลิกงานแสดงก็เพื่อเขา รอยยิ้มของเธอสดใสเมื่ออยู่บนเวทีและด้านล่าง นัยตาอ่อนโยนของเขามีเพียงแต่เธอเท่านั้น
เธอคิดว่าพวกเธอจะมีกันและกันไปตลอดจนแก่เฒ่า
แต่พออายุ 25 เธอแต่งงานกับเชนน์ ตั้งท้องกับเขา แท้งลูกของเขา และสูญเสียความฝัน
พวกเขาพัวพันกันมาตลอดเจ็ดปี เจ็ดปีที่ควรดีที่สุดทั้งหมดของเธอสูญเปล่าไปกับเชนน์
พวกเขาทั้งสองคนป่วย ป่วยแบบกู่ไม่กลับ
พวกเขาไปต่อในเส้นทางนี้ไม่ไหวอีกต่อไป
คนในนอร์ท ซิตี้พูดถูก เชนน์เป็นพวกเหี้ยมโหดและจอมบงการ เมื่อเขาได้รัก คุณคือโลกทั้งใบของเขา และเมื่อเขาหมดรัก เขาจะทำลายโลกทั้งใบของคุณ
เขาไม่เปลี่ยน
ถ้ามีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ แยนนี่จะไม่ขอให้เธอได้เจอเขาต่อให้ชีวิตต้องขาดสีสันก็ตาม
ความรักครั้งนี้มันเจ็บปวดเกินไปสำหรับเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน