ตอนที่41 คนเดียวที่ไว้วางใจ
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอเป็นสาย
จารวีอุทานเสียงหลง “โอ้ย!”
ยศพลเห็นดังนั้น จึงพุ่งเข้าหาเธอด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกร้อนรนเป็นอย่างมาก เขาไม่ลังเลที่จะเอานิ้วที่ได้รับบาดเจ็บของเธอใส่ไปในปากของตนเพื่อดูดซับเลือดที่ไหลออกมา
เขาใช้ลิ้นดูดซับเลือดแทนเธออย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน จากนั้นก็หาเศษผ้าชิ้นเล็กๆมาพันรอบๆบาดแผลไว้
“ปอกแอปเปิ้ลไม่เป็นทำไมไม่บอกล่ะ เธอนี่มันซื่อบื้อจริงๆเลย นั่งลง...”
ยศพลอุ้มจารวีไปนั่งบนโซฟา จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบแอปเปิ้ลมาหนึ่งลูกแล้วลงมือปอกเปลือกออกอย่างชำนาญ เปลือกของแอปเปิ้ลยังคงติดกันตั้งแต่หัวจรดหาง จนสุดท้ายเขาสะบัดเบาๆเปลือกแอปเปิ้ลทั้งชิ้นจึงร่วงลงสู่พื้น
จารวีเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ เธอคิดมาตลอดว่าคุณชายบ้านรวยคนที่ไม่ต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง มีข้าวมีน้ำมาประเคนให้ถึงที่แบบเขา ควรจะเป็นประเภทที่สิบนิ้วไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาสิ ไม่คิดเลยว่าเขาจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้ชำนาญขนาดนี้
ยศพลเก็บมืดเข้าที่เดิมแล้วจึงเอาแอปเปิ้ลที่ปอกเรียบร้อยแล้วยัดใส่ในมือของเธอ
“ต่อไปนี้ถ้าจะปอกอะไรก็บอกฉันแล้วกัน ขืนให้คนสะเพร่าแบบเธอทำอีกคงจะไม่เหลือนิ้วให้หั่น”
ถึงแม้คำพูดของเขาจะเหมือนขวานผ่าซาก แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่เอาอกเอาใจ
พลันดวงใจของจารวีก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด
บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายแบบที่เธอคิด อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอชอบในตัวเขา แม้จะน้อยนิดก็ตาม
จารวีนั่งกินแอปเปิ้ลอยู่บนโซฟา ส่วนยศพลก็ไม่ได้กลับไปนอนอีกครั้ง แต่ทว่าเขาเดินเข้าไปในห้องหนังสือเล็กๆที่อยู่ติดกับห้องนอน
เขากดเปิดคอม และจัดการทำงานที่คั่งค้างอยู่
จารวีแอบยื่นหัวเข้าไปมองอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของยศพลกลับไปเคร่งขรึมบึ้งตึงตามเดิม ก่อนหน้านี้เธอก็เคยได้ยินจากพี่สาวบ่อยๆ
ตั้งแต่ยศพลอายุกำลังจะย่างเข้าเลขสอง เขาก็ได้เข้าไปกุมบังเหียนของบริษัท
เด็ดขาด ฉลาด ว่องไว มีสายตาที่เฉียบแหลม โหดเหี้ยมอำมหิต...
นี่คือยศพลในความทรงจำของจารวีในช่วงแรกๆ ทว่ายิ่งเวลานานวันที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ความคิดเหล่านี้ก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
จารวีนึกฉงน ร่างกายของผู้ชายคนนี้แข็งแรงมากจริงๆ เขาเพิ่งจะนอนไปได้สองชั่วโมงกลับลุกขึ้นมาทำงานได้ราวกับว่าได้นอนมาเต็มที่
หลังจากที่จารวีกินแอปเปิ้ลเสร็จ เธอก็กลับไปที่เตียงและหลับไปอีกครั้ง
เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สอง ก็เห็นยศพลที่กำลังผูกเนคไทหันหน้ามองมายังตัวเอง “ฉันต้องไปดูงานต่างประเทศระยะหนึ่ง เธอคิดว่าควรจะแสดงความห่วงใยสักหน่อยไหม”
“เอ่อ.. ค่ะ!” จารวีรีบลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องการจากเขา ดังนั้นเธอก็ควรทำอะไรให้เขาพอใจสักหน่อย
ครึ่งชั่วโมงถัดมา จารวียกจานขนมเค้กรูปหมีน้อยที่อบเสร็จแล้วขึ้นมาข้างบน
จากนั้นจึงวานให้น้าอามช่วยหากล่องและถุงมาใส่ให้
“เค้กก้อนนี้ฉันลงมือทำเอง คุณเอามันไปทานบนเครื่องบินนะ”
ยัยบื้อนี่คิดว่าบนเครื่องบินไม่มีอะไรให้กินหรือยังไง ยศพลคลี่ยิ้มที่มุมปาก เขารู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
ชอบที่จารวีทั้งน่ารักทั้งเชื่อฟังเขา และยิ่งเมื่อเธอแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อเขา เขายิ่งรู้สึกดี
ยศพลก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอ “อยู่บ้านเป็นเด็กดีรอฉันกลับมา ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ ไม่ใช่เอะอะก็เป็นลมล้มพับ”
“ฉัน......” ใบหน้าของจารวีร้อนผ่าว เธอจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฉันอยากไปเรียน หยุดมาตั้งนานแล้วกลัวว่าจะตามไม่ทัน”
ยศพลยืนนิ่งและจ้องมองเธอชั่วครู่หนึ่ง “อืม แต่ต้องให้นิรันไปส่ง”
“ค่ะ! โอเคค่ะ!”
จารวีคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ นอกจากเรียนแล้ว เธอยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
เพียงแต่ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องไม่ให้ยศพลรู้โดยเด็ดขาด ตอนนี้เธอยอมอยู่ใต้อาณัติของเขา ก็เพื่อแลกมาซึงอิสระของตัวเองในวันข้างหน้า
เวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ที่นี่ ถ้าเธอต้องอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร เธอคงเป็นบ้าไปก่อนแน่ๆ
“นี่โทรศัพท์ของเธอ เก็บไว้ดีๆด้วยล่ะ อย่าทำหายอีก”
ยศพลว่าพลางทิ้งโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
ของที่ขายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่ายศพลจะนำมันกลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย
จารวีตกใจอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่เธอทำ ไม่มีสิ่งไหนที่สามารถหลุดรอดสายตาอันเฉียบแหลมของเขาไปได้เลย
จริงๆแล้วในเมืองSแห่งนี้ ผู้ชายคนนี้นี่เขามีอิทธิพลมากขนาดไหนกันนะ
ครั้งที่แล้วที่เธอเข้าคุก แม้แต่ตำรวจยังไม่กล้าต่อกรกับเขาเลย
ครั้งนี้ที่ขายโทรศัพท์กับรถไป ยังถูกเขาหาเจอได้อย่างรวดเร็ว
ภายในใจลึกๆของจารวีแฝงไปด้วยความกลัวระคนหวาดระแวง ยศพลแทบจะมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“จารวี เธออย่าคิดจะเล่นอะไรแผลงๆล่ะ อย่าว่าแต่เมืองSนี้เลย แม้กระทั่งทวีปเอเชียแปซิฟิกเธอก็อย่าคิดว่าจะหนีพ้นจากสายตาฉันไปได้”
ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้เธอกลัวมากแล้วจริงๆ
หลังจากส่งยศพลเสร็จแล้ว จารวีก็นั่งรถไปมหาวิทยาลัยโดยมีนิรันเป็นคนขับไปส่ง
แต่ทว่า เธอสั่งให้นิรันจอดรถที่ด้านนอกของมหาวิทยาลัย เหตุเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆเห็นว่าเธอนั่งรถหรูหราขนาดนี้มาเรียน
เด็กนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งนั่งรถหรูหรา ทั้งยังมีคนขับคอยรับส่ง ใครเห็นก็จะคิดว่าเธอมีเสี่ยเลี้ยงเป็นแน่
ถึงแม้เมื่อก่อนนั้น บ้านพูลสวัสดิ์ก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีฐานะในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่รวยขนาดที่จะซื้อรถหรูเพื่อไว้ใช้ขับมาส่งที่มหาวิทยาลัย
ถึงแม้ว่าคุณลุงของเธอจะเป็นเจ้าของบริษัทยาหวนจำกัด แต่สถานการณ์ของบริษัทก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก ถึงจะไม่ได้แย่ขนาดต้องเลิกล้มกิจการ แต่ก็ไม่ได้ทำกำไรมากเท่าทีควร
จารวีเจออังคณาที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยพอดี
อังคณาขยับแว่นไปมาพร้อมวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาเธอ เธอทำหน้าราวกับไม่ได้เจอกันมาสิบชาติก็ไม่ปาน
“นี่! ยัยวี แก.. แกยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย!!”
“นี่ แกอย่ามาโอเว่อร์ให้มันมากได้ป่ะ วันก่อนฉันยังโทรหาแกอยู่จำไม่ได้หรือไง”
“โถ่ ฉันก็แค่ล้อเล่นเองน่า! เย้ๆ ในที่สุดแกก็กลับมาเรียนซะทีนะ แกรู้ไหม หลายวันที่แกไม่อยู่อ่ะฉันเหงาขนาดไหน ไม่มีใครกินข้าวเป็นเพื่อน ไม่มีใครเรียนเป็นเพื่อน ไม่มีใครเม้าท์เป็นเพื่อน แถมไม่มี......”
“โอ้ยนี่ พอได้แล้ว”
จารวีและอังคณาเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยกัน
เมื่อเดินเข้าไปถึงที่ที่ลับตาคน จารวีก็เอ่ยขึ้นมา “ครั้งที่แล้วที่ฉันบอกให้แกโทรศัพท์อ่ะ แกโทรหรือยัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย