เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 67

ตอนที่ 66 โดนเขาทายถูก

ยศพลเงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง "ไม่ทราบว่าคุณมนต์ตรีนัดผมมาสองสามครั้งเพื่ออยากจะคุยเรื่องอะไรเหรอครับ”

มนต์ตรีแสดงให้เห็นถึงมารยาทที่ดี ใบหน้าที่อบอุ่นและอ่อนโยนไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม “ประธานยศพล บริษัทของผมกับคุณก็มีความสำคัญมากในเมืองเอส หากเราร่วมมือกัน พวกเราต้องมีโอกาสที่ดีกว่าเดิม ... "

มนต์ตรีแสดงเจตนาของตนเองอย่างสุภาพมากๆ

ยศพลแสดงท่าทีหัวเราะอย่างเบาๆ “พวกเราSTกรุ๊ปยังไม่มีแพลนและความจำเป็นที่จะต้องร่วมงานกับบริษัทเล็กๆ บริษัทคุณทำเงินได้แค่เศษสตางค์พวกนั้น ยังกล้าเรียกบริษัทตัวเองว่าบริษัทใหญ่อีก ช่างไม่รู้จักประมาณตนซะจริง”

มนต์ตรีก็ยังคงมีมารยาทที่ดีอยู่ แต่ก็รับไม่ได้กับทัศนคติที่หยิ่งผยองของยศพล สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ในเมื่อประธานยศพลดูถูกบริษัทของเรา แล้วทำไมถึงต้องแอบซื้อบริษัทน้องวีล่ะครับ”

ยศพลดีใจหัวเราะอย่างมีความสุขกับชื่อบริษัทสองคำสุดท้าย และกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “ก็แค่เกมน่ะ พอเห็นสิ่งที่มันขัดตา ก็แค่เอามันมาครอบครองไว้เล่นๆ ทำไมเหรอครับ คุณชายมนต์ตรีเล่นด้วยไม่ไหวเหรอครับ”

มนต์ตรีกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาเริ่มจะแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความโกรธ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าทัศนคติของยศพลจะเลวร้ายได้ขนาดนี้

เขาไม่เพียงแต่ไม่เคารพเขา อีกทั้งยังมีท่าทีที่ยั่วยุอีกด้วย

เป็นการต่อสู้ของหนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อน มนต์ตรีพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง “ครับ งั้นคุณก็คอยดูนะครับ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่หัวเราะทีหลังดังกว่าจะเป็นใคร”

ยศพลแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “แล้วแต่คุณเลยครับ ยังคิดอยากจะเล่นกับผมอีก อ่อนหัดซะจริง”

“คุณก็อย่าประมาทไปละกัน…”มนต์ตรีโกรธจนหน้าซีด เลขาที่อยู่ข้างกายอยู่กับเขามาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้เห็นเขาเป็นแบบนี้เลย

ยศพลไม่ได้สนใจเขา หันหลังไปแล้วเดินผิวปากอย่างอวดดี

สองสามนาทีต่อมายศพลก็นั่งลงที่ที่นั่ง VIP ที่อยู่ตรงกลางอย่างหยิ่งผยอง ที่นั่งตรงนั้น เป็นตำแหน่งที่นั่งที่มนต์ตรีทำยังไงก็ไม่สามารฉวยเอาไปได้

“มนต์ตรี คนคนนั้นคือยศพลเหรอ”

สุรีย์วัลย์ไปเข้าห้องน้ำมา พอกลับมาก็เห็นสีหน้าที่โกรธจัดของมนต์ตรี

“อืม” มนต์ตรีตอบรับไปทีหนึ่ง สุรีย์วัลย์จึงรีบพยุงเขาให้นั่งลง “อย่าโกรธไปเลยนะ มนต์ พ่อของฉันจะช่วยเธอเอง”

“วัลย์ ที่นั่งตำแหน่งนั้นไม่ใช่ที่นั่งสำหรับผู้นำของเมืองเหรอ” มนต์ตรีเอ่ยปากถามอย่างกลัดกลุ้ม

สุรีย์วัลย์เห็นที่นั่งตรงนั้นอย่างชัดเจน เธอลังเลสักพักแล้วพยักหน้า “ใช่ แต่ว่า ฉันเพิ่งได้ยินมาว่ามีผู้นำสำคัญสองคนไม่มา ที่นั่งนั่นก็เลยตกเป็นของยศพลน่ะ”

“เมื้อกี้คุยกับเขาเป็นไงบ้างเหรอ” สุรีย์วัลย์ถามเขาด้วยความเป็นห่วง

“เขาพูดจาหยิ่งยโสมาก ไม่เคยมองผมในสายตาเลย แถมยังบอกว่าจะเล่นงานผมให้ถึงที่สุด…”

อารมณ์บนใบหน้าของมนต์ตรีไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป พอพูดจบก็ยิ้มปลอบสุรีย์วัลย์ “ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องกังวนหรอก ยังไงบริษัทน้องวี ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ ผมถึงจะเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญที่สุด หุ้นที่ไหลอยู่ข้างนอกก็แค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถึงเขาจะซื้อหุ้นข้างนอกสี่สิบเปอร์เซ็นนั้นไปหมด เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรกับบริษัทหรอก

สุรีย์วัลย์ส่ายหัวอย่างเป็นห่วงเป็นใย ยกแก้ว แล้วยิ้มหวานให้มนต์ตรี “มนต์ตรี ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าอะไรจะเป็นยังไง ฉันคอยอยู่เคียงข้างมนต์ตรีเสมอนะ”

จารวีเดินเข้ามาภายใต้การเดินนำของนิรัน สมองของเธอเน่าเละเหมือนเก่า ถึงเธอจะสนใจแฟชั่นโชว์แบบนี้มาก แต่เพระเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้ที่มารบกวนหัวใจของเธอ ทำให้เธอไม่มีทางที่จะมีสมาธิจดจ่อกับเครื่องอื่นได้เลย

"มาดูเร็ว มนต์ พิธีกรกำลังจะขึ้นเวทีแล้ว”

สุรีย์วัลย์พูดขึ้นมาเพื่อเตือน แต่สายตาของมนต์ตรีกลับหยุดอยู่ที่ร่างที่สวมชุดเดรสสีเหลืองอ่อนที่อยู่ตรงประตูใหญ่

จารวีสวมชุดเดรสชีฟองที่ยาวถึงเข่าสีเหลืองอ่อนสไตล์ที่เรียบง่ายและสง่างามของหญิงสาว ซึ่งแต่งตัวได้เข้ากับธีมของงานมาก ที่เท้าก็สวมรองเท้าส้นสูงคริสตัลสีเขียวอ่อนและผมตรงสีดำมีที่ยาวมาถึงไหล่เหมือนน้ำตก

ผิวสีขาวสว่างโปร่งใสภายใต้แสงสว่าง จมูกเล็กๆ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยิบระยับ ริมฝีปากรูปกลีบกุหลาบที่ทาลิปสติกสีแดงซึ่งดึงดูดคนเป็นอย่างมาก...

ความงามอันบริสุทธิ์ของสาวน้อยปรากฏขึ้น หัวใจของมนต์ตรีเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

วี วีมาหาพี่เหรอ

จารวีรู้สึกสายตามึนงงในท่ามกลางฝูงคนในงานมากมาย เธอมองไม่เห็นยศพล แต่กลับมองเห็นมนต์ตรีชายผู้สุภาพเรียบร้อย

เขาสวมชุดสูทลำลองสีขาว ด้านในเป็นเสื้อลายตารางหมากรุกสีเขียวอ่อน ผมสั้นที่หวีอย่างประณีตและดวงตาสีน้ำตาลดูอบอุ่นเหมือนหยก มองเธออย่างอ่อนโยน

ใจของจารวีเต้นเร็วกว่าเดิม พี่มนต์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

เธอใช้จังหวะตอนที่เดินตามนิรันไม่ทัน หันหลังแล้วเดินไปหามนต์ตรี

นั่นคือพี่มนต์ ผู้ชายที่เธอรักและอยากเจอมากที่สุด

"มนต์ ดูนี่สิ…."สุรีย์วัลย์หันมาหาแต่พบว่ามนต์ตรีเรียกกี่ทีมนต์ตรีก็ไม่ตอบสนองอะไร แต่กลับนิ่งและมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ในใจของเธอโกรธจนลุกเป็นไฟ พอมองเข้าไปในตาของเขาก็เห็นว่ามีจารวีที่สวยหวานสะท้อนอยู่

ทำไมยัยผู้หญิงราคาถูกคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้

ในชั่วพริบตาอยู่ดีๆเธอก็ใช้สองมือโอบรอบคอของมนต์ตรี แล้วจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากของเขา

จารวีหยุดเดิน ยืนค้าง เบื้องหน้าสุรีย์วัลย์กำลังจูบกับมนต์ตรีอย่างร้อนแรง...

ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดติดกัน เป็นภาพบาดตาบาดใจเธอ เธอมาทำอะไรตรงนี้น่ะ

พี่มนต์กลายเป็นว่าที่สามีของคนอื่นไปแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอแล้ว!

ในตอนนั้น นิรันก็เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีร่างของจารวีที่เดินตามหลัง เขาจึงรีบเดินกลับไป แล้วดึงแขนเสื้อของจารวีเดินตามเขาไป

"คุณจารวี ตรงนี้ไฟค่อนข้างมืด คุณระวังหน่อยนะครับ…"

"อื้ม โอเค"

ใจของจารวีจมลงอย่างเจ็บปวด ราวกับมีมีดทำจากน้ำแข็งที่เย็นเฉียบแทงเข้าไปจนสุดแล้วบิดซ้ำอีกที

ทั้งหนาวเหน็บและเจ็บปวด ระหว่างทางก็ชนเข้ากับมุมโต๊ะโดยไม่รู้ตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย