เมื่อเชนน์หายดี ร็อดนีย์ก็พาซาแมนธาไปเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ แซนด์เดอร์เองก็หายหัวไปที่สวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน ไม่รู้ว่าไปเข้าบาร์ดิสโก้ที่ไหน
เชนน์รู้สึกหมดปัญญากับคนพวกนี้ ถึงจะบอกว่ามาที่สวิตเซอร์แลนด์เพื่อเยี่ยมเขาก็เถอะ ที่จริงพวกนั้นก็แค่มาท่องเที่ยวเท่านั้น
แต่ยังไงก็ดีที่พวกก้างขวางคอหายไปหมด จะได้ไม่มีใครมารบกวนเวลาที่เขาได้อยู่กับแยนนี่ตามลำพัง
ตอนนี้ใกล้วันสิ้นปีแล้ว แยนนี่ถามหมอเรื่องอาการของเชนน์แล้วหมอบอกว่าเขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
เช้าวันต่อมาแยนนี่ก็มาที่ห้องพักผู้ป่วยเพื่อช่วยเชนน์เก็บของ เธอพูดว่า “หมอบอกว่าคุณอาการดีแล้วและออกจากโรงพยาบาลได้”
เชนน์ที่ยังนอนอยู่บนเตียงปฏิเสธอย่างดื้นดึง “ฉันไม่ไป”
ตอนนี้แยนนี่รู้สึกไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ? คุณหายดีแล้วนี่ ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นการเบียดบังทรัพยากรคนอื่นนะ”
เชนน์พูดไม่ออกและยังคงเถียง “ฉันจ่ายค่ารักษานะ ไม่ใช่ว่ามาอยู่ฟรี ๆ สักหน่อย”
แยนนี่มองเขาที่นอนอยู่บนเตียงก่อนถาม “แปลว่าคุณจะไม่กลับไปร่วมงานปีใหม่ใช่ไหม? คุณตั้งใจจะอยู่ส่งท้ายปีเก่าในโรงพยาบาลเหรอ? นายท่านจินไม่เป็นห่วงคุณหรือไง?”
เชนน์ลืมเรื่องงานปีใหม่ไปเสียสนิท เขาเลิกคิ้วและก็ทำท่าเชิดเหมือนไม่สนใจก่อนถาม “แล้วเธอจะกลับไปงานปีใหม่กับฉันไหม?”
“ไม่ไป ฉันจะกลับไปลอนดอน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเด็ดขาดของเธอ เชนน์ก็รู้สึกผิดหวัง เขาพูดอย่างดื้อรั้น “งั้นฉันก็ไม่ออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้ฉันยังเจ็บไปหมดทั้งตัว ฉันจะออกไปได้ยังไง? อาการบาดเจ็บของฉันยังไม่หายดีเลย เธอจะปล่อยให้ฉันกลับไปคนเดียวเหรอ? ถ้าฉันโดนซ้อมแล้วทำให้พิการ เธอก็จะยอมให้เกิดขึ้นเหรอ?”
แยนนี่ยิ้มและมองเขา “คุณทำจากแก้วเหรอ ถึงได้เปราะบางขนาดนั้น?”
“ตอนนี้ฉันก็เป็นแก้วไง” เชนน์ตอบอึกอักและสีหน้าหม่นลง
แยนนี่หยิบเสื้อโค้ตเขาออกมาจากตู้แล้วพับอย่างเรียบร้อย ก่อนโยนลงกระเป๋า “คุณป้ากับฮาจาร์ยังอยู่ที่ลอนดอน ถึงเราจะอยากกลับไปร่วมงานปีใหม่ ฉันก็ต้องพาพวกเขาไปด้วยอยู่ดี”
ดวงตาเชนน์ฉายแววดีใจ “ง่ายนิดเดียว ฉันก็จะตามเธอกลับไปลอนดอนแล้วก็รับคุณป้ากับฮาจาร์มา”
แยนนี่พูดไม่ออก
“ถ้าเธอไม่พูดอะไร ฉันจะถือว่าเธอเห็นด้วยแล้วนะ”
แยนนี่มองเขาอย่างหมดปัญญาก่อนแค่นเสียง “ฉันคิดว่าตัวคุณเจ็บไปทั้งร่างไม่ใช่เหรอ? แล้วก็จะแตกเป็นเสี่ยงถ้าโดนสัมผัสไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณจะตามฉันกลับลอนดอนได้ยังไง?”
เชนน์อึกอักเล็กน้อยก่อนทำเป็นไอ “... ดูเหมือนว่าร่างกายฉันจะไม่เจ็บเท่าไรแล้ว ว่าแต่ทำไมเธอถึงเชื่อที่ฉันพูดง่ายจัง? ใครจะไปพิการได้แค่โดนแตะตัวกัน?”
แยนนี่ตะโกนใส่เขาเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น “เชนน์ จิน”
“เธอจะยอมให้ฉันตามเธอไปลอนดอนแล้วรับคุณป้ากับฮาจาร์ไหม?”
“ฉันเคยบอกว่าฉันยังไม่ให้อภัยคุณใช่ไหม?”
เชนน์อึ้งไร้คำพูด เขานอนกางแขนกางขาบนที่นอน แล้วหลับตาทำเป็นไม่รู้เรื่อง
แยนนี่มองท่าทางขัดอกขัดใจของเขา ริมฝีปากเธอหยักโค้งเป็นรอยยิ้ม
การได้แกล้งหลอกเชนน์แบบนี้ ทำให้เธออารมณ์ดี
จากนั้นแยนนี่ก็ออกไปติดต่อโรงพยาบาลเพื่อทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล
ร็อดนีย์และซาแมนธาไปจากสวิตเซอร์แลนด์นานแล้ว เพื่อให้เวลากับเขาทั้งคู่
แซนด์เดอร์ก็ทำเหมือนกัน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในสวิตเซอร์แลนด์กับสาวสักคน
ส่วนเฮนรี่ก็ถูกเชนน์ส่งกลับไปนอร์ท ซิตี้เพื่อให้ไปจัดการงานที่บริษัท
ดังนั้นเชนน์และแยนนี่จึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
เชนน์เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บสาหัส เมื่อเขาออกมาจากโรงพยาบาลก็ยังคงทำอะไรช้า ๆ ไม่เร่งร้อน
มันถือว่าเป็นการเดินทางที่ผ่อนคลายทีเดียว
ที่สนามบิน เชนน์เอียงตัวเข้าใกล้แยนนี่ เขาถามด้วยท่าทางกร่าง ๆ แต่ก็สุภาพว่า “เธอไม่อยากให้ฉันไปลอนดอนด้วยจริง ๆ เหรอ? เธอแน่ใจนะว่าจะไม่คิดถึงฉัน?”
แยนนี่ยัดตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตใส่มือเขาแล้วไล่ให้เขาไปขึ้นเครื่อง “เครื่องของคุณจะขึ้นบินในอีก 30 นาทีนี่แล้ว ไปได้แล้ว”
เชนน์รับตั๋วและพาสสปอร์ตมา เขาเดินไปได้สองก้าวก่อนหันกลับมาเรียกเธอ “แยนนี่”
“มีอะไรอีกล่ะคะ?”
“สัญญากับฉันนะ ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน”
แยนนี่มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง เธออดไม่ได้ที่จะโบกมือให้เขาทั้งที่ยืนอยู่ใกล้กัน “แล้วฉันจะไปหาค่ะ เชนน์”
เชนน์ถามย้ำ “แยนนี่ ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน?”
แยนนี่กรอกตาแล้วหยุดคิดชั่วขณะ “เราเริ่มจากเป็นเพื่อนกันไปก่อนดีกว่า”
“เราเร่งให้เร็วอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“เชนน์ ไม่มีใครที่ไม่ยอมอดทนแล้วก็จะเรียกร้องการให้อภัยได้ง่าย ๆ หรอกนะ”
เชนน์ยอมรับ “แน่นอน งั้นเราเริ่มจากเป็นแค่เพื่อนกันก่อน ถึงยังไงฉันก็ติดค้างเธอไว้มากด้วยเรื่องต่าง ๆ ที่ฉันให้เธอต้องเผชิญมา แต่ไม่ว่ายังไงสุดท้ายเธอก็ต้องใจอ่อนให้ฉัน”
เขาพึมพำประโยคสุดท้ายเสียงเบา แยนนี่ไม่ได้ยินที่เขาพูดเพราะว่าเสียงอึกทึกในสนามบิน
แยนนี่มองเขาอย่างอ่อนโยนและบอก “จากนี้ไป เรามาเริ่มทำความรู้จักกันใหม่ให้ดีเถอะค่ะ เชนน์”
เชนน์กัดริมฝีปากอย่างน่าเอ็นดูก่อนโบกมือให้เธอ “ลาก่อน เพื่อนธรรมดา ๆ ของฉัน”
แยนนี่เดินจากไปขึ้นเครื่องจากอีกเกตหนึ่ง
…
ชั่วโมงครึ่งผ่านไป แยนนี่ก็ขึ้นมานั่งบนเครื่อง
เมื่ออยู่บนเครื่องบินก่อนที่เครื่องจะขึ้น แยนนี่โทรหาเฮเธอร์เพื่อบอกเวลาเครื่องของเธอและเวลาที่เธอจะไปถึง
เมื่อเธอวางสายและกำลังจะปิดโทรศัพท์ ผู้โดยสารคนหนึ่งก็นั่งลงข้างเธอ
เขามีรูปร่างสูงสง่าและมีรัศมีที่โดดเด่นไม่ธรรมดา
แยนนี่เงยหน้าขึ้นและเห็นเชนน์กำลังส่งยิ้มมาให้
“คุณขึ้นมาได้ยังไง?”
เชนน์โบกตั๋วในมือแล้วบอก “ดูเหมือนกว่าฉันจะซื้อตั๋วผิด ฉันก็ไม่นึกเลยว่าโชคชะตาจะพาเรามาพบกันแบบนี้”
กับผีน่ะสิ
เขานั่งข้างแยนนี่ รู้สึกพออกพอใจเป็นอย่างมาก
แต่เพราะว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องบินที่ค่อนข้างเล็กเนื่องจากว่าใกล้ช่วงปีใหม่ ตั๋วจึงขายหมดอย่างรวดเร็ว แยนนี่เองยังหาได้แค่ตั๋วในชั้นประหยัดเท่านั้น
ส่วนเชนน์ผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดนั้น เขาไม่เคยนั่งในชั้นประหยัดมาก่อน
ขายาวเก้งก้างของเขาไม่มีที่ให้เหยียดด้วยซ้ำ
เขาเปลี่ยนท่านั่งไปมาหลายหนแต่ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายตัว
แยนนี่จงใจเย้าแหย่เขา เธอเลิกคิ้วและบอกว่า “นายท่านเชนน์คะ ดูเหมือนว่าคุณน่าจะเหมาะกับชั้นเฟิร์สคลาสมากกว่านะ ทำไมคุณต้องมานั่งตัวงออยู่ในชั้นประหยัดกับฉันด้วยล่ะ? ฉันแน่ใจว่าคุณต้องไม่สบายตัวแน่ ๆ”
“ใครบอกว่าฉันนั่งไม่สบายกัน? ฉันสบายสุด ๆ”
เชนน์เหยียดขาไปด้านข้างและจัดที่นั่งของตน เขาเอาที่ปิดตามาใส่และเอียงตัวไปด้านข้าง
หากว่าเขาหลับไป เขาก็ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว
แต่ว่าด้านหลังเขาเป็นคุณแม่ที่มีลูกอายุประมาณ 4-5 ขวบมาด้วย
เด็กน้อยเพิ่งจะได้หัดพูด ดังนั้นเขาจึงพูดไม่หยุดเพราะเขากลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าตนพูดได้แล้ว เด็กนี่น่ารำคาญยิ่งกว่าหมาที่ชอบกัดทำลายข้าวของเสียอีก เด็กน้อยถามคำถามแม่ของตนไม่ยอมหยุด
เชนน์รู้สึกเหมือนจะบ้า เขาดึงผ้าปิดตาออกและพยายามสะกดกลั้นความรำคาญใจไว้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเอนลงนอนท่าไหนก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวไปเสียหมด
แยนนี่พูดอย่างสนใจ “เครื่องบินยังไม่ขึ้นเลยคุณยังมีเวลาลงไปอยู่นะ นายท่านเชนน์”
“ฉันไม่ลงไปหรอก” ใครที่ยอมไปก็แพ้น่ะสิ
เชนน์จับมือแยนนี่แน่น เขารู้สึกสบายขึ้นมาก
แยนนี่มองมือตัวเองที่โดนเขากุมไว้แน่นแล้วถาม “นายท่านเชนน์ เพื่อนธรรมดา ๆ นี่เขาจับมือกันด้วยเหรอ?”
เชนน์พูดเรื่องเหลวไหลด้วยท่าทีจริงจัง “นี่แหละวิธีจับมือแบบเพื่อน เธอไม่รู้เหรอ? เธอคงไปอยู่อังกฤษนานจนความคิดน่าจะเหมือนพวกตะวันตกแล้วสิ เธออยากให้ฉันสอนเธอวิธีการจูบทักทายด้วยไหม?”
แยนนี่อับจนคำพูด
ใบหน้าหล่อเหลาของเชนน์ขยับเข้ามาใกล้เธอและค่อยจุมพิตที่แก้มเธอเบา ๆ
แม้ว่าจะเป็นแค่จังหวะ แต่เขาก็แอบสูดกลิ่นของเธอด้วย
ถึงเขาจะดูกร่างแต่ก็ไม่ใช่พวกนักเลงหัวไม้ ถึงจะเป็นนักเลงแต่ก็ไม่ใช่พวกเลวทราม
หลังจากแอบแต๊ะอั๋งเธอ เขาก็อธิบายอย่างจริงจัง “ตามธรรมเนียมแล้วเธอต้องจูบตอบฉันด้วย แต่เห็นเธอเรียบร้อยถือตัวแบบนี้ฉันก็จะไม่ว่าอะไร แต่ครั้งต่อไปฉันจะไม่ยอมแล้วนะ”
แยนนี่ยิ่งหมดคำพูด
ในที่สุดเครื่องบินก็ขึ้น แยนนี่นอนหลับในที่นั่งของเธอ หัวเอนไปพิงผนังของเครื่องบิน
เชนน์ค่อย ๆ จับหัวของเธอมาพิงไว้ที่ไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงจูบหน้าผากเธอหลายครั้ง
มือที่กุมเธอไว้ไม่ยอมปล่อยเลยสักหนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน