เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 2

เนื่องจากผู้เฒ่าลู่ถูกทุบตีจนเป็นอัมพาต วิทยายุทธ์ถูกทำลาย ตระกูลลู่สูญเสียการสนับสนุนจากสุดยอดปรมาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในอาณาจักรวังศักดิ์สิทธ์ จึงถูกตระกูลที่เหลืออีกสามตระกูลเบียดเบียนและยึดทรัพย์สินไป 70% ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมีสุดยอดตระกูลหนุนหลัง ตระกูลลู่แห่งเมืองเฉียนหลงก็คงสิ้นชื่อไปนานแล้ว

หลังจากตระกูลตกต่ำลง ทรัพยากรทางการเงินของพวกเขาก็เหลือจำกัด พวกเขาสามารถซื้อเครื่องรางปกป้องวิญญาณได้เพียงเจ็ดชิ้น ซึ่งหมายความว่าในบรรดาคนรุ่นใหม่มีเพียงเจ็ดคนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในพื้นที่ลี้ลับเพื่อเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้ได้

สำหรับอีกสามตระกูล พวกเขามีเครื่องรางอย่างน้อย 20 ชิ้น จำนวนคนรุ่นใหม่ที่ได้เป็นผู้ฝึกฝนจึงมากกว่าของตระกูลลู่หลายเท่านัก คนเหล่านั้นจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ส่วนตระกูลลู่ก็จะถูกพวกเขากำราบไว้ตลอดไป

การส่งศิษย์ที่มีฝีมือโดดเด่นเข้าไปในพื้นที่ลับจึงมีความสำคัญต่อตระกูลลู่มาก พวกเขาไม่สามารถเสียเครื่องรางไปกับลู่เสวียนได้หรอก แม้ว่าเครื่องรางนั้นจะเป็นของพ่อเขา แต่ผลย่อมเหมือนกัน!

"นี่เป็นเครื่องรางโบราณของพ่อข้า ข้าไม่ให้พวกเจ้าหรอก" ลู่เสวียนมองไปยังบรรดาผู้คนที่ล้อมอยู่รอบกาย เขาเดือดดาลจนมือเท้าสั่นระริก ใบหน้าเป็นสีเขียว เขาจ้องใบหน้าอันน่าเกลียดของคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา

คนเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเขาจริง ๆ หรือ คนเหล่านี้ปรารถนาแต่เพียงเครื่องราง ไม่ได้คำนึงถึงความสามัคคีในครอบครัวแต่อย่างใด พากันกลั่นแกล้งเด็กหนุ่มในตระกูลเดียวกันที่เพิ่งกลายเป็นกำพร้า ทั้งข่มขู่และหลอกล่อลูกหลานจากตระกูลเดียวกันที่เพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไป!

เดิมทีตัวเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลลู่ตกต่ำลงจริง ๆ ความรู้สึกผิดต่อคนในตระกูลทำให้เขานิ่งเงียบเมื่อถูกเยาะเย้ยถากถาง

ณ เพลานี้ สุดท้ายเขาก็เห็นใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนตระกูลเดียวกัน

ดูเหมือนว่าหากไม่มีความแข็งแกร่งแล้ว แม้แต่สมาชิกในครอบครัวของเขาก็ยังแทบรอไม่ไหวที่จะกระทืบเขาให้จมดิน เขาต้องลงไปนอนคลุกฝุ่นก่อนนั่นแหละคนเหล่านี้จึงจะพอใจ!

"ลู่เสวียนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ากับพ่อของเจ้า ตระกูลลู่จะเป็นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ส่งเครื่องรางมา สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลลู่จะได้เข้าสู่พื้นที่ลับเพื่อรับวิญญาณแห่งโชคชะตาอันทรงพลังเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ตระกูลลู่ ทำเยี่ยงนี้เจ้ากับพ่อของเจ้าจึงจะสามารถไถ่บาปได้บ้าง!" ชายร่างผอมในวัยยี่สิบอีกคนชี้ไปที่ลู่เสวียนพลางด่าเขา

เขาเป็นอาห้าของลู่เสวียน เกิดจากมารดาเดียวกันกับอาสามและป้าเล็ก เขาบาดหมางกับลู่หยวนเฟิงมาโดยตลอด คิดว่าการตกต่ำของตระกูลลู่เกิดจากลู่หยวนเฟิงกับลูกชาย จึงมีความไม่พอใจเรื่อยมา

"เพื่อชดใช้ความผิดของเราหรือ กลายเป็นว่าพ่อกับข้ามีความผิดต่อตระกูลลู่ไปแล้ว! ท่านได้ตัดสินว่าสองคนนี้ทำความผิดในคดีนี้ไปแล้วหรือ" ลู่เสวียนมองไปทางอื่นด้วยสายตาเหยียดหยาม แม้ว่าอาคนนี้จะไม่ค่อยถูกกับพ่อของเขานัก แต่ตอนนี้พ่อก็จากไปแล้ว อายังต้องการกล่าวหาพี่ชายที่ตายไปแล้วกับลูกชายของเขาอีกหรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล