ตอนที่76 ทำงานที่หลอกลวง
ได้ยินดังนั้น ดวงตาของจารวีลุกวาว ราวกับว่าเธอกำลังมองเห็นแสงสว่างในช่วงเวลาที่มืดมน
“จริงหรอคะ คืองานอะไรคะ!!”
“งานเกี่ยวกับเลขานุการ เงินเดือนเดือนละ25,000บาท ทำงานห้าวันหยุดสองวัน ช่วงเวลาเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น คุณสนใจไหมครับ” ชายสวมแว่นก้าวเข้ามาใกล้จารวีเรื่อยๆ สายตาของเขาลุกโชน ราวกับหมาป่าที่กำลังหิวโหย
ทันใดนั้น ก็มีกำปั้นหนึ่งพุ่งมาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของชายสวมแว่น ชายสวมแว่นล้มลงบนพื้น แว่นของเขาแตกยับเยิน ใบหน้าฉุนโกรธพลางตะโกนด่าดังลั่น “ไอ้เวรเอ้ย ใครต่อยฉันวะ คอยดูเถอะ...”
ชายสวมแว่นยังไม่ทันพูดจบ ยศพลก็ยกเท้าเหยียบเข้าที่ใบหน้าของเขา
“แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้! กลางวันแสกๆยังกล้ามาหลอกเด็กผู้หญิง!!”
ยศพลเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม เขาทิ้งน้ำหนักลงที่เท้า ชายสวมแว่นร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด
จารวีเรียกสติกลับมา เธอรีบปรี่เข้าไปดึงยศพลออก “นี่คุณทำอะไร คนเขามีน้ำใจจะมาช่วยฉันหางานนะ!”
ยศพลจ้องมองเธออย่างเดือดดาล “หางานหรอ! เธอไม่เห็นหรือไงว่าอีกนิดมือมันก็จับโดนหน้าอกเธอแล้ว!” น้ำเสียงประชดประชันของยศพลทำเอาจารวีหน้าแดงด้วยความกระดากอาย
พอได้ยินว่าจะได้งานก็ดีใจจนลืมตัว เธอไม่ได้สังเกตสักนิดว่าชายสวมแว่นมีท่าทีผิดปกติ
“ช่างเถอะ ปล่อยเขาไปนะยศพล ยังไงซะนี่มันก็เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง”
จารวีเอ่ยออกมาพลางกัดริมฝีปากล่างอย่างอดกลั้น
ถึงแม้ตัวเธอจะไร้ประโยชน์ ทั้งหางานไม่ได้สักงาน แต่เธอก็ไม่ชอบให้ยศพลมาก้าวก่ายชีวิตของเธอ
ยศพลยกเท้าขึ้น ชายสวมแว่นรีบวิ่งหนีอย่างฉุกละหุก
จารวีมองยศพลเพียงแวบเดียวพลางหันหลังให้
“จารวี! นี่เธอจะจากไปดื้อๆแบบนี้หรอ” ยศพลกดเสียงต่ำ
จารวีงุนงง เธอหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา “แล้วฉันยังมีอะไรติดค้างคุณอยู่หรอคะ คุณชายยศพล!”
เธอยังติดค้างอะไรฉันงั้นหรอ ยัยโง่นี่ เธอยังติดค้างฉันทั้งชีวิตยังไงล่ะ! คิดไม่ถึงเลยว่าเธอทำอย่างกับไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันเลยสักนิด เหอะ!
เป็นครั้งแรกที่หัวใจของยศพลรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ที่ผ่านมามีแต่เขาที่เป็นคนสลัดพวกผู้หญิงให้ออกไปจากชีวิต แต่ครั้งนี้เขากลับถูกเธอสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ทั้งยังไม่เหลือแม้เยื่อใยสักนิด
เขาไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงอุ้มจารวีพร้อมบีบบังคับให้ไปกับเขาแล้ว
แต่ทว่า ตั้งแต่ที่เธอคิดฆ่าตัวตายคราวนั้น เขาถึงได้รู้จารวีมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากมายขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว
“ข้อตกลงของเรายังเหลืออีกครึ่งเดือน” ยศพลกางสัญญาในมือออก
จารวียกมือขึ้นจับหน้าผาก ตายจริง! เธอลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
เธอเงียบไปสักพัก จึงช้อนสายตาขึ้นมองเขาพลางเอ่ย “เงินที่ติดคุณ ฉันจะทยอยคืนให้ แต่ฉันไม่อยากกลับไปเป็นเมียเก็บของคุณแล้ว”
น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นกระซิบ มีเพียงยศพลคนเดียวที่ได้ยิน
ยัยผู้หญิงคนนี้ เธอคิดว่าการที่เป็นเมียเก็บของฉันมันน่าอัปยศอดสูมากนักหรือไง เธอควรรู้ไว้ซะ ว่าคนอย่างท่านประธานยศพลน่ะ แค่กระดิกนิ้วก็มีผู้หญิงเป็นมากมายเป็นขบวนมาแก้ผ้าตรงหน้าพร้อมกระโดดขึ้นเตียงแล้ว
ยศพลกำหมัดแน่น นัยน์ตาทั้งโกรธทั้งโมโห “อืม ฉันจะรอเธอคืน”
น้ำเสียงของเขาทั้งเย้ยหยันทั้งประชดประชัน
ในใจอยากเห็นความกระวนกระวายของเธอนัก
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนมาคืนเขา ผู้หญิงที่ไม่เคยสัมผัสความยากลำบากแบบเธอ ให้ได้สัมผัสบ้างจะได้เห็นคุณค่าของเขา
จารวีจ้ำอ้าวออกจากศูนย์รับสมัครงานอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นสามวัน จารวียังคงหางานอย่างไม่หยุดหย่อน แต่เธอคงโชคไม่ดี อย่าว่าแต่งานดีๆที่เหมาะสมกับตัวเองเลย แม้แต่งานขับรถส่งอาหารเธอยังไม่สามารถหาได้
งานส่งอาหารจำเป็นต้องมีรถ แต่เธอไม่มีรถสักคัน
ส่วนงานอื่นๆก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ มีประสบการณ์งั้นหรอ เธอมีแค่ประสบการณ์การอ่านหนังสือเท่านั้นแหละ จะไปมีประสบการณ์อื่นๆได้อย่างไร ช่างกลัดกลุ้มใจเสียจริง
ตอนกลางวัน เธอทานอาหารในร้านเล็กๆที่ราคาเพียงจานละสี่สิบบาท เธอทานไปพลางดูโทรทัศน์ที่ร้านอาหารเปิดไว้
อาหารกลางวันของเธอคือข้าวราดผัดผักกาดขาวแสนง่ายดาย ไม่มีแม้แต่เนื้อสัตว์สักชิ้น
แต่เธอกลับทานอย่างเอร็ดอร่อย คงเป็นเพราะหิวมากจริงๆ
‘ข่าวด่วนของวันนี้... เวลาประมาณเก้านาฬิกา ขณะที่คุณมนต์ตรีประธานบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัด กำลังเข้าร่วมงานแบ่งสันปันผลกำไรประจำปี ได้ถูกบุคคลปริศนาใช้ปืนน้ำยิงเข้าใส่ คาดเดาว่าคือคู่ต่อสู้ทางธุรกิจ โดยการกระทำดังกล่าวคาดว่าเพื่อทำให้ประธานมนต์ตรีเกิดความอับอาย และในขณะเดียวกันราคาหุ้นของบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดกำลังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง...’
หัวสมองของจารวีขาวโพลน รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอรีบร้อนกดโทรศัพท์ต่อสายไปยังมนต์ตรี
ปลายสายกดรับโทรศัพท์ เป็นเสียงของสุรีย์วัลย์ดังเล็ดลอดออกมา
“สวัสดีค่ะ คู่หมั้นของมนต์ตรีพูดค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
จารวีกดวางสายโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะคุยกับสุรีย์วัลย์
ต้องเป็นยศพลแน่ เพราะเขาเคยพูดว่าเขาไม่มีทางปล่อยมนต์ตรีไป ทำยังไงดีนะ..
จารวีทานข้าวไม่ลงแล้ว เธอจึงลุกเดินออกจากร้านทันทีโดยที่ยังเหลือข้าวอีกครึ่งจาน
แสงอาทิตย์ด้านนอกสว่างสดใส แต่จิตใจของจารวีกลับมืดมน ทำยังไงดีนะ ฉันจะช่วยพี่มนต์ยังไงดี..
เนิ่นนาน ขณะที่จารวีเดินไปเรื่อยๆอย่างสับสน ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งเฉียดปลายเท้าของเธอไปอย่างรวดเร็ว จารวีตกใจจนแทบสิ้นสติ เธอเพิ่งค้นพบว่าตัวเองนั้นเดินมาหยุดอยู่ที่กลางถนน
มือหนาคู่หนึ่งเอื้อมมือมาดึงเธอให้กลับเข้าข้างทางโดยไม่บอกกล่าว เมื่อหันกลับไป ดวงตาเธอจึงสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันของยศพล
“หางานไม่ได้ ก็เลยคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาหรือไง” ยศพลเอ่ยอย่างประชดประชัน
จารวีหลุบตาลง “ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันแค่เดินใจลอยน่ะ”
จารวีใช้ความคิดสักพักหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมองยศพล “ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีวิธีหาเงินมาคืนคุณแล้ว ฉันก็เลยจะกลับไปทำหน้าที่เมียเก็บของคุณอีกครึ่งเดือน”
ยศพลริมฝีปากกระตุก ในใจของเข้าเต็มไปด้วยความเดือดดาล เพราะเงินสินะ เพราะต้องการจะคืนเงินเธอก็เลยอยากจะกลับมาอยู่กับเขางั้นสิ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยศพลต้องการเลยสักนิด
“เหอะ! ดูๆแล้ว เธอมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นสักเท่าไร”
ยศพลหันหลังพลางลากจารวีไปด้วย เขาและเธอก้าวเข้าไปในรถ ไม่ทันไรก็ต้องกลับมาอยู่ในอาณาเขตของเขาอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย