หลังผ่านไปครึ่งปี สุขภาพของแยนนี่ก็เกือบเป็นปกติ แม้ว่าความสามารถในการไหลเวียนของเลือดเธออาจจะเทียบกับคนสุขภาพดีคนอื่นไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าก่อนหน้านี้มาก
มีจำนวนเกล็ดเลือดที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งหมดต้องขอบคุณการช่วยเหลือของเบน
แยนนี่กินทั้งยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบันที่เบนสั่งจ่ายให้อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อสุขภาพของแยนนี่หายเป็นปกติ เธอกับเชนน์ก็จะจัดงานแต่งกันที่มาร์ธาส์วินยาร์ด
งานแต่งงานนั้นหรูหราใหญ่โตมาก
ดอกไม้ไฟและพลุสายรุ้งต่างก็จุดในท้องฟ้าด้วยเฮลิคอปเตอร์จำนวน 12 ลำ
การแสดงดอกไม้ไฟตระการตานั้นรังสรรค์โดยศิลปินผู้ทำดอกไม้ไฟที่มีชื่อเสียง การแสดงนั้นจึงน่าตื่นตาแล้วยาวนานเหมือนไม่จบสิ้น
เป็นการแสดงที่น่าจดจำอย่างแท้จริง
ข่าวการแต่งงานของเชนน์และแยนนี่ก็ให้เกิดกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์
หลังจากผ่านมาสิบปี ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงแต่งงานกัน
แฟรงค์เป็นผู้ที่ทำพิธีให้กับทั้งสอง
เจลลี่ บีนและพิคเคิลน้อยต่างก็เป็นเด็กโปรยดอกไม้ถือตะกร้าดอกกุหลาบเดินนำหน้าเจ้าสาวเข้ามา
งานแต่งงานดำเนินไปอย่างครบถ้วน จนมาถึงคำกล่าวในพิธีแต่งงาน
พิธีกรถามว่า “มีอะไรที่เจ้าบ่าวอยากบอกกับเจ้าสาวไหมครับ?”
เชนน์กล่าวใส่ไมโครโฟนหันหน้าไปหาผู้มาร่วมงาน “ใครต่อใครก็พูดกันเรื่องอาถรรพ์เจ็ดปี แต่ผมแสดงให้เห็นแล้วว่ามันไม่เป็นจริงเพราะว่าผมรักมั่นมา 10 ปี ดังนั้นระหว่างแยนนี่กับผมจึงไม่มีเรื่องของอาถรรพ์เจ็ดปี ผมไล่ตามแยนนี่มาสิบปี และในปีที่สิบนี้สุดท้ายผมก็ได้แต่งงานกับเธอ”
“ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ผมก่อกวนเธอแล้วผมก็ถอดใจ แต่ยังไงผมก็ไม่เคยตัดใจได้จริง ๆ แล้วก็ไม่คิดจะตัดใจจากเธอเลยตลอดสิบปี ผมได้แต่เฝ้าสงสัยว่าคนเราจะมีมนต์เสน่ห์ขนาดนี้ได้หรือ จนผมไม่อาจจะลืมเธอได้ ตรงกันข้าม ยิ่งผ่านมาสิบปี ผมพบว่าผมรักเธอมากขึ้นถึงจุดที่ถอนตัวถอนใจไม่ได้แล้ว”
“แยนนี่คือชีวิตของผม ถ้าไม่มีเธอ ผมก็คงจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต”
เชนน์ยืนจับมือแยนนี่อยู่บนเวที ไม่ว่าฝูงชนจะส่งเสียงอึกทึกแค่ไหนหรือมีคนมาห้อมล้อมมาเท่าไร สายตาเชนน์ก็จับจ้องแค่แยนนี่เท่านั้น
เชนน์มองแยนนี่ด้วยสายตาเร่าร้อนและพูดผ่านไมค์ “แยนนี่ ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานกับเธอหลังผ่านมีสิบปี ทุกอย่างคุ้มค่าแล้วตอนนี้”
เชนน์ยื่นมือออกมาแล้วดึงแยนนี่เข้าไปกอด เขากระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงต่ำเบา ๆ ว่า “อย่าร้องแยนนี่ แค่เห็นเธอร้องไห้ฉันก็เจ็บแล้ว”
เสียงปรบมือจากฝูงชนดังกึกก้อง กลบทุกสรรพเสียงบนโลกใบนี้
เชนน์โน้มตัวลงมาแล้วจรดจุมพิตแผ่วเบาที่ใบหูของเธอ ก่อนพูดต่อ “ในอนาคตฉันตั้งใจจะทุ่มเทความรักให้เธอ แล้วเธอก็ควรต้องตั้งใจที่จะอยู่อย่างมีความสุข ฉันมีแค่เรื่องเดียวที่จะขอร้องเธอก็คือให้เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ทำได้ไหมแยนนี่?”
แยนนี่น้ำตาคลอและตอบเสียงดัง “ได้ค่ะ”
จากนั้นพิธีกรก็ถามเจ้าสาว “แล้วเจ้าสาวล่ะครับ คุณมีอะไรที่อยากบอกเจ้าบ่าวไหม?”
แยนนี่พูดใส่ไมโครโฟนขณะที่มองมาที่เชนน์ น้ำตาไหลอาบหน้าเธอเป็นสายขณะที่พูด “เรารักกันมาสิบปี ไม่มีอะไรแล้วที่ฉันจะบอกคุณได้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครอื่นที่รักฉันได้มากเหมือนกับครอบครัวของฉัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันแต่งงานแต่เป็นครั้งที่สอง และฉันแต่งงานกับผู้ชายคนเดิม”
“ตอนนั้นฉันไม่ใช่ภรรยาที่ดีของคุณ และตอนนี้ฉันก็ได้รับโอกาสครั้งที่สอง ฉันจะทำหน้าที่ของคุณนายจินให้ดีที่สุด ทั้งความรักและความโมโหที่เคยมีก็เกิดขึ้นเพราะคน ๆ เดียวก็คือเชนน์ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกยามที่รักเขา และตอนที่ฉันโมโหโกรธเคืองเขา เขาก็เป็นคนเดียวที่ฉันอยากทะเลาะด้วย มีบางเวลาที่ฉันอยากตัดเยื่อใยกับเขาแต่ฉันก็รู้ว่าในชีวิตนี้ ฉันไม่ลงเอยแต่งงานกับเขาก็คงอยู่ลำพังไปตลอดชีวิต ฉันไม่เคยคิดจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับใครนอกจากเขา นี่ก็เป็นเพราะฉันมอบใจทั้งหมดให้ชายชื่อเชนน์ไปแล้ว และไม่คิดว่าจะรักคนอื่นได้อีก”
แยนนี่มองเขาด้วยน้ำตา เธอสะอื้นและพูด “ฉันรักคุณ เชนน์ สายลมใบไม้ผลิก็เทียบไม่ได้กับคุณ อากาศเย็นในฤดูร้อนก็เทียบไม่ได้กับคุณ ใบเมเปิ้ลของฤดูใบไม้ร่วงก็เทียบไม่ได้กับคุณ แสงอาทิตย์อบอุ่นในฤดูหนาวก็เทียบไม่ได้กับคุณ และท้ายที่สุดแม้แต่ไวน์ก็เทียบไม่ได้กับคุณ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เชนน์ก็ดึงเธอเข้ามากอด โน้มตัวเข้าหาเธอแล้วประทับจูบอย่างดูดดื่ม
คนดูด้านล่างเวทีต่างก็ปรบมือกึกก้อง
พิธีแต่งงานมาถึงจุดสำคัญแล้ว
แยนนี่โยนช่อดอกไม้เจ้าสาว
เจลลี่ บีนที่นั่งอยู่บนบ่าของฮีลตันเป็นผู้ที่รับช่อดอกไม้ไปได้
บรรดาสาวโสดทั้งหลายในงานต่างพากันผิดหวัง พวกเธอไม่คิดว่าดอกไม้เจ้าสาวจะไปตกอยู่ในมือของเด็กที่เพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยมต้น
และเพราะว่ายังเด็กเกินไป เจลลี่ บีนจึงไม่เข้าใจความหมายของการรับช่อดอกไม้เจ้าสาวได้ เธอเอารางวัลที่ได้ไปอวดฮิลตันและเวอเรียนอย่างดีอกดีใจ “แด๊ดดี้ มอนตี้ ดูสิหนูได้ดอกไม้ด้วย”
ฮีลตันคิดในใจ ‘ฉันไม่น่าพาเธอเข้าไปร่วมการรับดอกไม้เจ้าสาวเลย ให้ตายสิ’
ทำไมเธอถึงรับได้แม่นขนาดนี้ล่ะนั่น?
จู่ ๆ ฮีลตันก็รู้สึกท่วมท้นถึงความรู้สึกอันแสนสะพรึงของการต้องเป็นพ่อตา เขาสงสัยว่าไอ้หนุ่มแบบไหนจะมาแต่งงานกับลูกสาวแสนล้ำค่าของเขา และพลอยคิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นต้องได้กำไรมหาศาลที่ได้ลูกสาวเขาไปครอง
เวอเรียนเองก็คิดว่า ‘แน่ล่ะ พอลูกสาวโตแล้วคงเก็บไว้ที่บ้านไม่ได้’
แต่เธอก็สงสัยว่าลูกเขยแบบไหนกันที่ฮีลตันจะยอมให้ผ่าน?
…
พิธีแต่งงานใกล้จะจบลง
ลูคัสกับพวกตอนแรกวางแผนจะรบเร้าให้เชนน์และแยนนี่มีพิธีเข้าหอ แต่ถ้าทำแบบนั้นพิธีก็ต้องยืดไปจบตอนเที่ยงคืน
เชนน์ไม่อยากจะให้แยนนี่ต้องอยู่จนดึกดื่นแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงยกเลิกพิธีเข้าหอไปซะ
หลังจากงานเลี้ยงแต่งงานจบลง บรรดาแขกเหรื่อก็ทยอยกันกลับ
เชนน์ขับรถพาแยนนี่กลับมาที่คฤหาสน์ส่วนตัวของเขาในมาร์ธาส์วินยาร์ด
แยนนี่นั้นยังอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวแสนหนักอึ้ง
เธอยังคงมีผ้าโปร่งแต่งงานคลุมหน้า ใบหน้างดงามของเธอก็เห็นได้เพียงรำไรภายใต้ผ้าโปร่งเท่านั้น
รถลินคอร์นสีขาวขับมาที่ตัวอาคาร
รอยยิ้มอ่อนโยนของเธอก็มากพอที่จะทำให้โลกตะลึงและอ่อนยวบ มันเหมือนกับความความอ่อนโยนของทั้งโลกนี้มาอยู่ในแววตาของเธอจนหมด
เชนน์รู้สึกโชคดีเหลือแสนที่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นความอ่อนโยนนี้
ความงามของเธอเกินคำบรรยาย
เชนน์กอดเธอไว้ แล้วโน้มตัวลงจูบเธอ
ขณะที่จูบเธอ บรรยากาศก็เริ่มเร่าร้อนขึ้น เชนน์เอื้อมมือไปที่สายลูกไม้ของชุดแต่งงาน ตอนที่เขากำลัวงจะแกะมันออกนั้นเอง แยนนี่ก็จับมือห้ามเขาไว้
เชนน์จูบดั้งจมูกของเธอ ก่อนถามอ่อนโยนด้วยเสียงแหบพร่าว่า “มีอะไร เธอหิวเหรอ?”
เขาคิดว่าแยนนี่หยุดเขาไว้เพราะว่าเธอหิว
เพราะว่าวันนี้แยนนี่ที่เป็นเจ้าสาวแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย
เชนน์ลุกขึ้นยืนโดยไม่รอคำตอบจากแยนนี่ เขาลูบผมเธอแล้วบอกว่า “ฉันจะไปทำอะไรมาให้เธอกินนะ”
ขณะที่เขาจะหันหลังออกไป แยนนี่ก็จับมือเขาไว้แล้วบอกว่า “ฉันไม่ได้หิว”
เชนน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เธอรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
แยนนี่ยิ้มอ่อนโยน มองเขาด้วยดวงตาใสกระจ่าง
เธอเอื้อมมือไปคว้ามือใหญ่ของเขามาวางทาบตรงท้องน้อยของเธอ แยนนี่พูดเบา ๆ “เชนน์ คุณกำลังจะเป็นพ่อคนเร็ว ๆ นี้นะ”
ดวงตาเขาสั่นไหวขณะที่ขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินจากเธอ ความรู้สึกแรกของเชนน์ไม่ใช่ความตื่นเต้นหรือยินดี แต่เขากลับถามอย่างกังวลว่า “แล้วเธอรู้สึกไม่สบายไหม? ทำไมเธอถึงได้ท้องทั้งที่ยังกินยาอยู่ล่ะ?”
“ฉันหยุดกินยามาสักพักแล้ว ฉันไม่ได้บอกเพราะว่าไม่อยากให้คุณเป็นห่วง แล้วฉันก็อยากจะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ฉันน่าจะท้องได้สักเดือนหนึ่งแล้ว เบนบอกว่าฉันไม่มีอาการของโรคเกล็ดเลือดจนถึงตอนนี้ดังนั้นจึงถือว่าฉันแข็งแรงดี เป็นไปได้ว่าลูกที่เราเสียไปก่อนหน้านี้ค่าเลือดไม่เป็นบวก ฉันฉีดยาต้านการสร้างแอนติเจนดีแล้วเพื่อป้องกันโรคเลือด ที่เหลือก็แล้วแต่สวรรค์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงดายหรืออะไรฉันก็เตรียมใจไว้พร้อมรับแล้ว”
“นี่เธอพยายามจะให้ฉันกังวลจนตายเหรอไง? เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกฉัน?”
แยนนี่โอบแขนรอบคอเขา เธอพยายามทำให้เขาใจเย็นลงก่อนพูดอย่างอ่อนโยน “นี่ฉันก็บอกคุณอยู่ไม่ใช่หรือไง? ฉันกลัวว่าถ้าบอกคุณก่อนหน้านี้ คุณก็จะคิดมากหรือไม่ก็โมโห หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว ฉันเลยตัดสินใจว่าบอกคุณในคืนวันแต่งงานของเราจะดีกว่า เชนน์คุณคงไม่โมโหฉันในคืนแต่งงานของเราหรอกใช่ไหม?”
เชนน์ตอบ “เธอนี่มันเจ้าเล่ห์นัก…”
แยนนี่หัวเราะออกมาเสียงดัง “เอาล่ะ เลิกโมโหได้แล้ว ที่จริงฉันก็รู้สึกหิวนิดหน่อย คุณเจ้าบ่าวช่วยไปทำอะไรให้เจ้าสาวกินหน่อยได้ไหมคะ?”
เชนน์ยกมือขึ้นก่อนงอนิ้วพร้อมจะดีดหน้าผากเธอ
ขณะที่หัวเราะไปด้วย แยนนี่ก็หลับตารอให้เขาดีดหน้าผากเธอ
เชนน์หักใจทำเธอเจ็บไม่ได้ เขาแตะหน้าผากเธอเบา ๆ แทน “เอาเถอะ เธอชนะ”
แยนนี่วางมือเขาแนบไว้กับริมฝีปากเธอ แล้วจูบหลังมือเขาแผ่วเบา ก่อนพูดว่า “ขอบคุณนะ เชนน์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน