เล่ห์รัก ท่านประธาน นิยาย บท 1153

สรุปบท บทที่ 1153 ข้อความในเมฆหมอก 2: เล่ห์รัก ท่านประธาน

สรุปเนื้อหา บทที่ 1153 ข้อความในเมฆหมอก 2 – เล่ห์รัก ท่านประธาน โดย โอเอสเต้ ลูน่า

บท บทที่ 1153 ข้อความในเมฆหมอก 2 ของ เล่ห์รัก ท่านประธาน ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย โอเอสเต้ ลูน่า อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตาเฒ่าแฟรงค์กำลังดูจารึกกระดองเต่า มันเป็นของวัตถุหายากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งอังกฤษ สมบัติที่ริบมาจากพระราชวังหยวนหมิงหยวนในระหว่างเหตุการณ์ล้อมสถานอัครราชทูตระหว่างประเทศ

และถูกส่งต่อให้เจ้าของรุ่นสู่รุ่น หนึ่งในจารึกกระดองเต่านั้นก็ตกมาอยู่ในมือของตาเฒ่าแฟรงค์

ตาเฒ่าแฟรงค์ดำรงชีวิตอย่างเกียรติเสมอมา ในเมื่อมันเป็นสิ่งของจากประเทศบรรพบุรุษของเขา ต่อให้มีค่าแค่ไหน เขาก็ไม่ต้องการจะถือเอามันมาเป็นของตัวเอง

แยนนี่เข้ามาข้างในบ้าน “คุณตาแฟรงค์คะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ”

ตาเฒ่าแฟรงค์กวักมือเรียกให้แยนนี่เข้ามาใกล้ “ยัยหนูแยนนี่ มานี่ ดูสมบัติชิ้นใหม่ที่ฉันเพิ่งเจอสิ”

แยนนี่เข้าไปหา แล้วเห็นจารึกกระดองเต่าที่ผุกร่อนตามกาลเวลาในมือของแฟรงค์ “อักษรแปลก ๆ เขียนไว้บนกระดองเต็มเลย”

ตาเฒ่าถือจารึกไว้ส่วนมืออีกข้างกำแว่นขยายส่องบนกระดอง “ใช่ ของหายากเชียว แต่ว่ามันไม่ใช่ของที่ฉันควรจะครอบครองหรอกนะ ยัยหนูแยนนี่ เอากระดองนี่กลับไปกับเธอด้วยสิ เอามันกลับบ้านของมัน”

แยนนี่พอรู้ว่าตาเฒ่าแฟรงค์เป็นคนมีจริยธรรมสูงแค่ไหน แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะสามารถตัดโลภะออกจากสมบัติลํ้าค่าตรงหน้าได้ขนาดนี้

แยนนี่นับถือเขาอย่างสุดซึ้ง “ได้ค่ะ ฉันจะเอาจารึกนี้กลับไปคืนบ้านของมันในประเทศของเรา”

ตาเฒ่าแฟรงค์วางจารึกกระดองเต่าลงกล่องนิรภัยสีเงินใบเล็ก แล้วส่งมันให้กับแยนนี่ เขาถอดแว่นออกแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินจากแซมว่าตอนนี้เธอตัดสินใจจะกลับไปยังนอร์ท ซิตี้”

“ใช่ค่ะ คุณตาแฟรงค์คะ ขอบคุณที่ดูแลฉันมาตลอดสองปีนี้นะคะ คำขอบคุณยังน้อยไปด้วยซํ้า ที่บ้านฉันยังมีครอบครัวและอดีตที่ยังสะสางกันไม่เสร็จ ฉันตัดสินใจแล้วว่าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพวกเขา”

ตาเฒ่าแฟรงค์พยักหน้าเห็นพ้อง “อย่างนั้นก็ดี เธอไม่ควรจะต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลับไปแล้วจบอดีตที่ตามหลอกหลอนเธอซะ บางอย่างก็ต้องเป็นตัวเธอเองที่ไปจัดการก่อนจะให้ชีวิตต่อไป ไม่อย่างนั้นเงาอดีตมันจะติดตามตัวเธอตลอดไป ชีวิตคงเสียเปล่าถ้าไม่ใช้มันอย่างมีความสุข”

“ค่ะ อย่างที่คุณว่า”

ตาเฒ่าแฟรงค์หยิบซองเอกสารสีนํ้าตาลบนโต๊ะแล้วส่งมันให้กับแยนนี่ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วบอกกับเธอ “นี่เป็นของขวัญให้เธอเดินทางกลับบ้านนะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องใช้มัน”

“นี่คือ…?”

“นี่คือบริษัทผลิตสื่อที่ฉันให้แซมก่อตั้งในประเทศนั้น ตอนนี้เธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท แล้วก็เป็นตัวแทนทางกฎหมายของบริษัท สำคัญที่สุด เธอยังเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วย ขณะเดียวกันฉันก็คือผู้ลงทุนอิสระของเธอยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันยกทั้งบริษัทให้กับเธอ ฉันอยากให้เธอช่วยฉันดูแลบริษัทตามที่เขียนเอาไว้”

พอเห็นสีหน้าเอาจริงเอาจังของตาเฒ่าแฟรงค์ แยนนี่อึ้งไปสักพัก “คุณตาแฟรงค์คะ นี่คุณ…คุณยกทั้งบริษัทให้ฉันจริง ๆ เหรอคะ?”

“ลินน์ ลูกสาวของฉันน่ะ ฉลาดเหมือนเธอไม่มีผิด แต่คนเก่ง ๆ มักตายไว เธอป่วยแล้วจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนแซมพาเธอมาหาฉัน ตอนที่เธอกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรง ฉันกลับรู้สึกเหมือนได้เจอคนคุ้นเคยเก่าอีกครั้ง ฉันคิดนะว่ามันคงเป็นโชคชะตาอย่างที่เธอพูด พระเจ้ามอบทั้งลูกศิษย์และลูกบุญธรรมที่แสนประเสริฐแก่ฉัน ขณะเดียวกันเธอก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ยัยหนูแยนนี่ รับไว้เถอะ บริษัทนี้ใช่ว่าฉันจะให้เธอฟรี ๆ ถ้าเธอดูแลบริษัทได้ไม่ดี ฉันก็จะเอามันคืน”

ดวงตาของแยนนี่รื้นนํ้าตาแล้วค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “คุณตาแฟรงค์คะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ”

แยนนี่รับเอกสารในซองกระดาษสีนํ้าตาล

นี่เป็นของขวัญกลับบ้านที่ยิ่งใหญ่และความหมายเปี่ยมล้น

เธอไม่คาดหวังว่าจะได้รับความรักของคนเป็นพ่อจากคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันในชีวิตมาก่อน

ตาเฒ่าแฟรงค์เป็นทั้งครูผู้สอนและพ่อบุญธรรมของเธอ และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเป็นครอบครัวของเธอ

แยนนี่ยิ้มนํ้าตาคลอแล้วกล่าว “น่าเสียดายที่ฉันจะต้องกลับไปแล้ว ฉันเป็นห่วงจังว่าจะมีคนเตรียมหมึกให้กับคุณไหม”

ตาเฒ่าแฟรงค์มองโต๊ะทำงานที่ฮาจาร์กำลังนั่งฝนหมึกอยู่โดยบังเอิญ ตาเฒ่าแฟรงค์ระเบิดหัวเราแล้วตอบกับ “แล้วนั่นไม่ใช่ทายาทของเธอรึไง?”

แยนนี่อดหัวเราะตามไม่ได้

แต่หลังจากนั้น แยนนี่ก็จ้องมองตาเฒ่าแฟรงค์อย่างจริงจังแล้วยํ้าอีกครั้ง “คุณตาแฟรงค์คะ ถ้าฉันจัดการเรื่องที่นั่นทั้งหมดแล้ว ฉันจะพาคุณป้าของฉันมาอยู่ที่อังกฤษด้วยค่ะ ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะฝนหมึกให้คุณทุกวันเลยค่ะ”

“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ยัยหนูแยนนี่ อย่าได้กังวลเรื่องการลาจากเลย การแยกย้ายเลิกลาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าเรายังมีโชคตะชาเชื่อมถึงกัน ต่อให้โลกกว้างใหญ่แค่ไหน สุดท้ายมันจะนำเรามาพบกันอยู่ดี”

ณ จินน์ กรุ๊ป…

เฮนรี่เข้ามารายงานด้วยความเร่งรีบ “คุณชายเชนน์ รายงานผลชันสูตรศพของคุณผู้หญิงแอบถูกทำลายไปแล้วครับ ผมคิดว่าต้องมีคนทำอะไรบางอย่างกับรายงานนั่นและไม่อยากให้พวกเราสืบรู้ภายหลังครับ”

“แล้วเรื่องอื่นที่ฉันให้นายไปตรวจสอบล่ะ?”

“ในตอนนั้น ซามูเอลเข้าศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและเริ่มฝึกงานในสาขากองทุนหลักทรัพย์ ณ กรุงลอนดอนครับ เขาสนิทกับเศรษฐีนักลงทุนชาวจีนสัญชาติอังกฤษคนหนึ่งที่กลายมาเป็นผู้ลงทุนอิสระให้กับเขา พอหน้าที่การงานของซามูเอลเติบโต เขาก็กลายมาเป็นลูกบุญธรรมของนักลงทุนคนนี้ครับ อ้อ นักลงทุนคนนี้คือนายหลุยส์ แฟรงค์ ดูเหมือนเขาจะมีเส้นสายกับภาคหลวงประจำท้องถิ่นด้วยครับ เขาเคยมีลูกสาวชื่อลินน์ แฟรงค์ แต่เธอจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาทำธุรกิจครอบครัวแบบเรียบง่าย แต่เมื่อสองปีก่อนนักลงทุนคนนี้รับลูกสาวบุญธรรมเข้ามาแล้วให้เธอใช้ตัวตนแทนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาครับ ช่วเวลาที่นายหลุยส์รับลูกสาวบุญธรรมเข้ามาประจวบเหมาะกับช่วงที่คุณผู้หญิงประสบอุบัติเหตุเพลงไห้พอดีครับ”

แววตาทื่อของเชนน์สว่างวาบขึ้นทันใด “สืบเรื่องของลินน์ แฟรงค์ต่อไป แล้วบอกฉันทันทีถ้ามีอะไรคืบหน้า”

“ครับ ท่าน”

เชนน์มองรูปของแยนนี่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานห่าง ๆ เขาพึมพำกับตัวเอง “ลินน์ แฟรงค์ เป็นเธอใช่ไหม?”

ถ้านี่เป็นจะการเล่นตลกจากสวรรค์ว่าลินน์ ถ้าแฟรงค์เกิดไม่ใช่แยนนี่ขึ้นมา เชนน์ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยังทนกับความผิดหวังนี้ต่อไปได้อีกไหม

ถึงจะมีความเป็นไปได้กว่า 50% ที่เขาอาจจะต้องทรมานกับความผิดหวังและเสียใจซํ้า ๆ แต่เขาก็ไม่พร้อมจะปล่อยโอกาสอันน้อยนิดที่อาจจะได้เจอแยนนี่อีกครั้งไป

ยิ่งโอกาสมีน้อยมากเท่าไหร่ ความกลัวยิ่งกัดกินเข้ามากเท่านั้น

แม้ว่าแยนนี่จะเกษียณตัวเองออกจากวงการบันเทิงมาแล้วกว่าสองปี แต่เธอยังคงตามข่าววงการบันเทิงและอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่ อาจเป็นเพราะเธอต้องคลุกคลีอยู่กับการทำหนังด้วย

ซูซานคือหนึ่งในคนที่เธอเคยติดตาม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจินน์ กรุ๊ปตาถึงอยู่ไม่น้อย นั่นเป็นเพราะผู้คัดศิลปินคงเห็นความงามในตัวเธออยู่ไม่น้อย อย่างที่กล่าวไป ศิลปินจะเลือกใครสักคน คน ๆ นั้นจะต้องมีบางอย่างที่พิเศษ เพราะแบบนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่านักแสดงชายหญิงที่อยู่ใต้สังกัดจินน์กรุ๊ปถึงได้โดดเด่นท่ามกลางเพื่อนนักแสดงทั้งสวยและดูดีในวงการ

ซูซานคือคน ๆ นั้น เมื่อสองปีก่อน ความนิยมของเธอสูงจนนับได้ว่าไร้คู่แข่ง จินกรุ๊ปได้ทุ่มทรัพยากรทั้งหมดกับเธอเพียงคนเดียว อาจเป็นเพราะความสามารถของเธอหรือตัวศิลปินจะถูกใจเธอเป็นพิเศษกันแน่

แยนนี่ถามซินดี้ “เธอว่าถ้าให้ซูซานย้ายสังกัดน่ะ ง่ายไหม?”

ซินดี้ชะงัก เธอจ้องมองแยนนี่สีหน้าปนประหลาดใจ “แยนนี่ นี่เธอกำลังพูดถึงยัยซูซาน จอร์จ นักแสดงยอดนิยมอันดับสูงสุดในตอนนี้ที่อยู่สังกัดจินน์ กรุ๊ปเหรอ? เธอแน่ใจนะ?”

แยนนี่พยักหน้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ใช่ มันยากไหม?”

“งะ…งะ…แหงสิ ว่ามันต้องยาก! ตามข่าวที่ฉันได้ยินมาจากพวกปาปารัสซี่นะ เงินทุนทั้งหมดของจินกรุ๊ปก็เทให้แต่กับผู้หญิงคนนี้แหละ มีจินน์กรุ๊ปที่ทั้งใหญ่และน่าเชื่อถือหนุนหลังขนาดนั้นเลยนะ เธอคิดว่ายัยซูซานนั่นจะเทพวกมันแล้วมาตามเธอเหรอ? ”

แยนนี่ยิ้มเมินเฉิยแล้วตอบกลับ “ใครจะไปรู้ล่ะในเมื่อฉันยังไม่ได้ลอง? ซูซาน จอร์จ เธอจะเป็นเป้าหมายแรกของฉันในการกลับมาครั้งนี้ ถ้าได้เธอมาอยู่ในสังกัด บริษัทสื่อเล็ก ๆ ของฉันก็จะมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมชั่วข้ามคืน หลังจากนั้นการพาคนอื่น ๆ เข้าสังกัดจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย เพราะงั้นก้าวแรกของฉัน ฉันต้องทำให้ดีที่สุด ”

ซินดี้ยกหัวนิ้วโป้งให้ “แต่เธอคงจะลืมไปสินะว่ายัยซูซานอยู่สังกัดของจินน์กรุ๊ปน่ะ ถ้าเธอขโมยนักแสดงจากจินน์กรุ๊ป เชนน์จะต้องจับตามองเธอแน่ และพอถึงตอนนั้น…”

แยนนี่พูดอย่างไม่ร้อนใจนัก “ถ้าเป็นอย่างที่คิด เขาคงรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันกลับมา ฉันไม่มีแผนจะอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือเอาแต่วิ่งหนีเขาไปตลอดหรอกนะ การกลับมาของฉันก็เพื่อจะจบทุกอย่างที่ค้างคากันเอาไว้ ในเมื่อตอนนี้เราต่างก็เป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้วเพราะงั้นก็ควรใช้ชีวิตของใครของมันสักที ซินดี้ คราวนี้ฉันมาเพื่อหย่ากับเขา แล้วก็ฉันจะให้เขาได้ชดใช้กับทุกความทรมานที่ฉันทนมาก่อนหน้านี้ให้หมด”

นัยตาของแยนนี่ลุกสว่างโชติช่วงราวกับว่ามันได้กลับมามีชีวิต

ซินดี้ตะลึงมองเธอก่อนจะพูดอึก ๆ อัก ๆ “นี่เธอวางแผนจะประกาศศึกกับจินน์กรุ๊ปเหรอ? จินกรุ๊ปเป็นผู้มีอิทธิพลในนอร์ท ซิตี้นะ ฉันกลัวจะเธอต้องแพ้ในตอนจบเนี้ยสิ”

“ซินดี้ ฉันต้องการให้เธอช่วย”

“ฉันเหรอ?”

แยนนี่พูด “ฉันอยากให้เธอช่วยนัดซูซานออกมาหน่อย ฉันอยากจะเจอกับเธอ”

ซินดี้ดีดนิ้ว “ง่ายมาก ฉันก็ไม่ได้มีเส้นสายขนาดนั้นหรอก แต่ทุกครั้งที่ฉันได้ร่วมวงกับพวกปาปารัสซี่ ฉันได้ช่องทางติดต่อกับเบอร์มือถือมาเพียบ แต่การขโมยคนของทางนั้นมา ถ้าทำไม่สำเร็จก็คงเพราะเงินเรายังน้อยไป แต่ถ้ามีข้อเสนอและผลประโยชน์ที่ล่อตาล่อใจพอ ไม่มีทางที่ยัยซูซานจะปฏิเสธ”

แยนนี่ส่ายหัว สายตามุ่งมั่นหยุดอยู่ตรงป้ายโฆษณาที่ซูซานปรากฎตัวอีกครั้ง เธอเล็งเป้าหมายเรียบร้อย

คราวนี้ ต่อให้ผลสุดท้ายจะต้องหํ้าหั่นกันไปข้าง เธอก็จะลุกกลับขึ้นมาอย่างสง่าผ่าเผย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน