เทพโอสถผงาดโลกา นิยาย บท 1

สรุปบท ตอนที่ 1 เห็ดหลินจือนรก: เทพโอสถผงาดโลกา

อ่านสรุป ตอนที่ 1 เห็ดหลินจือนรก จาก เทพโอสถผงาดโลกา โดย สุวรรณภูมิ พันธุ์สุวรรณ

บทที่ ตอนที่ 1 เห็ดหลินจือนรก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เทพโอสถผงาดโลกา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย สุวรรณภูมิ พันธุ์สุวรรณ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เมฆดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้า อสนีบาตพาดผ่านตามด้วยเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ พายุฝนกำลังเคลื่อนเข้ามา

ในเมืองพยัคฆ์หมอบ เสิ่นเสียงเงยหน้าขึ้นมองนภาและพึมพำกับตนเองว่า "ข้าจะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบตามหาสมุนไพรวิเศษดี ๆ ให้พบ มิเช่นนั้นข้าคงหาโอกาสพลิกตัวได้ยาก"

ปีนี้เสิ่นเสียงอายุสิบหก เขามีร่างกายที่แข็งแรงกำยำกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน รูปร่างเช่นนี้แตกต่างจากใบหน้าอันหล่อเหลาอ่อนเยาว์ของเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของเขากลับดูเหมือนผู้ใหญ่ในขณะที่คนรุ่นเดียวกันไม่มี

ยามนี้เสิ่นเสียงกำลังต้องการไปเก็บสมุนไพร แม้ว่าเขาจะเป็นหลานชายของผู้นำตระกูลเสิ่น แต่กลับไม่สามารถเป็นนักยุทธที่ร้ายกาจได้เพียงเพราะเขาไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามฝึกฝนร่างกายตนเองอย่างหนักมาตั้งแต่เด็กและมักแอบออกจากบ้านไปฝึกฝนอย่างลับ ๆ อยู่บ่อยครั้ง แถมเขายังเคยต่อสู้กับพยัคฆ์อีกด้วย แม้เขาจะยังเยาว์วัย แต่ก็เคยผ่านประสบการณ์ที่อันตรายถึงชีวิตมาหลายครั้ง ทำให้เขามีสภาพจิตใจและความตั้งมั่นที่แกร่งกล้ากว่าคนรุ่นเดียวกัน

"เสิ่นเสียง พายุฝนจะมาอยู่แล้ว เจ้ายังจะไปฝึกฝนอีกหรือ" พ่อบ้านชรากล่าวขึ้นขณะเดินเข้ามา เมื่อเห็นเสิ่นเสียงมุมานะเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม แต่ในสายตากลับมีความเสียดายอยู่มากกว่า

เสิ่นเสียงทุ่มเทฝึกฝนอย่างนักทุก ๆ วันตลอดหกปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงติดอยู่ที่ขั้นนักสู้ระดับสาม เมื่อเทียบกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเสิ่นที่อายุเท่ากันกับเขา ส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ขั้นนักสู้ระดับสี่ คนที่เก่งหน่อยยิ่งเข้าสู่ระดับห้ากันแล้ว

ทั้งหมดนี้สืบเนื่องมาจากเขาไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ได้รับการให้ความสำคัญจากวงศ์ตระกูล และยามนี้เขาเป็นเพียงบุคคลธรรมดาในตระกูลเสิ่นเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ แต่เสิ่นเสียงก็ไม่เคยท้อแท้ เขาฝึกฝนตนเองอย่างหนักมาตลอด อย่างน้อยระหว่างที่เขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งนั้น มันทำให้เขารู้สึกถึงการเติมเต็มตนเอง

"ผู้เฒ่าหม่า ข้าจะไปเก็บสมุนไพรน่ะ" เสิ่นเสียงวิ่งไปด้านหลังพ่อบ้านชรา แล้วดึงผมเปียเส้นหนึ่งบนหัวโล้นของเขาพลางหัวร่อ

"มันไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์!" พ่อบ้านชราส่ายศีรษะพลางทอดถอนใจ

เสิ่นเสียงได้ฟังคำพูดดังกล่าวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังยืนหยัดต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

"เสียงเอ๋อร์ อากาศเช่นนี้เจ้าอย่าไปเลย" ยามนี้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา

เสิ่นเสียงเบะปากเล็กน้อยพลางกล่าว "ท่านพ่อ เก็บสมุนไพรในวันฝนพรำมันเป็นโอกาสอันดีนะ อย่างน้อยไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นจนเลือดตกยางออก"

ผาปีศาจอมตะเป็นสถานที่ที่เปลี่ยวร้างยิ่งนัก แต่ยามนี้กลับมีชายหนุ่มที่ท่อนบนเปลือยเปล่าปีนอยู่บนหน้าผา

ยามนี้พายุฝนโหมกระหน่ำ แต่เสิ่นเสียงกลับกำลังปีนหน้าผาอยู่ที่นี่ มันเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง จักต้องรู้ว่าผาปีศาจอมตะแห่งนี้ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว และด้านล่างยังปกคลุมไปด้วยปราณทมิฬที่มีกลิ่นอายมรณะ ดังนั้นผู้คนจึงไม่อยากเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้

แต่เสิ่นเสียงกลับมาเก็บสมุนไพรที่นี่ แถมยังปีนป่ายอยู่บนหน้าผา ค่อย ๆ ไต่ลงไปด้านล่าง หากให้คนอื่นรู้เข้า คงต้องหัวเราะเยาะว่าเขาเป็นคนบ้า ทุกคนต่างรู้ว่าสถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะไม่มีแม้แต่มูลวิหคแห่งนี้ ต้องไม่มีสมุนไพรวิเศษอยู่อย่างแน่นอน

เสิ่นเสียงไม่เพียงแต่ไม่โง่เท่านั้น เขายังฉลาดมากอีกด้วย เขารู้ดีว่าผาปีศาจอมตะนี้มีมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะปราณมรณะที่อยู่ด้านล่างพวกนั้น ยิ่งไม่มีใครรู้ว่ามันดำรงอยู่มานานแค่ไหนแล้ว

ตามความเข้าใจของคนทั่วไป สถานที่ที่ไร้ซึ่งชีวิตแห่งนี้ไม่ควรมีสมุนไพรวิเศษอยู่ แต่เสิ่นเสียงไม่คิดเช่นนั้น เขารู้ว่าทุกอย่างย่อมมีความเปลี่ยนแปลงได้ เขามั่นใจว่าจะต้องมีสมุนไพรวิเศษล้ำค่าในตำนานบางชนิดอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

"เห็ดหลินจือนรก" สมุนไพรวิเศษชนิดนี้ฟังดูน่ากลัว แต่มันสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ ปกติมักเกิดในสนามรบโบราณหรือไม่ก็สุสานที่มีปราณมรณะแน่นหนา เป็นสมุนไพรที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพโอสถผงาดโลกา