แยนนี่นอนต่อจนถึงเที่ยงก่อนจะลืมตาอีกครั้ง
ข้าง ๆ กัน เชนน์เหมือนจะตื่นขึ้นก่อนเธอนานแล้ว
แยนนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสวมรองเท้าสลิปเปอร์ก่อนลงจากบันได
พอหญิงสาวจะเดินลงมา เธอเห็นห้องครัวของเชนน์ที่เปิดอยู่เละเทะไม่เป็นท่า เท่าที่ดูแล้ว เหมือนเขากำลังวางเพลิงมากกว่าทำอาหารเสียอีก
แยนนี่อดแซวเขาไม่ได้ “เชฟจิน คุณกำลังทำอาหารหรือกำลังพังครัวกันแน่?”
เชนน์เขี่ยจมูกตัวเองอย่างเคอะเขิน “เธอไม่เห็นเหรอว่าฉันพยายามทำตามสูตรอยู่? ใครจะไปรู้ว่าใช้ไม้พายจะยากกว่าใช้ปืนกันเล่า?”
อุ๊บส์
เมื่อแยนนี่ลงมาหาเขา เธอก็ถูกเชนน์ดึงเข้าไปกอด “เสียงทำครัวของฉันทำเธอตื่นเหรอ?”
เขาวางคางลงบนไหล่ของเธอ แล้วจูบต้นคอเธออย่างรักใคร่
“เปล่า ฉันนอนไปตั้งเยอะแล้ว ถึงเวลาตื่น”
เชนน์ถาม “เธอหิวไหม?”
“นิดหน่อย”
เชนน์เอ่ย “ทำไมฉันไม่สั่งอาหารมากินนะ? กว่าจะเสร็จ เธอคงหิวตายก่อนพอดี”
“สั่งอาหารมาไม่อร่อยหรอก ฉันจะไปล้างหน้าก่อน แล้วจะต้มบะหมี่ซุปผักเป็นมื้อเที่ยงแล้วกัน”
เชนน์ยกมือขึ้นเกาคิ้ว “ไม่ได้หรอก ฉันจะปล่อยให้คนปวดท้องประจำเดือนอย่างเธอทำอาหารได้ยังไง? ทำไมเธอไม่ไปนั่งแล้วสอนฉันทำอาหารแทนล่ะ?”
แยนนี่ตอบ “ฉันกลัวว่าสุดท้ายฉันก็ต้องเป็นคนทำเองอยู่ดีน่ะสิ”
เชนน์พูดไม่ออก เขาไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลังจากแยนนี่ล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว เธอดื่มนํ้าอุ่นเข้าไปแก้วใหญ่ก่อนเข้ามามาอยู่ในอ้อมกอดของเชนน์อีกครั้งในระหว่างที่เธอสอนเขาทำบะหมี่
“ต้มบะหมี่เนี่ยมีไว้กันตายสำหรับคนขี้เกียจเลยนะ ต้มนํ้าแล้วใส่เส้นสำเร็จรูปลงไป พอเส้นอ่อนตัวแล้วก็เพิ่มผักเพิ่มไข่ก็ได้ พอทุกอย่างสุกก็กินได้เลย จะเติมเกลือหรือเครื่องปรุงสักนิดก็ยังได้”
เชนน์เติมเกลือลงไปหนึ่งช้อนชา พอแยนนี่เห็นก็ตักเตือน “เกลือเยอะเกินไปแล้ว คุณต้องค่อย ๆ ใส่ทีละนิดสิเครื่องปรุงอื่นอย่างพวกซีอิ้วขาวก็มีเกลือในนั้นเหมือนกัน”
เชนน์เงียบจ๋อย ช่างเถออะ เขาไม่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารอยู่แล้ว
เชนน์พูดขึ้น “คุณป้าเพิ่งโทรมาเมื่อกี้ ฉันเป็นคนรับสายให้ เธอรู้แล้วว่าเรากลับมาคืนดีกัน เธอบอกให้เรากลับไปทานมื้อเย็นที่บลู วอเทอร์ เรสซิเดนเชียล แอเรีย วันนี้”
“งั้นเราก็ไม่ต้องทำข้าวเย็นแล้วสินะ”
หลังมื้อเที่ยงอันแสนเรียบง่าย เชนน์ติดต่อคุณหมอนัดเขาให้รอที่โรงพยาบาล
เชนน์ถือเสื้อแจ็คเก็ตตัวยาวของแยนนี่ลงมาแล้วสวมมันให้เธอ ตรงประตูทางเข้า เขาปลดผ้าพันคอของหญิงสาวออกจากที่แขวนแล้วพันมันรอบคอของเธอให้ ผ้าพันคอผืนหนาพันรอบคอบางระหงของแยนนี่จนเหลือไว้แค่ดวงตากับหน้าผากที่โผล่ออกมา
แยนนี่จัดผ้าพันคอเพิ่มเล็กน้อย “เชนน์ คุณพยายามจะรัดคอฉันให้ตายเหรอ?”
“ฉันจะรัดคอภรรยาของฉันได้ยังไง? ลมข้างนอกแรงมาก พันไว้แน่น ๆ แล้วค่อยปลดมันออกตอนเธออยู่บนรถ”
สนามหญ้าปกคลุมด้วยหิมะหนา
ดูไม่มีท่าทีว่าจะละลายเลยสักนิด
เชนน์ไม่ได้สั่งให้คนมาตักมันออกไป
ตรงหน้าประตู เชนน์นั่งยองลงตรงหน้าของแยนนี่ แล้วตบไหล่ตัวเองพร้อมเอ่ย “ขึ้นมาเลย คุณผู้หญิง”
แยนนี่กระโดดขึ้นหลังเขา แขนของเธอกอดรอบคอเขาแน่น “เชนน์ถ้าคุณเอาแต่ทำแบบนี้ ฉันจะกลายเป็นเด็กเข้าสักวัน”
เชนน์ประคองเอวของเธอแล้วดันขึ้น เขาหัวเราะชั่วร้าย ก่อนเอ่ยออกมา “ก็ไม่แย่นะ ฉันจะได้เป็นทั้งสามีแล้วก็พ่อคนด้วย”
แยนนี่พิงหัวลงบนไหล่กว้างของเขา เธอยิ้มหวานแล้วโน้มใบหน้าเขาใกล้หูของเขาก่อนหยอกล้อ “แด๊ดดี้”
เชนน์บีบต้นขาเธอ “เธอกล้าเรียกอีกไหมล่ะ?”
“ไม่เอาแล้ว”
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์ “เธอเรียกไปแล้วครั้งหนึ่ง เรียกอีกครั้งสิ”
มุมปากของแยนนี่เริ่มขยับ
เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?!
ทั้งสองคนเข้ามาในรถหลังจากหยอกกันไปหยอกกันมา
บูกัตติสีเงินเร่งความเร็ว ฝ่าหิมะหนาที่เกาะอยู่ตามทางมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์
“ฉันรู้จักคุณหมอที่ใช้ธรรมชาติบำบัดคนนี้จากวิลสัน หมอนั่นบอกว่าเขามาจากตระกูลที่เป็นหมอกันมาหลายชั่วอายุ” เชนน์แนะนำหมอคนนี้กับแยนนี่ขณะที่กำลังขับรถ
แยนนี่รู้ว่าเขาเป็นกังวัลว่าเธออาจจะมีอาการเครียดขึ้นมา ถึงได้บอกเพื่อให้ใจชื้นได้บ้าง แต่เธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น “มีผู้หญิงหลายคนบนโลกนี้ ฉันไม่ใช่คนเดียวที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง ผู้หญิงหลายคนก็ต้องรับมือกับอาการปวดประจำเดือนไปตลอดชีวิต มันก็ไม่ได้แย่ขนาดโลกแตกหรอก”
เชนน์ยังดึงดัน “ฉันอาจยื่นมือช่วยคนอื่นที่กำลังเจ็บปวดไม่ได้และฉันก็ไม่สนพวกเขาด้วย แต่ฉันแค่ทนดูเธอทรมานจากอาการปวดรุนแรงนี่ไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าหมอคนนี้จะสร้างปาฏิหาริย์ได้ไหม แต่ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผลเรายังหาทางรักษาอื่นได้ และถ้ามันยังไม่ได้ผลอีกเราก็แค่หาต่อไป ยังมีหมอที่สร้างปาฏิหาริย์ได้อีกมากมายที่จะรักษาเธอบนใบโลกนี้”
ทีแรกหัวใจของแยนนี่รู้สึกหนักอึ้ง แต่ด้วยคำพูดของเขากลับทำให้เธอระเบิดหัวเราะออกมา “ถ้ามีหมอเทวดาโผล่มาหาคุณจริง ๆ ล่ะก็ มันก็เหมือนบัณฑิตวิ่งเข้าหาโจรเลยสิ พวกเขาคงสั่นงก ๆ เพราะกลัวคุณแน่”
“ก็ดีแล้วที่พวกนั้นกลัวฉัน หมอสมัยนี้ไม่ได้มองว่าอาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องสำคัญ พวกนั้นเอาแต่จ่ายยาลวก ๆ ให้มันจบ ๆไป ดีแล้วถ้าพวกเขากลัวจะได้รักษาอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที”
แยนนี่คิดตาม เขาก็พูดถูกอยู่เหมือนกัน “จริงด้วย”
พอถึงโรงพยาบาล เชนน์พาแยนนี่ขึ้นไปบนห้องปรึกษาปัญหาเฉพาะทาง
แยนนี่คิดว่าหมอที่ว่าน่าจะแก่หงำเหงือกเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหมอหนุ่มอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น เขาค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว แต่เท่าที่เห็นแค่ตาเปล่าเธอบอกได้เลยว่าเขาอาจดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน