“ว๊ายๆ อุ๊บ” กู้ชิงเกอตกใจจนกรีดร้องเสียงหลง แต่ยังไม่ทันเปล่งเสียงออกมา พลางถูกชายหนุ่มทาบทับประกบปากทันที ริมฝีปากร้อนรุ่มดั่งกองไฟปิดปากรูปเชอร์รี่ของเธอทันที จนทำให้เธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้สักนิด
“อื้อ”
กู้ชิงเหอเบิกตาโพลงด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยื่นมือออกไปผลักเขาออกอย่างสุดแรง แต่ผู้ชายคนนี้เหมือนภูเขาลูกใหญ่มหึมา ทาบทับเธอจนไร้วิธีสูดอากาศหายใจเข้า กระทั่งยังตักตวงลมหายใจจากปอดของเธออย่างเอาแต่ใจ
“อย่า อื้อ ...” ไม่นะ! กู้ชิงเกอตกใจจนน้ำตาไหลพราก แต่ไม่ว่าเธอจะผลักเขายังไงก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ความเจ็บปวดอันถึงขีดสุดแผ่ซ่านมาเป็นระยะ กู้ชิงเกอตระหนักได้ทันทีถึงปัญหาที่สำคัญมากๆ
นั่นก็คือ...
เธอเสียตัว!!!
อีกทั้งยังเป็นบนพื้นห้องอันเย็นเฉียบ มีฟ้าผ่าอยู่ด้านนอก เธอถูกผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามตรึงไว้ที่พื้น เพื่อตักตวงจากร่างกายของเธอ
ชายหนุ่มกัดกินเธออย่างโหดเหี้ยม นอนทาบทับร่างกายของเธอราวกับเสือดาวอันแข็งแกร่ง
กู้ชิงเกอไม่รู้ว่าควรอธิบายความรู้สึกของตนเองว่าอย่างไรดี รู้แค่เพียงหลังจากชายหนุ่มประกบร่างลงมาพลันงับติ่งหูอันเย็นเฉียบของเธอ พลางกระซิบพึมพำ “สาวน้อย เธอหวานจริงๆ”
จากนั้นกู้ชิงเกอผล็อยหลับเป็นตายจากความเหนื่อยล้า
จนเวลาที่เธอได้สติกลับคืนมา ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกหยุดเสียแล้ว ภายในห้องว่างเปล่า บรรยากาศรอบๆ เงียบกริบ มีเพียงเธอนอนอยู่บนเตียงคนเดียว
กู้ชิงเกอมองฝ้าเพดานอย่างเหม่อลอยอยู่นาน ในหัวปรากฏภาพที่สร้างความน่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน จึงชำเลืองมองข้างกาย แต่กลับไม่มีใครสักคน
ภายในห้องมีแค่เธออยู่คนเดียว หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือความฝันเหรอ?
เมื่อกู้ชิงเกอคิดได้แล้ว จึงใช้มือยันข้างกายเพื่อลุกขึ้น พอขยับตัวเท่านั้นแหละก็รู้สึกเจ็บจี๊ดตรงบริเวณหว่างขาทันที เจ็บจนทำให้เธอล้มตัวนอนอีกครั้ง จนเกิดอาการงุนงงปรากฏอยู่บนสีหน้า
มันไม่ใช่ความฝัน? หรือว่ามันคือความจริง?
ถ้าเสียตัวจริงๆ งั้นเธอจะทำตัวยังไงดีกับตระกูลฟู่?
กู้ชิงเกอใช้แขนยันเพื่อดันตัวขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าบริเวณคอมันว่างเปล่ามาก จึงค้นพบว่าสร้อยคอที่มารดาทิ้งไว้ดูต่างหน้าก่อนที่มารดาที่เสียชีวิตหายไปเสียแล้ว
ร่างกายกู้ชิงเกอไม่ค่อยสู้ดี!
เป็นไปได้ยังไง? สร้อยเส้นนี้เธอใส่ติดตัวมาตลอด ทำไมอยู่ดีๆ ก็หายไปดื้อๆ ล่ะ?
กู้ชิงเกอไม่สนใจกับความเจ็บปวดบริเวณท่อนล่างของร่างกายอีกแล้ว พลันลุกขึ้นและตามหาบริเวณรอบๆ แต่เธอหาหลายจุดแถมวนซ้ำหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นสร้อยเส้นนั้นของตัวเองสักที
หรือว่าผู้ชายคนเมื่อคืนนั้นเอาสร้อยเธอไปด้วยเหรอ?
คิดไม่ถึงว่าเธอไม่ได้แค่เสียตัว แถมยังสูญเสียสิ่งของอันล้ำค่าที่สุดไปด้วย!
เธอต้องตามหาเขาให้ได้ เพื่อเอาสร้อยกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน
กู้ชิงเกอลุกขึ้นเพื่อเก็บเสื้อผ้า ก่อนจะออกจากห้องจึงเห็นคราบรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอน
เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน พลันดึงผ้าปูที่นอนและม้วนเข้าหากันพร้อมทั้งทิ้งลงบนถังขยะด้านข้างทันที
เวลาจวนเจียนแล้ว เธอจึงต้องรีบไปที่สนามบินให้ทัน
หลังจากลงจากเครื่องบิน พลันมีคนที่ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวภูมิฐานจำนวนหลายคนเข้ามาดักหน้าเธอ เมื่อจ้องมองเธอ และมองรูปภาพที่อยู่ในมืออีกครั้ง ชายชราที่เป็นหัวหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอด้วยสายตาอันฉลาดเฉลียว “คุณหนูกู้”
กู้ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ “คุณคือ?”
“คุณหนูกู้ ผมลุงจิน เป็นพ่อบ้านของตระกูลฟู่ ครับ”
ตระกูลฟู่เหรอ? กู้ชิงเกอรีบโค้งตัวให้เขา “สวัสดีค่ะลุงจิน”
“คุณหญิงให้ผมมารับคุณหนูกู้ครับ ขึ้นรถเถอะครับ”
กู้ชิงเกอถอดเสื้อโค้ตออก พลันเอนหลังนอนลงบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ เธอเหนื่อยสายตัวแทบขาดมาทั้งวัน จึงควรได้นอนพักให้สบายสักงีบจริงๆ
เมื่อพลิกตัว จนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดตรงหว่างขาขึ้นมาตงิด กู้ชิงเกอหวนคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที
ไอ้ผู้ชายทุเรศนั่น ... ป่าเถื่อนจริงๆ
เมื่อคิดแบบนี้ออกมา กู้ชิงเกอค่อยๆ ดำดิ่งสู่ห้วงความฝัน
ชั้นล่าง
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงตระหง่านเมื่อเดินเข้ามาในบ้านจึงถอดถุงมือและสูทสีเข้มออก น้าซูรีบก้าวไปรับไว้หน้าทันที “คุณชายกลับมาแล้วเหรอคะ”
“อืม”
เสียงแหบทุ้มต่ำ ราวกับเป็นเสียงสีสายเชลโลอย่างเอื้อนเอ่ย
หลังจากน้าซูรับสูทมาแล้วจึงค้นพบว่าบนไหล่ซ้ายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ชายหนุ่มสวมใส่อยู่นั้นเปื้อนเลือด จึงพูดด้วยความตกใจ “คุณชายได้รับบาดเจ็บมาเหรอ? ไปโรงพยาบาลมั้ย?”
ชายหนุ่มเอ่ยพูดอย่างไม่แยแส “ไม่ต้อง ให้จินสวินไปหาผมที่ข้างบนด้วย”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก้าวขายาว เพื่อเดินขึ้นชั้นบนอย่างหนักแน่น น้าซูตะลึงเล็กน้อยราวกับคิดอะไรได้ ตอนนี้ห้องของคุณชายมีคนอื่นอยู่นี่นา
ฝีเท้าอันมั่นคงกระทบลงบนพื้นหินอ่อนจนเป็นจังหวะอันงดงาม ฟู่ซือหานผลักประตูเข้าไป พลางจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกและเดินเข้าห้องน้ำทันทีโดยขี้เกียจเปิดไฟด้วยซ้ำ
รอแล้วรอเล่าหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จจนเดินออกมานั้น ทางด้านนอกก็ยังไม่มีเสียงดังขึ้น ฟู่ซือหานขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทำไมจินสวินยังไม่มาสักที?
เขาใช้ผ้าขนหนูพันรอบท่อนล่างเอาไว้และเดินเข้ามาในห้อง เมื่อฟู่ซือหานเดินเข้ามาก็ตระหนักได้ทันทีว่ากลิ่นภายในห้องมันไม่ถูกต้อง
ปกติแล้วห้องของเขาจะสะอาดหมดจนไร้กลิ่นอื่นใด แต่อากาศของวันนี้เหมือนมีกลิ่นไม้หอมจางๆ อบอวลไปทั่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน