ตอนที่ 65 ไม่ลังเลที่จะเสียทุกอย่าง
ถ้าเกิดเจอรถที่ขับชนคุณลุงละก็ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะได้รู้ที่อยู่ของคุณลุงก็ได้ ใจของจารวีเต้นเร็วขึ้น มือก็จับมือถือแน่นขึ้น
อังคณาลังเลไปสักพัก “วี เธออย่าตกใจนะ คือว่าเรื่องนี้น่ะ ฉันแค่จำได้คร่าวๆ”
จารวีกระทืบเท้าอย่างร้อนรนใจ “อังคณา เธออยากหยุดความอยากอาหารของฉันรึไง ไม่รีบบอกอีกฉันจะจัดการกับเธอล่ะนะ”
“ได้ ก็ได้ ฉันพูดละนะ วันนั้นหมายเลขทะเบียนรถที่ฉันเห็นคือ SC18888……”
จารวีฟังจบ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ “หมายเลขนี้ ฉันไม่คุ้นเลย”
“โอ้ย ก็ผู้ชายที่เธอส่งมาเอาหนังสือที่บ้านฉันไง ป้ายทะเบียนของรถคันที่เขาขับตรงเผงเลย”
จารวีสับสนวุ่นวายเล็กน้อย ยศพลมีรถในมืออยู่สองสามคัน รถที่ใช้บ่อยคือรถเฟอร์รารี่สีแดง รถโรสรอยสีดำ แต่ว่าเธอแทบจะไม่ค่อยได้สังเกตุป้ายทะเบียนรถสักเท่าไหร่
ทันใดนั้น ก็รู้สึกหมือนว่ามันจะเป็นรถสีดำที่ขับชนคนในวันนั้น
“เธอ เธอไม่ได้จำผิดไปใช่ป่ะ” เห็นได้ชัดว่าจารวีพูดออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“ฉันไม่ดูผิดไปหรอก เลขนี้จำง่ายจะตาย ตอนนั้นฉันยังแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีเลขทะเบียนรถที่เลขสวยขนาดนี้ เจ้าของรถจะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยมากแน่ๆ เลขที่จำได้ง่ายแบบนี้ ฉันจะไปจำผิดได้ยังไงล่ะ…”
ด้วยการยืนยันและรับประกันจากปากของอังคณาทำให้สติจารวีลอยหายไป
ผ่านไปนาน เธอจึงได้สติกลับคืนมา วางสายอังคณาอย่างลวกๆ
อยู่ดีๆแผ่นหลังก็เย็นวูบขึ้นมา คนที่ทำจะต้องเป็นยศพลแน่ๆ
ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ล่ะ หรือเพราะตอนนั้นเขาอยากจะขับรถชนคุณให้ตาย แต่พอเห็นเธอ จึงขับรถหนีไปอย่างรีบร้อน
จารวีรู้สึกตัวเบาราวกับขาทั้งสองเหยียบอยู่บนสำลี ขาทั้งสองอ่อนแอ ไม่รู้จะไปที่ไหนดี
“คุณจารวี”
น้าอามมองที่ใบหน้าของจารวีด้วยความตกใจ ตะโกนเรียกเธอมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ตอบสนองอะไร น้าอามรีบไปประคองจารวีจากทางด้านหน้าของเธอ
“คุณจารวี คุณเป็นอะไรไปคะ”
จารวีสติกลับคืนมา แววตามีประกายที่แสดงถึงความจิตตก “น้าอาม มาหาฉันมีอะไรรึเปล่าคะ”
“เอ่อ ไม่มีค่ะ ฉันต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย อยากจะถามว่าคุณจารวีอยากให้ฉันออกไปซื้อของอะไรมาให้มั้ย”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณค่ะ”
น้าอามจ้องจารวีอยู่นาน ท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยวางใจ
“คุณจารวี คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ ต้องการไปหาหมอมั้ย”
จารวีถูหน้า ยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ อาจจะเพราะนอนมากไป ฉันจะออกไปรับแสงแดดสักหน่อย”
จารวียืนอยู่คนเดียวในสวนดอกไม้ เงยหน้ามองไปที่ทะเลที่กว้างใหญ่
แสงแดดในตอนกลางวันที่แรงจัดแผ่มากระทบร่างของเธออย่างอบอุ่น เธอรู้สึกจิตตกจนทำอะไรไม่ถูก
เหมือนว่าเธอยืนอยู่ในส่วนที่มืดมิด หนาวเย็น เหงาและสิ้นหวังของนรก...
คนในบ้านพูลสวัสดิ์ไม่มีอะไรดี คนในบ้านพูลสวัสดิ์ต้องตายทุกคน...
คำพูดที่เหมือนเป็นการสาปแช่งของยศพลวนเวียนอยู่ในสมองของเธอซ้ำไปซ้ำมา ต้องเป็นเขาแน่ๆ ให้ตายเถอะ มีใครบอกฉันได้บ้าง ว่าฉันจะต้องทำยังไง
ในสำนักงานขนาดใหญ่ของ ST กรุ๊ป
ทัศนีย์นำแผนการสามแผนที่ต่างกันวางไว้บนโต๊ะทำงานของยศพล
ในวงการศูนย์การค้านั้น ยศพลมีอำนาจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีกระบวนการที่โหดเหี้ยม เขาชายตามองด้วยสายตาที่เฉียบแหลม
เขาเม้มริมฝีปากไว้แน่น ยื่นมือจะเอาแผนโยนไปบนหน้าของทัศนีย์
“รีบเอากลับไปทำใหม่มาเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้พวกบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดมีโอกาสได้หายใจแม้แต่นิดเดียว”
“แต่ว่า…” ทัศนีย์ลังเลเล็กน้อย
“ไป ไปทำให้ผมเดี๋ยวนี้ ทำไม่เสร็จวันนี้ทุกคนก็ไม่ต้องกินข้าว”
ยศพลตวาดเสียงดัง แล้วมองนาฬิกา ตอนนี้ก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว มันเสียเวลาจริงๆทำไมถึงต้องใช้เวลากับมันมากขนาดนี้
มองทัศนีย์รีบวิ่งไปที่แผนกวางแผนโดยเร็ว จากนั้นยศพลก็ยืนขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรไปหาจารวี
โว้ย ยัยบ้านี่ ปิดเครื่องอีกแล้ว อยากตายจริงๆใช่มั้ย
ยศพลจึงต่อสายไปที่โทรศัพท์ในคฤหาสน์
“คุณชายสวัสดีค่ะ นี่น้าอามเองค่ะ…”
“จารวีไปตายอยู่ที่ไหน ทำไมปิดเครื่องอีกแล้ว”
“คุณจารวีหลับไปแล้วค่ะ”
“ยังไม่ค่ำเลย หลับไปแล้วเหรอ” ยศพลไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
“ใช่ค่ะ คุณจารวีบอกว่าไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ยืนอยู่ในสวนดอกไม้คนเดียวเป็นเวลาสี่ชั่วโมงแล้วค่ะ…”
“ห้ะ ยัยบ้านี่อยากตายนักใช่มั้ย ไปเรียกเธอมารับสายผมเดี๋ยวนี้เลย…”
ยศพลตวาดเสียงดังลั่น ทัศนีย์ก็เดินเข้ามาพอดี “ท่านประธานยศพลคะ…”
ยศพลหันไปมองทัศนีย์แล้วพูดกับเธอว่า “ช่างมัน เดี๋ยวผมจะกลับมา”
ยศพลวางสาย เขาค่อนข้างหัวเสีย หันตัวไปนั่งบนเก้าอี้หมุนที่ทำจากหนังแท้อย่างแรงและมองเอกสารในมือของทัศนีย์ “เอามานี่”
แค่มองผ่านๆไปทีหนึ่ง เขาก็โยนให้ทัศนีย์ “ตามนี้แหละ ผมไปหล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย