บนรถ..
ขณะที่นั่งรถมา เมขลาหันมองกลับไปด้านหลังตลอด อยากรู้ว่าเขาจะตามมาไหม แต่ก็ไร้วี่แวว
"คุณทศสัญญากับเมย์แล้วนะคะ ว่าจะไม่ลงโทษคุณเพลิง"
"สัญญาแล้ว" คนเป็นพี่นั่งหน้าเคร่งขรึม เขาไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย ทั้งๆ ที่เพลิงก็แสดงอาการออกชัดเจนขนาดนั้น
นั่งรถมาไกลเกือบ 100 กิโลเมตรแล้ว เมขลาก็ยังคงมองกลับไปด้านหลังเผื่อเห็นรถของเขาตามมา..แต่ก็ไม่มี เขาจะทำอย่างที่ตกลงกันไว้ได้จริงเหรอ
จนรถที่ชาติขับมาจอดอยู่ที่หน้าเซฟเฮ้าส์..ในเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว
พุดตาลรู้แล้วเพราะทศกัณฐ์โทรมาแจ้งว่ากำลังพาน้องกลับ นางแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน พอรถมาถึงก็รีบเดินออกมา
เมขลาเปิดประตูลงโดยไม่กล้ามองหน้าใคร พวกท่านอุตส่าห์รับเธอมาชุบเลี้ยง แต่เธอก็ทำให้ทุกคนขายหน้า
"เดินทางมาเหนื่อยๆ แม่ว่าเข้าไปนอนเอาแรงก่อนดีกว่า" ถ้าพูดอะไรไปตอนนี้ก็กลัวว่าเด็กจะคิดมาก
เมขลาพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าห้อง
เรื่องนี้ทศกัณฐ์ขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกรามสูร ขอให้เขาเป็นคนจัดการก่อน เพราะถึงยังไงเพลิงก็เป็นลูกน้อง
และที่ทศกัณฐ์ต้องแยกทั้งสองคนออกมาแบบนี้ เพราะรู้นิสัยของเพลิงดีว่าเป็นคนเจ้าชู้แค่ไหน มีครั้งไหนบ้างที่ไปเที่ยวด้วยกันแล้วเพลิงไม่หิ้วผู้หญิงกลับ ทศกัณฐ์ยังเคยออกปากถ้ามีน้องสาวจะไม่ให้ใกล้ไอ้หมอนี่เลย
ใกล้เที่ยงวันเดียวกัน..
ก๊อก ก๊อก "พี่เอง" เอวาเห็นว่าเมขลายังไม่ออกมาจากห้องตั้งแต่มาถึง เลยหาอะไรมาให้ทานที่ห้อง "ให้พี่เข้าไปได้ไหม"
"ไม่ได้ล็อกประตูค่ะ" เมขลาเหมือนหัวใจแตกสลาย แทบไม่อยากขยับตัวไปไหน เมื่อถูกจับแยกกับชายคนที่เธอรัก
"ทานข้าวหน่อยนะจะได้มีแรง" เอวาถือถ้วยอาหารเข้ามาด้วย
"เมย์ไม่หิวค่ะ"
"ไม่หิวก็ต้องทาน นี่จะเที่ยงแล้วข้าวเช้าเรายังไม่ทานเลย"
"คุณทศใจร้าย" เมขลาพูดพร้อมคว่ำหน้าลงกับหมอน
"พี่เขาเป็นห่วงเรา"
"ใช่สิคะ พวกพี่สองคนไม่มีใครขัดขวางแบบเมย์นี่"
"น้องเมย์ฟังพี่นะ ที่พี่ชายของเราทำไปคงมีเหตุผล" แต่พูดยังไงเมขลาก็ไม่ยอมฟัง เอวาก็เลยต้องล่าถอยออกไปก่อน
"เป็นไงบ้างลูก" พุดตาลถามเมื่อลูกสะใภ้ออกมาจากห้องนั้น
"ไม่รู้ว่าจะยอมทานหรือเปล่าค่ะ ตอนนี้งอนให้พี่ชายไปแล้ว"
[กรมทหารราบ]
ตั้งแต่กลับมาทศกัณฐ์ยังไม่เข้ามารายงานตัว วันนี้พอเสร็จธุระจากน้องสาวเขาเลยถือโอกาสเข้ามาในกรม
ชายหนุ่มเข้ามาในห้องผู้บังคับบัญชา ตอนนี้ห้องนั้นไม่ได้มีแค่พลเอกเกษมราษฎร์ ยังมีท่านพลเอกเรวทัตอีกคน
"วันงานเลี้ยงไม่ได้ทักทายกันเลย เป็นไงบ้างล่ะเรา" คนที่ถามไถ่ก็คือพลเอกเกษมราษฎร์ ส่วนพ่อของเขาแค่ยกกาแฟขึ้นมาจิบ
"ก็อยู่ตามอัตภาพนี่แหละครับ ไม่ได้สุขสบายเหมือน.."
กึก! แก้วกาแฟที่เพิ่งถูกยกขึ้นไป วางกระแทกกับโต๊ะด้านหน้าแบบใส่อารมณ์
"เขตชายแดนยังไม่พอใช่ไหม หรืออยากออกนอกประเทศ"
"ไม่เอาน่าาเรวทัต"
"ดูมันสิไม่สำนึกบ้างเลย"
"อันนั้นก็แล้วแต่เห็นสมควรแล้วกันครับ ท่านจะให้ผมกลับมารับตำแหน่งเลยไหมหรือจะให้ผมกลับไป"
"ไม่ได้การแล้ว"
"เดี๋ยวก่อนนั่นลูกจะไปไหนดาวเรือง"
"ฉันจะไปหาพี่กำนัน แม่ไม่ต้องห่วงนะ" ห่วงแม่ก็ห่วงแต่ตอนนี้ห่วงลูกชายมากกว่า ป่านนี้คงไปได้ไกลแล้ว อุตส่าห์ตกลงกันกับฝ่ายนั้นแล้วว่าให้ทั้งสองแยกกันอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน
ถ้าทำไม่ได้เพลิงต้องรับโทษตามกฎทหาร แต่นี่ผ่านไปยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลย ลูกชายก็หายตัวไปแล้ว
ค่ำมืดของวันเดียวกัน..
เอวาดีใจที่สามีย้ายกลับมา ส่วนเรือขนส่งสินค้าของรามสูรที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ขนส่งทางทะเลตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
และพุดตาลรู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร นางก็เลยโทรไปขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ
{"ผมบอกว่าจะช่วยผมก็ต้องช่วยสิครับ"}
{"ถึงยังไงฉันก็ต้องโทรมาขอบพระคุณท่าน ถ้าท่านมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ"}
{"แน่ใจหรือครับว่าคุณยินดีจะช่วยผม"}
{"เอ่อ..ค่ะ"}
{"ถ้างั้นวันหลังไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย ทานคนเดียวมันเหงายังไงไม่รู้"}
{"ได้สิคะ กลัวแต่ท่านจะเบื่อคนแก่แบบอิฉันมากกว่า"}
{"ถ้าคุณแก่แล้วผมล่ะ"} เพราะเกษมราษฎร์เกิดก่อนพุดตาลเกือบสิบปีได้
กึก! เสียงเท้าแกร่งแตะลงพื้นเมื่อกระโดดข้ามกำแพงลงมาได้
คนที่กระโดดกำแพงเดินลัดเลาะมาตามแนวรั้ว เพื่อหาจังหวะรอให้ทหารยามเผลอ แต่ดูเหมือนวันนี้ทำไมทหารถูกวางกำลังไว้เยอะกว่าเดิม..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงร้ายซ่อนรัก