เล่ห์รัก ท่านประธาน นิยาย บท 896

ลงจมูกลงไปในตอนที่น่าหลงใหลของ เล่ห์รัก ท่านประธาน, นิยายInternet ที่เขียนโดย Internet นิยายนี้มีเรื่องราวที่ซับซ้อน ความลึกลับและตัวละครที่ไม่ลืม นิยายนี้สัญญาว่าจะพาคุณผ่านการเดินทางของความตื่นเต้นและความเชื่อมั่นอันหลงใหล ไม่ว่าคุณจะปกติที่การที่รักความลึกลับหรือความอบอุ่นใจของเรื่องราวที่เข้าถึงจิตใจ Internet ได้ถักเสาะเสียงให้เป็นเรื่องราวที่จะยินตัวเองลงบนหน้าความทรงจำ สำรวจหน้ากระดาษของ เล่ห์รัก ท่านประธาน ตั้งแต่ตอนที่ บทที่ 896 ทำลายนาตาลี และปล่อยให้เวทมนตร์บุบคลามไปด้วย

บอยล์กำลังถือโทรศัพท์มือถือยืนอยู่ที่ระเบียง มือที่จับบนราวระเบียงของเขาค่อย ๆ จับแน่นขึ้น มองดูท้องฟ้าที่กำลังมืดลง เขาพูดกับชาเนียที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ว่า “การเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลควรเป็นทางเลือกสุดท้าย มีวิธีอื่นอีกไหม?”

ชาเนียพูด “อาการของเธอจะแย่ลงถ้าคุณยังไม่รักษาเธอตอนนี้ เพียงเพราะคุณทนไม่ได้ที่จะให้เธอเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอไม่ใช่ผู้ป่วยที่ว่าง่าย หากคุณต้องการให้เธอได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่ดีที่สุดคือการบังคับให้เธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล”

บอยล์ขมวดคิ้ว เขาทนไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้น

เขาเม้มริมฝีปากบางของเขาขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ดร.ชาเนีย ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องอย่างมาก”

“ว่ามาสิ”

“คุณเป็นจิตแพทย์ของเชอรีชตอนที่เธอเข้ารับการรักษาที่อเมริกา ผมหวังว่าคุณจะช่วยกลับไปเป็นแพทย์ที่ดูแลเธอได้”

ชาเนียหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงน่าเกรงขามของชายหนุ่มจากปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เพื่อเจรจา เธอพูด “ประธานลอว์สัน คุณไม่คิดว่าคุณวางอำนาจเกินไปหน่อยหรือ? คุณต้องการให้ฉันสละทุกอย่างที่ฉันมีที่อเมริกา เพียงเพื่อรักษาผู้ป่วยคนเดียวอย่างงั้นหรือ?”

บอยล์พูดว่า "ผมจะจ่ายให้คุณ 10 เท่าที่คุณหาได้ตอนนี้ ถ้าคุณกลับมาเพื่อเชอรีช"

“ถ้าหากเชอรีชหายดีแล้ว? เธอจะไม่ต้องการฉันแล้วในตอนนั้น และฉันก็จะถูกทิ้งให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัด มันคงยากมากสำหรับฉันที่จะกลับมาที่อเมริกา และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ประธานลอว์สัน คุณเคยนึกถึงสถานการณ์ของฉันบ้างไหม?”

บอยล์พูด "ถ้าคุณยอมกลับมาเป็นหมอดูแลให้เชอรีช ผมจะเปิดโรงพยาบาลให้คุณ"

ชาเนียกำลังจับโทรศัพท์ของเธอ และตกตะลึง

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง

บอยล์พูดอย่างตรงไปตรงมา “ดร.ชาเนีย คุณไม่มีอะไรเสียหายในข้อตกลงนี้”

ชาเนียหัวเราะ และพูดว่า “ประธานลอว์สัน ฉันค่อนข้างสงสัย ทำไมคุณถึงสนใจแฟนเก่าที่เลิกกับคุณไปแล้วเมื่อ 7 ปีก่อนมากขนาดนี้ล่ะ? ด้วยสถานะและเงินทองของคุณ การจีบผู้หญิงที่โดดเด่นสักคนเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับคุณ ฉันยอมรับว่าเชอรีชเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้เธอกำลังทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง ฉันแค่ให้คำแนะนำกับคุณ เนื่องจากคุณเป็นเพื่อนของแฮงค์”

ชาเนียรู้จักกับเชอรีชมาสี่ปีแล้ว และเธอรู้เสมอว่าเธอเป็นคนที่โดดเด่นและสวย เธอจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเล่นเปียโนบนเวที ผู้หญิงคนนั้นมหัศจรรย์มาก แต่เธอมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง และอาจจะมีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้ทุกเมื่อ

ไม่ว่าคน ๆ หนึ่งจะสุดยอดแค่ไหน คน ๆ นั้นจะพังพินาศทันที ที่เขาหรือเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า

บอยล์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่นขณะที่เขาพูด “ผมรักเธอ และเธอคนเดียวเท่านั้น ผมจะมีความสุขถ้าเธอส่องสว่างสดใสและผมจะดูแลเธอ ถ้าเธอพังพินาศ”

ชาเนียเงียบไปครู่หนึ่ง

ก่อนหน้านั้นเธอคิดเสมอว่าบอยล์เป็นคนไร้หัวใจ

เขาเป็นผู้ชายที่ทำให้เชอรีชกลายเป็นผู้หญิงที่ไร้ชีวิตชีวา

แต่เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเชอรีชถึงรักผู้ชายคนนี้มากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ทำให้เธอเป็นโรคซึมเศร้า

เหตุผลที่บอยล์ไม่ต้องการจ้างจิตแพทย์ท้องถิ่นให้เชอรีช เพราะเขาต้องการจะรักษาหน้าของเธอไว้ เขาต้องการปกป้องศักดิ์ศรีและความเป็นส่วนตัวของเธอ

บอยล์ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเชอรีชเป็นโรคซึมเศร้า

เขาไม่ต้องการให้เชอรีชเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว

บอยล์ได้รับคำตอบจากชาเนียทางอีเมลตอนกลางดึก

เขาเปิดอีเมล มันเป็นตารางงานของชาเนีย

ชาเนียตกลงที่จะกลับมารักษาเชอรีช

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เชอรีชไปที่เมืองไลชีบ้านเกิดของแมนดี้ เพื่อไปงานแต่งงานของเธอ

บ้านเกิดของแมนดี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองไลชี สามีของเธอเป็นคนที่นั่นด้วย ทั้งคู่มาจากครอบครัวธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขาเป็นคู่รักที่สดใสมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกจัดงานแต่งงานที่บ้านแทนที่จะเป็นโรงแรม เพื่อให้เพื่อนบ้านทุกคนของพวกเขาสามารถมาร่วมงานแต่งงานของพวกเขาได้ แล้วมันก็เอิกเกริกและสนุกมากกว่าด้วย

เนื่องจากสถานที่นั้นอยู่ค่อนข้างไกล เชอรีชจึงมาถึงเมืองไลชีในวันก่อนงานแต่งงาน

เธอนั่งรถไฟความเร็วสูงมายังเมืองไลชี แมนดี้และสามีมารับเธอจากสถานีหลังจากนั้น

นาตาลีกับจอยมาถึงที่สถานีตอน 20:30 น.

เชอรีชมาถึงเร็วกว่าพวกเขาครึ่งชั่วโมง ดังนั้นเธอจึงรอพวกเขาพร้อมกับแมนดี้ในรถ

แมนดี้ยิ้ม ขณะที่แนะนำเชอรีชกับสามีของเธอ “นี่คือเชอรีช ฟัดด์ เราเรียนมหาลัยเดียวกัน และเธอก็เป็นรูมเมทของฉันด้วย เธอเป็นนักเปียโนที่ฉันมักจะพูดถึง เธอน่าทึ่งมาก”

สามีของแมนดี้มองไปที่เชอรีชอย่างรู้สึกทึ่ง ขณะที่เขาพูด “โอ้ คุณคือโมโม่ใช่ไหม? ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมามาก แมนดี้บอกกับผมว่าคุณเล่นเปียโนเก่งแค่ไหนตลอดเวลา ผมได้ยินมาว่าคุณเล่นเปียโนเก่งมาก”

เชอรีชยิ้มบาง ๆ เธอพูดกับคนแปลกหน้าไม่เก่ง เธอจึงเพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”

แมนดี้มองนาฬิกาของเธอ ตอนนี้เวลา 20:35 น. เธอพูดว่า “นาตาลีกับจอยน่าจะถึงแล้ว เชอ เธอยังไม่ได้ทานอาหารเย็นใช่ไหม? เธอหิวไหม?"

"ฉันโอเค ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่”

"ดีเลย เราจะไปที่ร้านอาหารกันหลังจากไปรับนาตาลีกับจอยแล้ว”

ไม่นานหลังจากนั้น นาตาลีกับจอยก็มาถึง และเข้ามาในรถ

จอยพูดทันทีที่พวกเขาขึ้นรถว่า “โอ้ ให้ตายเถอะ เราตามหาพวกเธอทุกที่ มันมืดมาก และเราก็ไม่เห็นหมายเลขทะเบียนรถของเธอ”

แมนดี้พูด “ที่รัก ไปร้านอาหารกันเถอะ ฉันพนันได้เลยว่าพวกเธอทุกคนคงหิวแน่ ๆ”

จอยลูบท้องของเธอ และยิ้มให้เชอรีชกับนาตาลี เธอพูดว่า “ท้องของเราร้องตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ไปทานอาหารเย็นกันเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว”

สามีของแมนดี้ชื่อ วิกเตอร์ เขารู้จักร้านชาบูชื่อดังในเมืองไลชี

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาทั้งห้าคนก็มาถึงร้านอาหาร

พวกเขาสั่งชาบู มันเผ็ดมาก

แมนดี้ จอย และนาตาลีชอบอาหารรสเผ็ด

เชอรีชก็เคยชอบอาหารรสเผ็ดเหมือนกัน แต่ตอนนี้เธอไม่ได้กินเผ็ดขนาดนั้นแล้ว

เธอกินไปสองสามคำแต่เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย เพราะท้องของเธอแสบร้อนจากความเผ็ด

เธอจิบโค้กและพูดอย่างสุภาพว่า “พวกเธอกินกันเลย ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำ”

เชอรีชล้างมือในอ่างล้างมือหลังจากที่เธอออกมาจากห้องน้ำ มีร่างอีกคนปรากฏขึ้นในกระจก

นาตาลีกำลังยืนอยู่ข้างเธอ หญิงสาวสองคนกำลังมองกันไปมาผ่านกระจก

ริมฝีปากสีแดงของนาตาลีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขณะที่เธอถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “เธอจะให้เงินแมนดี้เป็นของขวัญแต่งงานเท่าไหร่?”

เชอรีชพูดด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า “ฉันต้องรายงานเรื่องนี้กับเธอด้วยงั้นเหรอ?”

นาตาลีหยิบลิปสติกจากกระเป๋า Hermes ของเธอออกมา เธอพูดขณะที่เธอเติมเครื่องสำอางบนหน้า “เราเคยเป็นรูมเมทกัน ดังนั้นเราควรให้เงินเธอเท่า ๆ กันเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง”

เชอรีชเยาะเย้ยเธอ “ฉันไม่คิดว่าเราเข้ากันได้ดีหรอกนะ”

เชอรีชหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมา และเช็ดมือของเธอหลังจากเธอล้างมือแล้ว เธอหันหลังและเดินจากไป

นาตาลีคว้าข้อมือของเธอ

เธอพูดอย่างโกรธเคือง “เชอรีช เธอพูดจริงงั้นเหรอ? ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนร่วมห้อง และรูมเมทกัน เธอยังต้องโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกงั้นเหรอ? ฉันขอโทษเธอแล้ว เธอยังต้องการอะไรอีก? พรุ่งนี้เราจะไปงานแต่งงานของแมนดี้กัน เธอยังต้องพูดถึงเรื่องเก่า ๆ นั้นอีกเหรอ?”

เชอรีชเกือบจะคิดว่าเธอเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเกินไป หลังจากฟังนาตาลีสอนเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เธอยิ้มและมองไปที่นาตาลีอย่างเย็นชา เธอพูดว่า “เอามือสกปรก ๆ ของเธอออกไปจากฉัน”

นาตาลีกัดฟัน “เชอรีช ฟัดด์ เธอคิดว่าเธอเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกงั้นเหรอ?”

“ฉันบอกให้ปล่อยฉันไง”

ยิ่งเชอรีชทำแบบนั้น นาตาลีก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือจากเธอ เธอกำข้อมือของเชอรีชแน่น “เชอรีช ฟัดด์ มาคืนดีกันเถอะ!”

รอยยิ้มที่มืดมิดผุดขึ้นบนใบหน้าของเชอรีช เธอยกมือขึ้นและตบหน้านาตาลีอย่างแรง

เธอตบหน้านาตาลีอย่างจัง

เชอรีชค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา และมืดมนบนใบหน้าของเธอ "คืนดีเหรอ? นาตาลี โจนส์ เมื่อเจ็ดปีก่อน เธอเอาวิดีโอปลอมที่เธอกับบอยล์นอนด้วยกันมายั่วยุฉัน เธอผลักฉันตกบันไดและทำให้ฉันแท้ง ฉันจะคืนดีกับเธอได้อย่างไร?”

ความตกตะลึงประกายไปทั่วดวงตาของนาตาลี ขณะที่เธอมองไปที่เชอรีช เธอรู้สึกผิด และรู้สึกกลัว ราวกับว่าเชอรีชเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอดูน่ากลัวและมืดมนมาก

“เธอรู้ได้อย่างไรว่าคนในวิดีโอไม่ใช่บอยล์?”

“ฉันไม่เคยเชื่อคำพูดแม้แต่คำเดียวจากคนต่ำต้อยอย่างเธอ เธอโทรหาเฮ็กเตอร์โดยแอบอ้างว่าเป็นฉัน ขอที่อยู่และหมายเลขห้องของบอยล์ระหว่างที่เขาเดินทางไปทำงานที่เมืองเอส เธอไล่ตามผู้ชายที่แทบจะไม่แม้แต่มองมาที่เธอ เพียงเพื่อระบายความอิจฉาของเธอ นาตาลี โจนส์ เธอมันสารเลว”

เชอรีชโจมตีนาตาลีด้วยคำพูดของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังทำลายและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาตาลี

นาตาลีสั่นไปด้วยความโกรธ เธอยกมือขึ้นและต้องการจะตบหน้าเชอรีช

เชอรีชจับมือของเธอและหยุดเธอ ก่อนจะตบหน้านาตาลีอีกที

นาตาลีรู้สึกมึน เธอรู้สึกได้ว่าแก้มของเธอร้อนผ่าว

เธอจ้องไปที่เชอรีชด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและเธอรู้สึกแค้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ ขณะที่เธอกัดฟัน “เชอรีช ฟัดด์! เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง? ฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้!”

เชอรีชไล่ต้อนนาตาลี เธอพูดอย่างเย็นชา “เธอเคยคิดเกี่ยวกับบาปกรรมไหมตอนที่เธอผลักฉันตกบันไดในตอนนั้น? นาตาลี โจนส์ อย่าคิดว่าจะคืนดีกับฉัน ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอ ฉันเบื่อคำขอโทษจอมปลอมของเธอเต็มที”

“เชอรีช ฟัดด์ เธอคิดว่าฉันจะจัดการกับเธอไม่ได้งั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่นักเรียนจน ๆ อีกต่อไปเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อนแล้วนะ! ฉันมีสถานะอยู่ในเมืองหลวงแล้ว! อย่าคิดว่าเธอจะทำแบบนั้นกับฉันได้”

เชอรีชวางมือที่เธอใช้ตบนาตาลีไว้ใต้ก๊อกน้ำแล้วล้างมืออีกครั้ง

สายตาที่เย่อหยิ่งและเย็นชาของเธอจับจ้องไปที่นาตาลีในกระจก

เธอพูดว่า “งั้นฉันจะรอดู ฉันจะคอยดูว่าเธอจะโค่นฉันอย่างไร”

เชอรีชเช็ดนิ้วมือของเธอด้วยทิชชู่หลังจากที่เธอล้างมือเสร็จ เธอมองตรงไปข้างหน้า และเดินออกจากห้องน้ำ โดยไม่สนใจนาตาลีที่กำลังยืนอยู่ตรงมุมห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ

นาตาลียืนตัวสั่นอยู่ตรงมุมห้อง เธอโกรธแต่ก็หวาดกลัว

เธอทรุดตัวลงกับผนังและนั่งลงกับพื้น เธอนั่งกอดเข่า ในขณะที่จ้องไปที่พื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอกำหมัดแน่น ฝังนิ้วไว้ในฝ่ามือของเธอ ความเกลียดชังกำลังก่อตัวขึ้นในตัวเธอ

เธอกัดฟัน และพูดกับตัวเองว่า 'นาตาลี โจนส์ อย่าลืมเรื่องนี้นะ เธอจะต้องทำให้เชอรีชชดใช้เป็นสองเท่าสำหรับทุกครั้งที่เธอตบเธอ! เธอไม่ใช่คนต่ำต้อย เธอไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนั้น!

'ฉันต้องแก้แค้น!'

นาตาลีต้องการกระชากหน้ากากของเชอรีชทุกครั้งที่นึกถึงการที่เธอทำตัวสูงส่งและมีอำอาจ

เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยกว่าเชอรีช เชอรีชจะได้ในสิ่งที่เธอไม่สามารถได้อย่างง่าย ๆ ได้อย่างไร?

ถ้าเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ เชอรีชก็ไม่ควรได้มันเช่นกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน