เมฆดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้า อสนีบาตพาดผ่านตามด้วยเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ พายุฝนกำลังเคลื่อนเข้ามา
ในเมืองพยัคฆ์หมอบ เสิ่นเสียงเงยหน้าขึ้นมองนภาและพึมพำกับตนเองว่า "ข้าจะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบตามหาสมุนไพรวิเศษดี ๆ ให้พบ มิเช่นนั้นข้าคงหาโอกาสพลิกตัวได้ยาก"
ปีนี้เสิ่นเสียงอายุสิบหก เขามีร่างกายที่แข็งแรงกำยำกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน รูปร่างเช่นนี้แตกต่างจากใบหน้าอันหล่อเหลาอ่อนเยาว์ของเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของเขากลับดูเหมือนผู้ใหญ่ในขณะที่คนรุ่นเดียวกันไม่มี
ยามนี้เสิ่นเสียงกำลังต้องการไปเก็บสมุนไพร แม้ว่าเขาจะเป็นหลานชายของผู้นำตระกูลเสิ่น แต่กลับไม่สามารถเป็นนักยุทธที่ร้ายกาจได้เพียงเพราะเขาไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามฝึกฝนร่างกายตนเองอย่างหนักมาตั้งแต่เด็กและมักแอบออกจากบ้านไปฝึกฝนอย่างลับ ๆ อยู่บ่อยครั้ง แถมเขายังเคยต่อสู้กับพยัคฆ์อีกด้วย แม้เขาจะยังเยาว์วัย แต่ก็เคยผ่านประสบการณ์ที่อันตรายถึงชีวิตมาหลายครั้ง ทำให้เขามีสภาพจิตใจและความตั้งมั่นที่แกร่งกล้ากว่าคนรุ่นเดียวกัน
"เสิ่นเสียง พายุฝนจะมาอยู่แล้ว เจ้ายังจะไปฝึกฝนอีกหรือ" พ่อบ้านชรากล่าวขึ้นขณะเดินเข้ามา เมื่อเห็นเสิ่นเสียงมุมานะเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม แต่ในสายตากลับมีความเสียดายอยู่มากกว่า
เสิ่นเสียงทุ่มเทฝึกฝนอย่างนักทุก ๆ วันตลอดหกปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงติดอยู่ที่ขั้นนักสู้ระดับสาม เมื่อเทียบกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเสิ่นที่อายุเท่ากันกับเขา ส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ขั้นนักสู้ระดับสี่ คนที่เก่งหน่อยยิ่งเข้าสู่ระดับห้ากันแล้ว
ทั้งหมดนี้สืบเนื่องมาจากเขาไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ได้รับการให้ความสำคัญจากวงศ์ตระกูล และยามนี้เขาเป็นเพียงบุคคลธรรมดาในตระกูลเสิ่นเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ แต่เสิ่นเสียงก็ไม่เคยท้อแท้ เขาฝึกฝนตนเองอย่างหนักมาตลอด อย่างน้อยระหว่างที่เขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งนั้น มันทำให้เขารู้สึกถึงการเติมเต็มตนเอง
"ผู้เฒ่าหม่า ข้าจะไปเก็บสมุนไพรน่ะ" เสิ่นเสียงวิ่งไปด้านหลังพ่อบ้านชรา แล้วดึงผมเปียเส้นหนึ่งบนหัวโล้นของเขาพลางหัวร่อ
"มันไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์!" พ่อบ้านชราส่ายศีรษะพลางทอดถอนใจ
เสิ่นเสียงได้ฟังคำพูดดังกล่าวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังยืนหยัดต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
"เสียงเอ๋อร์ อากาศเช่นนี้เจ้าอย่าไปเลย" ยามนี้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา
เสิ่นเสียงเบะปากเล็กน้อยพลางกล่าว "ท่านพ่อ เก็บสมุนไพรในวันฝนพรำมันเป็นโอกาสอันดีนะ อย่างน้อยไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นจนเลือดตกยางออก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพโอสถผงาดโลกา
บทอ่านน้อยไปครับ...
ยอดดเยี่ยม...
ไม่ลงให้อ่านสักกะทีรอยุ...
รออ่านอยู่นะครับ...