เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์ นิยาย บท 1

สรุปบท บทที่ 1: เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์

ตอน บทที่ 1 จาก เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“จับนางเอาไว้ แทงลูกตานางให้บอดซะ!”

“ตายแล้ว? งั้นก็เอานางไปโยนทิ้งที่สุสานศพไร้ญาติเป็นอาหารให้พวกหมาจรจัด!”

”อ๊า!” ความเจ็บปวดแสนสาหัสและความเหน็บหนาวที่กัดกินลึกลงไปถึงกระดูกกำลังแทรกซึมไปทั่วทุกบริเวณของร่างกาย เฉียวชิงหวั่นดีดตัวขึ้นมานั่งจากบนเตียง ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่กทั่วทั้งร่างกาย

นางลูบคลำดวงตาของตนด้วยมือที่สั่นเทา ยังอยู่ ดวงตาของนางยังไม่บอด!

ทันใดนั้นเองนางก็เอะใจถึงบางสิ่ง จึงพุ่งตัวไปที่หน้ากระจก มองเห็นใบหน้าเล็กกลมมนที่ยังเต็มไปด้วยความเยาว์วัย— นี่คือตัวนางในวัยสิบสี่ปี!

นี่นาง…ย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง?

ใช่แล้ว นางย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่นางอายุสิบสี่ปี! ตอนนี้ท่านแม่ยังไม่เสียชีวิต นางยังไม่เคยพบกับซ่งมู่ซือผู้ชายสารเลวคนนั้น!

นัยน์ตาทั้งสองข้างของนางแดงก่ำ ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “ซ่งมู่ซือ ชาตินี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลเป็นแน่!”

ภาพตอนก่อนตายของนางยังคงฉายชัดในความทรงจำ

ซ่งมู่ซือสั่งให้คนนำนางไปขังไว้ในคุกศาลต้าหลี่ ใช้โซ่เหล็กเจาะทะลุกระดูกสะบักของนาง และล่ามไว้ในคุกที่อับชื้นและมืดมิด

ณ ตอนนั้นในท้องของนาง ตั้งครรภ์ลูกของซ่งมู่ซือได้แปดเดือนแล้ว

ซู่อี สาวใช้คนสนิทแอบลงมาเพื่อจะช่วยนาง แต่กลับถูกซ่งมู่ซือจับได้ ถูกตีจนตายเสียตรงนั้น!

ก่อนตายซู่อีบอกกับนางว่า ซ่งมู่ซือแอบลักลอบคบชู้กับเฉียวซือโหรว น้องสาวคนละแม่ของนางมาเป็นเวลานานแล้ว พวกมันใส่ร้ายว่าตระกูลเฉียวแอบสมคบคิดกับศัตรูเพื่อทรยศแผ่นดิน ทำให้ตระกูลเฉียวทั้งตระกูลต้องโทษประหารชีวิต และได้ถูกสั่งตัดหัวต่อหน้าประชาชนไปแล้ว!

หากมิใช่ว่านางมีตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์อยู่ในมือ น่ากลัวว่านางคงจะถูกประหารไปพร้อมกันแล้ว

ซ่งมู่ซือเตะเข้าที่ร่างศพของซู่อีอย่างแรง พลางพูดข่มขู่นางด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เอาตราอาญาสิทธิ์พยัคฆ์มาให้ข้าเสียโดยดี ข้าอาจจะมีเมตตาให้เจ้าได้ตายอย่างไม่ทรมานมากนัก”

ดวงตาทั้งสองข้างของเฉียวชิงหวั่นแดงก่ำ “ซ่งมู่ซือ เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าเป็นข้าและตระกูลเฉียวที่หนุนหลังเจ้ามาตลอด เจ้าถึงได้มีวันนี้!”

ตอนนั้นหากไม่ได้ความช่วยเหลือของนาง ซ่งมู่ซือที่เดิมเป็นเพียงบัณฑิตยากจนธรรมดาคนหนึ่ง จะก้าวขึ้นมาเป็นมือขวาของฮ่องเต้ได้อย่างไร!

ซ่งมู่ซือมีสีหน้าบึ้งตึงลงทันที หากมิใช่เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น มีหรือเขาจะต้องยอมทนอยู่กับผู้หญิงที่อัปลักษณ์อย่างเฉียวชิงหวั่นมาตั้งหลายปี

เฉียวซือโหรวที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น แสร้งทำเป็นพูดห้ามปรามว่า “ท่านพี่ เหตุใดจึงดุดันขนาดนี้? เดิมท่านพี่ก็เสียโฉมอยู่แล้ว ยังจะบังคับเข็ญใจให้คนอื่นต้องมาแต่งงานด้วย ก็คงไม่แปลกที่จะต้องมีจุดจบเช่นนี้!”

“เฉียวซือโหรว เจ้ายังมีหน้าพูดกับข้าอีกงั้นหรือ?”

เฉียวชิงหวั่นตัวสั่นระริกด้วยความโกรธแค้น นางเอ่ยถามน้องสาวที่ครั้งนึงเคยไว้ใจที่สุดว่า “ตระกูลเฉียวเคยทำอะไรผิดต่อเจ้า! เจ้าทำร้ายแม้กระทั่งพ่อของตัวเองลงคอได้อย่างไร? เจ้ามันสัตว์เดรัจฉานชัดๆ!”

“ท่านพี่พูดผิดแล้ว นั่นมันพ่อบังเกิดเกล้าของท่านพี่ ไม่ใช่ของข้าสักหน่อย”

เฉียวซือโหรวยิ้มพลางพูดต่อว่า “แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้ความรักกับข้าเหมือนลูกสาว ในสายตาของเขามีพี่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะงั้นเขาสมควรตาย!”

เฉียวชิงหวั่นชะงักไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่านางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวซือโหรวไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเฉียว!

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของท่านพ่อ แต่ท่านก็เป็นผู้เลี้ยงดูเจ้ามาจนโต ไม่เคยปล่อยให้เจ้าของลำบากขัดสนสิ่งใด ท่านเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริตมาทั้งชีวิต แต่เจ้ากลับทำให้เขาต้องจากไปพร้อมชื่อเสียงที่ถูกทำลายจนย่อยยับ เจ้ายังเป็นคนอยู่รึเปล่า?”

“จะพูดถึงซื่อสัตย์สุจริต ตระกูลของท่านตาพี่ถึงเรียกได้ว่าเป็นขุนนางตงฉินตัวอย่างจริงๆ น่าเสียดาย เพราะการความเด็ดเดี่ยวดื้อดึงของพี่ ทำให้พวกเขาต้องเป็นอันพินาศกันทั้งตระกูล ฝ่าบาทมีราชโองการตัดสินโทษให้ประหารชีวิตทุกคนในตระกูลด้วยข้อหากบฎ

“ไม่เพียงเท่านั้น หัวของท่านตาพี่ตอนนี้ยังถูกแขวนประจารอยู่บนกำแพงเมือง เพื่อเป็นการตักเตือนเหล่าขุนนางที่คิดไม่ซื่ออีกด้วยนะ”

“ก็อย่างว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ไหนเลยจะยอมเก็บผู้ไม่ยอมสวามีภักดิ์เอาไว้กัน ย่อมจะต้องทัการผลัดเปลี่ยนเหล่าขุนนางเก่าๆออกไปเป็นเรื่องธรรมดา หากมิใช่เพราะพี่ขัดขวาง ไม่แน่ท่านพ่อกับท่านตาของพี่อาจจะไม่ต้องตายอนาถเช่นนี้ก็เป็นได้!”

เฉียวชิงหวั่นจ้องมองนางด้วยความตกใจสุดขีด นางเซถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่ขาอ่อนจนต้องทรุดลงไปกองกับพื้น

ในตอนนั้นนางไม่สนใจเสียงค้านของคนในครอบครัว ตัดสินใจแต่งงานเข้าบ้านสกุลซ่งที่ไม่มีทั้งเงินและฐานะอย่างเด็ดเดี่ยว

นางวางแผนต่างๆนานาช่วยสามี ทั้งยังแอบสนับสนุนให้องค์ชายหกได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างลับๆ ใครจะคาดคิดว่าหลังจากที่คนพวกนี้ใช้งานนางเสร็จแล้ว จะหันมาฆ่านางและครอบครัวอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะนาง ท่านตากับท่านพ่อไหนเลยจะยอมสวามีภักดิ์ต่อองค์ชายหก

เลือด ทำให้ชุดนักโทษบนตัวนางถูกย้อมจนเป็นสีแดงสด

ทว่าในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงของเฉียวซือโหรวดังมาจากข้างหูของนาง “ท่านพี่ พี่ฉลาดมาตลอดชีวิต แต่ก็โง่มาตลอดชีวิตเช่นกัน พี่รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องฆ่าพี่ให้ได้? ก็เพราะพี่ขวางทางข้าอยู่อย่างไรล่ะ พี่จึงต้องชดใช้ให้ข้า!”

“ก็เหมือนกับที่ท่านแม่ของพี่ขวางทางของท่านแม่ข้า นางก็เลยต้องตาย เหมือนพี่เลยใช่ไหม”

เฉียวชิงหวั่นจำได้ว่า ในตอนนั้นเพราะท่านแม่คลอดก่อนกำหนด ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน จนเสียชีวิตไปในที่สุด

นางทำได้แต่มองดูท่านแม่จากไป โดยที่นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความรู้สึกแบบนั้นมันทรมานมากจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ต่อมานางจึงตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์ สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

ที่แท้เฉียวซือโหรวและแม่ของนางมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!

ไฟแห่งความแค้นกำลังสุมอยู่ในใจของเฉียวชิงหวั่น นางอยากลากผู้หญิงตรงหน้าให้ตายไปไปพร้อมกันกับนาง

นางพุ่งไปหาเฉียวซือโหรวอย่างบ้าคลั่ง กำปิ่นปักผมในมือแน่นพลางทิ่มแทงไปข้างหน้าอย่างไร้เป้าหมาย น่าเสียดาย ปิ่นปักผมเล่มนั้นกลับถูกเฉียวซือโหรวแย่งไปจากมือนางอย่างง่ายดาย และถูกปักเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายของนางในเวลาต่อมา

“ท่านพี่ แม้แต่จะฆ่าคนพี่ก็ยังทำไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”

นางหมุนปิ่นปักผมไปมา เฉียวชิงหวั่นรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าในหัวใจ แม้แต่จะหายใจก็ยังยากลำบาก

เฉียวซือโหรวโยนปิ่นปักผมทิ้ง พลางมองดูนางอย่างเหยียดหยามและสมเพศ

“สภาพเช่นนี้ของพี่ ทำให้ข้านึกถึงลูกพี่ลูกน้องสาวของพี่ นางน่ะเหรอ ถูกโจรสกปรกหลายคนรุมโทรมจนค่อยๆตายไปช้าๆ ก่อนตายนางยังไม่ลืมที่จะขอร้องข้า ให้ไว้ชีวิตพี่ด้วยนะ ”

“ความรักของพี่น้องที่ยิ่งใหญ่นี้ ขนาดตัวข้ายังซาบซึ้งใจเลยเชียว งั้นพี่ก็รีบลงไปเจอนางโดยเร็วเสียเถอะ นางจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวนาน…”

ชุดนักโทษใต้ปิ่นปักผมถูกย้อมด้วยสีแดงสดของเลือดอย่างรวดเร็ว เฉียวชิงหวั่นรู้สึกได้ถึงเลือดอุ่นๆที่กำลังไหลออกจากร่างกายและอุณหภูมิร่างกายที่ค่อยๆเย็นลงทีละนิด

ลมหายของนางแผ่วเบาราวกับเส้นด้ายที่กำลังจะขาด นางเอ่ยคำสาปแช่งที่ละคำอย่างยากลำบาก “ซ่งมู่ซือ เฉียวซือโหรว แม้ว่าข้าจะตายไป และกลายเป็นผีเฮี้ยน ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์