สถานที่ลี้ลับแห่งหนึ่งในทวีปเทียนหยวนมีนามว่าดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้าง!
เป็นที่กล่าวกันว่ามีเทพปิศาจโบราณทรงพลังถูกฝังไว้ที่นั่นจำนวนนับไม่ถ้วน วิญญาณแห่งโชคชะตาของพวกเขามีพลังมาก สามารถหลอมรวมเข้ากับผู้คนจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ พวกเขามีพลังน่าเกรงขามขนาดสามารถทำลายสวรรค์และโลกได้
เมื่ออาณาจักรลับเปิดออก สำนักขนาดใหญ่และตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดจะส่งยอดฝีมือวัยเยาว์ของพวกเขาเข้ามามองหาโอกาส
ณ เพลานี้ ภายใต้แท่นบูชาที่นำไปสู่ดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้าง ผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์จำนวนมากจากสำนักต่าง ๆ พากันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอการเปิดออกของดินแดนลับ
"เฮ้ยดูสิ ไอ้เจ้าคนไม่เอาไหนจากตระกูลลู่ก็มาที่นี่กับเขาด้วย!"
ชายหนุ่มรูปงามเดินทางมาจากแดนไกล เขามีอายุประมาณ 13 - 14 ปี มองดูอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ปรากฏกายขึ้นกลับก่อให้เกิดความปั่นป่วน หลายคนพากันจับจ้องไปที่เขา
"เป็นมันจริง ๆ จุ๊ จุ๊ ไอ้หมอนี่มันฆ่าพ่อแม่ แล้วยังจะมีหน้าออกมาพบคนอื่นอีก!"
"ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าลู่หยวนเฟิงกับภรรยาประสบเคราะห์กรรมเพราะต้องการช่วยลูกชายไร้ค่าคนนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตายหรือยังมีชีวิตอยู่ พ่อเฒ่าของตระกูลลู่ยังโกรธมากถึงขนาดลุกขึ้นไม่ไหว"
ลู่เสวียนหนุ่มไม่สนใจเสียงนกเสียงกา
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและดวงตาก็มุ่งมั่น เขาจ้องไปที่ทางเดินของพื้นที่ลับบนแท่นบูชาที่กำลังเปิดออก
ดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้างนี้ในรอบสิบปีจะเปิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มีเพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวอายุต่ำกว่าสิบแปดปีที่พกเครื่องรางปกป้องวิญญาณพิเศษเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
ผู้ที่จะสามารถเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริงของทวีปเทียนหยวนได้อย่างแท้จริงต้องสามารถหลอมรวมตนเองเข้ากับวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณได้เท่านั้น
"ข้าต้องเข้าไปในอาณาจักรลับ ค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของเทพปีศาจโบราณ แล้วหลอมรวมเข้ากับเทพให้สำเร็จ!" ลู่เสวียนกำหมัดแน่น จนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดไหลหลั่ง หากแต่เขาหาได้ตระหนักถึงมันไม่
มีเพียงเปลวไฟแห่งความเกลียดชังเท่านั้นที่ลุกโชนอยู่ในใจ เขามุ่งมั่นจะเข้าสู่อาณาจักรลับเพื่อค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของปีศาจโบราณผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อรับพลังอันยิ่งใหญ่มาใช้แก้แค้นให้พ่อแม่!
ผู้ฝึกฝนของทวีปเทียนหยวนแบ่งออกเป็นหลายระดับ ได้แก่ ลมปราณแห่งจิตวิญญาณ ร่างล้ำค่า วังศักดิ์สิทธ์ ลมปราณสวรรค์ จิตวิญญาณชีวิต อายตนะศักดิ์สิทธ์ และอมตะจ้าวเวหา เจ็ดระดับใหญ่นี้ยังสามารถแบ่งออกไปเป็นสิบระดับเล็ก ๆ ต่อไปได้อีก
ตามปกติแล้วในร่างของคนเราจะมีลมปราณแห่งจิตวิญญาณอยู่สิบเส้น บุคคลผู้หนึ่งจะสามารถรับจิตวิญญาณฉีแล้วเริ่มฝึกจนกลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเขาเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณเหล่านี้ได้แล้วเท่านั้น
ยิ่งเขาเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้มากเท่าใด ความสามารถก็จะยิ่งทวีสูงขึ้นเท่านั้น
ในโลกที่ต้องแข็งแกร่งจึงจะได้รับความเคารพนี้ เขาเกิดมาอย่างไม่สามารถจะฝึกฝนได้ เขาอายุสิบสี่แล้ว ยังเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณแรกไม่สำเร็จเลย
คนปกติธรรมดาจะสามารถเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้สองหรือสามเส้นก่อนอายุสิบสี่ แล้วฝึกฝนลมปราณเหล่านั้นต่อได้จนถึงระดับห้า
ลู่เสวียนเกิดมาในร่างที่ไร้ค่า เขาเพิ่งเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณแรกได้เมื่อสามปีก่อน เมื่อครึ่งปีที่แล้วเพิ่งถึงสวรรค์ชั้นแรกของลมปราณแห่งจิตวิญญาณ เด็กแปดขวบยังเก่งกว่าเขาเสียอีก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับ "การขนานนามอย่างเพราะพริ้ง" ว่าขี้แพ้มือวางอันดับหนึ่งของเมืองเฉียนหลง
ลู่หยวนเฟิง พ่อของเขาเป็นอัจฉริยะแปรปรวนสวรรค์ มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย จนกลายเป็นผู้มีความสามารถน่าทึ่งที่สุดในทวีป
ยิ่งมีพ่อที่โดดเด่นเยี่ยงนี้ ลู่เสวียนยิ่งถูกรัศมีของพ่อบดบังจนทำให้ดูไร้ค่า กลายเป็นเป้าการเย้ยหยันของคนอื่นอยู่เนือง ๆ
พ่อแม่พยายามปกป้องความภาคภูมิใจในตนเองของเขาด้วยการพาเขาออกไปเสียจากบ้าน และวางแผนที่จะปกปิดตัวตนของเขา ทว่ากลับได้พบเข้ากับศัตรูในระหว่างทางโดยไม่คาดคิด เพื่อปกป้องเขา พ่อของเขาได้เข้าทำการต่อสู้อย่างนองเลือดและถูกซัดตกเหวไป ส่วนแม่ถูกปรมาจารย์ตระกูลตงฟางนำตัวไป ป่านนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
ผู้เฒ่าลู่สูญเสียลูกชายสุดที่รัก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตกอยู่ในภวังค์ เมื่อต้องต่อสู้กับคนอื่น ๆ จึงถูกตีอย่างหนักหน่วง ลมปราณแตกสลายกลายเป็นคนกึ่งพิการ ตระกูลลู่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองกลับตกต่ำถึงขีดสุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล