“จี้เทียน ฉันท้อง ฉันรู้ว่าคุณไม่ยอมรับเป็นพ่อ ฉันจึงขอพาเด็กคนนี้จากโลกใบนี้ไปพร้อมกัน”
ตอนที่มีข้อความเด้งเข้ามานั้น กู้ชิงเกอก็นั่งอยู่ด้านข้างโม่จี้เทียน
หลังจากโม่จี้เทียนเห็นข้อความนี้แล้วจึงทนไม่ไหว พลันเอามือขึ้นกอดคอร้องไห้ต่อหน้าเธอทันที “ขอโทษนะชิงเกอ โม่โม่เธอตั้งท้องแล้ว ให้ผมทิ้งเธอโดยไม่สนใจไยดีผมทำไม่ได้จริงๆ”
กู้ชิงเกอนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ตรงนั้นไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
“แล้วยังไงต่อ?”
“ชิงเกอ คุณเป็นหญิงแกร่ง ไม่มีผมคุณก็อยู่ได้ แต่โม่โม่ไม่เหมือนคุณ เธอมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ถ้าไม่มีผม”
โม่จี้เทียนลุกพรวด พลางพูดและถอยหลังพร้อมกัน “ชิงเกอ โม่โม่ต้องการผมมากจริงๆ”
“โม่จี้เทียน” กู้ชิงเกอยืดหลังตรง พลันกัดฟันเพื่อป่าวประกาศออกไปอย่างมุ่งมั่น “คุณจำไว้ด้วย ฉันไม่ต้องการคุณ ถ้าภายภาคหน้ามีโอกาสได้เจอกันอีก อย่าได้พูดว่าคุณรู้จักฉัน”
“โอเค ตกลง!” โม่จี้เทียนหันหลังและวิ่งออกไปทันที
กู้ชิงเกอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรออก พร้อมทั้งกัดริมฝีปากล่างไปด้วย “น้าชิวคะ เรื่องที่น้าเอ่ยปากกับหนูไว้ หนูตกลงค่ะ”
ความเย็นยามวิกาลดั่งสายน้ำ ท้องฟ้ามืดดำดั่งหมึก
ด้านในห้องพักขนาดใหญ่ภายในโรงแรมเหลือแค่กู้ชิงเกอเพียงคนเดียว เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและเดินออกมา โดยใส่แค่ชุดนอนแขนกุดเนื้อบางเบา พลางเดินมานั่งข้างเตียงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
เมื่อตระกูลฟู่แห่งเมืองจิ่งได้ยินเธอยอมตกปากรับคำในการแต่งงานครั้งนี้ จึงสั่งการให้คนซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินเช้าของวันพรุ่งนี้ทันที เธอจึงรีบเข้าพักโรงแรมในคืนนั้น เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินตั้งแต่ฟ้าสาง
เปรี้ยง--
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างหนัก มีสายฟ้าสายหนึ่งสว่างวาบอยู่บนฟ้า พลันเกิดความมืดมิดขึ้นมาในห้องทันที
ไฟดับ!!
ซึ่งในเวลาเดียวกันมีเงารูปร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่ด้านนอก และผลักประตูเข้ามา
กู้ชิงเกอตกใจจนกระเด้งขึ้นจากเตียงนอน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเธอลืมล็อกประตูเหรอ? หรือว่ากลอนประตูของโรงแรมนี้มีเพื่อไว้ตั้งโชว์เพียงอย่างเดียว?
“อย่าส่งเสียง!”
ท่ามกลางความมืดมิด กลับมีปากกระบอกปืนสีดำทะมึนเพ่งมาตรงศีรษะของกู้ชิงเกออย่างแม่นยำ
กู้ชิงเกอชะงักอยู่ชั่วพริบตาแต่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว ปืนกระบอกนั้นที่จี้มาที่ศีรษะของเธอ ช่วงเวลาชั่วอึดใจ ขนาดลมหายใจของเธอก็ยังแผ่วเบาลงไปเยอะ
มีเสียงฝีเท้าดังเซ็งแซ่อยู่ทางด้านนอก กู้ชิงเกอได้ยินคนกดเสียงต่ำเพื่อออกคำสั่ง “มันบาดเจ็บอยู่ คงวิ่งไปไหนไม่ได้ไกลมาก พวกแกไปค้นทุกห้อง ไปเอาตัวมันมาให้ฉันให้ได้”
“ครับ!
เสียงฝีเท้าใกล้มาทางนี้เรื่อยๆ กู้ชิงหว่านเพิ่งเคยเจอกับสถานการณ์นี้เป็นครั้งแรก พลางเกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนจนเหงื่อเย็นไหลพรากตรงหน้าผาก เธอได้ยินเสียงผู้ชายที่ประชิดตัวอยู่ด้านหลังพลันกดเสียงกระซิบข้างใบหู “เดี๋ยวพอพวกมันมาถึง คุณรู้ตัวใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง? หือ?”
กู้ชิงเกอพยักหน้าเหมือนจะรู้
“มั่นใจได้เลย ถ้าคุณกล้าเปิดเผยเรื่องผม ผมจะให้คุณเป็นแพะรับบาปแทนผม อย่าสงสัยศักยภาพของผมเป็นอันขาด หือ?”
กู้ชิงเกอหวาดกลัวจนพยักหน้าเพื่อเห็นด้วยกับอีกฝ่าย จนรับรู้อาการตัวสั่น ชายหนุ่มตะลึงเล็กน้อย ถึงได้ยอมปล่อยเธอ หลังจากได้รับอิสระแล้ว กู้ชิงเกอจึงรีบยื่นมือคว้าจับโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเพื่อประคองตัว และรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ
ชายหนุ่มจัดการหาที่หลบซ่อนให้ตนเองอย่างรวดเร็ว ส่วนกู้ชิงเกอคอยจับโต๊ะเพื่อประคองตัวเองไม่ให้เกิดอาการขาอ่อนจนล้มลง ซึ่งยืนทรงตัวแบบนี้ได้สักพัก ในที่สุดด้านนอกก็มีคนมาเคาะประตู กู้ชิงเกอไม่ได้ขยับเขยื้อน เวลาพริบตาเดียวพลางฉุกคิดว่ามีคนข้างนอกคอยถือปืนเพื่อฆ่าคน เธอหวาดกลัวจนอยากจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณอยากตายใช่มั้ย?” พลันมีเสียงเย็นชาดังมาจากทางด้านหลัง จนทำให้เธอเหงื่อแตกทั่วตัวจากความตกใจ
“ไม่ ไม่อยาก!” กู้ชิงหว่านส่ายหน้า เธอกัดริมฝีปากล่างพร้อมทั้งยกมือขึ้นเพื่อปาดเม็ดเหงื่อเย็นที่ผุดบริเวณหน้าผาก จากนั้นจึงลากเท้าเดินไปเปิดประตู
กู้ชิงเกอเป็นคนหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่เพราะว่าไม่ได้รับโภชนาการอันดีมาหลายปีจึงทำให้รูปร่างผอมกะหร่อง กระทั่งใบหน้าขาวดูผิดปกติ บวกกับเธอรู้สึกหวาดกลัวจับใจ จึงทำให้สีหน้าของเธอในขณะนั้นขาวกว่าผีสางนางไม้เสียอีก
ตอนที่เปิดประตูออกนั้น จึงมองเห็นผู้ชายที่ใส่ชุดดำอยู่ด้านนอกสองคนที่แสดงอาการขวัญเสียเมื่อเห็นรูปลักษณ์ในเวลานี้ของตนเอง หนึ่งในนั้นยังกระโดดถอยหลัง พลางจ้องมองเธออย่างหวาดระแวงอยู่ตลอด
มือของกู้ชิงเกอที่หลบซ่อนในห้องกำลังสั่นเทา เธอเหล่ตามองทั้งสองคนด้วยท่าทางสงสาร พลันสอบถามทันที “มะ มีธุระอะไรหรือคะ?”
“ถามหน่อยสิ หล่อนเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งหรือเปล่าวะ!” ผู้ชายตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นที่ยืนอยู่ขอบประตูจ้องมองเธอและถามด้วยถ้อยคำหยาบกร้าน
พอล้มลงแล้วก็ไม่รู้ว่าไปทับกับอะไรบ้าง กู้ชิงเกอเจ็บจนทนไม่ไหว น้ำตายังไม่ทันไหลออกมาก็ได้ยินเสียงบ่นอื้ออึงในลำคอของผู้ชายที่อยู่ด้านล่างคนนั้นเสียแล้ว พลันมีเสียงพูดตามหลังมาติดๆ “จะบ้าตาย นี่เธอทำบ้าทำบออะไรอยู่เนี่ย?”
กู้ชิงเกอสีหน้าเสียใจ “ฉันไม่ได้ลืมตา ฉันมองไม่เห็นทาง”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ “แล้วเธอจะหลับตาทำไม?”
“ฉัน...” กู้ชิงเกอใกล้ร้องไห้ออกมาจริงๆ “ฉันกลัวว่าเมื่อเห็นหน้าคุณแล้ว คุณจะไม่ไว้ชีวิตฉัน...”
“เหอะ” ชายหนุ่มทนต่อคำหยอกล้อเธอไว้ไม่อยู่ จากนั้นกู้ชิงหว่านรู้สึกว่าปลายคางของตนเองถูกคนตรึงไว้แน่น ถัดจากนั้นก็ได้ยินคำสั่งที่พูดกับเธอของผู้ชายคนนั้น “ในห้องมืดสนิทขนาดนี้คุณจะมองเห็นผมชัดมั้ยล่ะ? ลืมตาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่!” กู้ชิงเกอไม่กล้าลืมตา ยังคงปิดตาสนิท
ภายในห้องอันมืดสลัวกู้ชิงเกอปีนป่ายอยู่บนร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา
“อืม~” จู่ๆ ผู้ชายก็แสยะยิ้มออกมา “คุณเชื่อมั้ย... ถ้าคุณยังปีนป่ายบนร่างกายของผมต่อ ผมอาจจะทำอะไรกับคุณก็ได้นะ?”
ฤทธิ์ยาที่อยู่ในร่างกายราวกับเริ่มออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ส่วนยัยสาวน้อยที่ไม่กลัวความเป็นความตายคนนี้ ร่างกายอันนุ่มนวลกำลังบดขยี้อยู่บนตัวของเขา กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ หลังอาบน้ำเสร็จที่ติดตัวมา ยิ่งทำให้เขาใกล้จะระงับความปรารถนาในร่างกายของตนเองไว้ไม่อยู่จนใกล้จะระเบิดไฟราคะออกมาอยู่รอมร่อ
“ทำอะไรเหรอ?” กู้ชิงเกอประหลาดใจอยู่สักพัก เพราะรู้สึกไม่เข้าใจความหมาย
“คุณคิดว่าไงล่ะ?” น้ำเสียงชายหนุ่มแหบพร่า จู่ๆ ฝ่ามือใหญ่อันร้อนผ่าวพลันโอบเอี่ยวเอวคอดกิ่วของเธอ กู้ชิงเกอกรีดร้องด้วยความตกใจ พร้อมทั้งลืมตาทันที
ทว่าในความมืดมิดนั้น เธอแทบมองไม่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเลยด้วยซ้ำ แค่รู้สึกว่าลมหายใจที่อยู่บนร่างกายของเขาร้อนรุ่มมาก
กู้ชิงเกอยังรู้สึกว่าฝ่ามืออันร้อนผ่าวข้างนั้นปัดป่ายอยู่บนช่วงเอวของตนเอง ด้วยความตกใจจึงยื่นมือเพื่อผลักเขาออก “ฉันเตรียมจะลุกอยู่แล้ว คุณ ปล่อยฉันนะ!”
“สายเกินไปแล้ว!”
สายฟ้าฟาดลงมาทันที
ชายหนุ่มพลิกตัวและทาบทับตัวเธอแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน