เทพโอสถผงาดโลกา นิยาย บท 7

สรุปบท ตอนที่ 7 ใครงามกว่ากัน: เทพโอสถผงาดโลกา

ตอนที่ 7 ใครงามกว่ากัน – ตอนที่ต้องอ่านของ เทพโอสถผงาดโลกา

ตอนนี้ของ เทพโอสถผงาดโลกา โดย สุวรรณภูมิ พันธุ์สุวรรณ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 7 ใครงามกว่ากัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ดรุณีนางนี้ก็คือบุตรีผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลเซวีย เซวียเซียนเซียน

"เด็กสาวคนนี้คือคู่หมั้นของข้า" เสิ่นเสียงตะโกนในใจอย่างตื่นเต้น

หากเป็นแต่ก่อน ภายในใจของเสิ่นเสียงคงรู้สึกแปลก ๆ เพราะเขาไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ แต่ตอนนี้เขามีชีพจรเทพหยินหยาง เพียงให้เวลาเขาสักหน่อย การย่างเข้าสู่จุดสูงสุดของวิถียุทธ์ ก็จะไม่เป็นความเพ้อฝันอีกต่อไป

เซวียเซียนเซียนยิ้มอ่อน ๆ ลักยิ้มน่ารักและความแดงระเรื่ออันพราวเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนแก้ม ทำให้เสิ่นเสียงเหม่อลอยอีกครั้ง

เสิ่นเทียนหู่หัวเราะเสียงดัง ตบไหล่เสิ่นเสียงพร้อมกล่าว "พวกเจ้าไปคุยกันเถิด"

เสิ่นเสียงหัวเราะดีใจ แล้ววิ่งออกไปจากห้องหนังสือ

เมื่อมาถึงลานสวน เสิ่นเสียงก็ไม่มากความ เขาจับมืออ่อนนุ่มของเซวียเซียนเซียน และพานางออกไปไกลจากสายตาผู้เป็นบิดาเหมือนตอนที่ทั้งคู่แอบเล่นซนในยามเด็ก

เสิ่นเสียงพาเทพธิดาตัวน้อยมายังเรือนของตน ทำให้ชายหนุ่มหลายคนของตระกูลเสิ่นต่างริษยามาตลอดทาง

"เซียนเซียน เจ้าจะอยู่ตระกูลเสิ่นนานเพียงใดหรือ" เสิ่นเสียงยิ้มพลางสัมผัสลักยิ้มอันน่ารักบนแก้มของเซวียเซียนเซียน

เซวียเซียนเซียนเพียงมีสีหน้าเขินอาย นางกล่าว "พี่เสี่ยวเสียง ข้ากับท่านพ่อผ่านมาที่เมืองพยัคฆ์หมอบพอดี เลยแวะมาเยี่ยมท่าน ดังนั้นจึงจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก"

ในวัยเด็ก เซวียเซียนเซียนป่วยเป็นโรคประหลาดจึงได้มาแสวงยาที่เมืองพยัคฆ์หมอบ ตอนนั้นนางอ่อนแอและผอมแห้งเป็นอย่างยิ่ง มักถูกคนในจวนตระกูลเสิ่นและตระกูลเซวียรังแกอยู่บ่อย ๆ ตอนนั้นมีเพียงเสิ่นเสียงที่ดูแลและเล่นกับนาง เป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขมาก และเสิ่นเสียงยังคอยให้กำลังใจนางต่อสู้กับความเจ็บป่วย แถมยังมอบโอสถล้ำค่าให้นางอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ถูกเซวียเซียนเซียนประทับไว้ในใจ ถึงนางรู้ว่าเสิ่นเสียงไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ไร้ซึ่งอนาคต นางก็ยังตัดสินใจที่จะแต่งกับเสิ่นเสียง

เสิ่นเสียงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาชอบเซวียเซียนเซียนมากเช่นกัน ตอนยังเด็ก หลังจากวงศ์ตระกูลมั่นใจว่าเสิ่นเสียงไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ เขาก็ไม่มีเพื่อนเล่นอีกเลย ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเซวียเซียนเซียน

"พี่เสี่ยวเสียง เดิมทีทางตระกูลต้องการให้ข้ายกเลิกการหมั้นหมายกับท่าน แต่ข้าไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงให้ข้ากับท่านพ่อลองไปพบอัจฉริยะนักหลอมยาของตระกูลเย่า"

"เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าเทพธิดาตัวน้อยของเจ้างาม หรือเราสองคนงามกว่า" น้ำเสียงอันเย้ายวนปรากฏขึ้นในสมองของเสิ่นเสียง เป็นเสียงของซูเม่ยเหยานั่นเอง

เสิ่นเสียงไอแห้ง ๆ พลางยิ้มกล่าว "ตราบใดที่เป็นภรรยาของข้าล้วนงดงามทั้งนั้น แหะ ๆ พวกท่านเองก็งดงามเช่นกัน...จริงสิ พี่เม่ยเหยาท่านต้องรีบถ่ายทอดวิชาเทพ และการกลั่นยาให้ข้าโดยเร็ว"

"เจ้าตัวแสบ เจ้าหมายความว่าอย่างไร" ซูเม่ยเหยากล่าวเชิงสบถ

"ไม่มีอะไร..." เสิ่นเสียงเกาศีรษะกล่าว ลำแสงแปลกประหลาดแวบผ่านไปในดวงตา

เพื่อไม่ให้เซวียเซียนเซียนผิดหวัง เสิ่นเสียงตั้งใจว่าจะฝึกฝนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน

นิ้วที่สวมแหวนล่องหนของเสิ่นเสียงเปล่งประกายอ่อน ๆ ไป๋โยวโยวกับซูเม่ยเหยาปรากกฏขึ้นตรงหน้าเขา พวกนางต่างสวมชุดสีม่วง ซึ่งทำให้ดูสง่างามสูงส่งมากขึ้น เสิ่นเสียงเดาว่าคงเป็นชุดที่เก็บอยู่ในแหวนวงนี้

ขณะนี้คือยามบ่าย ซึ่งแดดแรงมาก ทว่าโฉมสะคราญทั้งสองกลับดูดื่มด่ำแสงแดดที่แผดเผาเช่นนี้มาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพโอสถผงาดโลกา