เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซูหนานอีรีบลุกขึ้นตั้งแต่ตีห้า ทำให้เสี่ยวเถาที่เพิ่งตื่นขึ้นตกอกตกใจ
ทั้งสองพากันยืดเส้นยืดสาย หลังจากออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อเรียบร้อยแล้ว ซูหนานอียังมิทันได้รับประทานอาหารเช้าเสียด้วยซ้ำ นางก็ให้เสี่ยวเถารีบไปเตรียมม้า
การจัดเตรียมในจวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งพร้อมครบภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ดังนั้นซูหนานอีจึงได้เดินออกไปที่ประตูเหยียบย่ำไปบนแสงอาทิตย์ที่เพิ่งส่องลงมา
ในจวนซู เมื่อซูซืออวี้ได้ยินเรื่องซึ่งเซี่ยซื่อนำมารายงานก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เจ้าว่า หนานอีออกไปจากจวนตั้งแต่เช้างั้นรึ? รู้หรือไม่ว่าไปที่ใด?"
เซี่ยซื่อส่ายศีรษะ ดวงตาของนางทำท่าครุ่นคิด "ข้าบอกมิได้ว่านางจะไปที่ใด ให้ส่งคนไปสืบเรื่องนี้ดีหรือไม่?"
คิ้วของ ซูซืออวี้ย่นลงมาเล็กน้อย "เจ้าเด็กนี่ก่อนหน้านั้นนางมิเคยออกจากเรือน วันนี้ช่างแปลกยิ่งกระไร เจ้าจงส่งคนไปติดตามดู บัดนี้ตระกูลซูของเราสายตามากมายจ้องมองอยู่ อย่าได้ทำการใดๆให้ผู้อื่นดูหมิ่นตระกูลซูข้าของข้า หรือก่อเรื่องขึ้นอีกเล่า"
สายตาของเซี่ยซื่อดูพออกพอใจยิ่ง "นายท่านมิต้องกังวลใจไป หนานอีเป็นคนมีเหตุผล นางจะมิก่อเรื่องแน่นอน ประเดี๋ยวข้าจะจัดคนไปติดตามและกลับมารายงานนายท่านอย่างรวดเร็ว"
"อืม แล้วเรื่องนั้นจัดการได้แล้วหรือ?"
เซี่ยซื่อพยักหน้า "เรื่องเงียบแล้วเจ้าค่ะ คุณหญิงสวิ้นได้รับของจากเราไปแล้ว ดังนั้นนางจะมิกล่าวสิ่งใดออกมาแน่ ความบริสุทธิ์ของหว่านเอ้อร์รักษาเอาไว้ได้ตามเดิม"
"เฮ้อ หนานอีก็จริงๆเชียว หว่านเอ้อร์หาได้ตั้งใจเช่นนั้นไม่ นางเพียงถูกบางสิ่งบังตาอยู่ชั่วครู่ เมื่อไปพบเข้าเดินจากออกมาก็เรียบร้อยแล้ว ตระกูลซูของเราคงมิตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ บัดนี้นางพลิกมือมาจัดการน้องสาวของตน เมื่อคนนอกเห็นเข้าก็อาจนำไปเล่าต่อได้ เราจะอธิบายอย่างไรเล่า หว่านเอ้อร์ถูกทำลายแล้วโดยแท้ แต่ที่สำคัญคือหากเรื่องนี้กระจายออกไป ชื่อเสียงของตระกูลซูของข้าคงร่วงลงสู่พื้นแน่ๆ โชคดีที่คุณหญิงสวิ้นเป็นคนว่าง่าย มิฉะนั้น……"
"นอกจากนี้ เจ้าเด็กนั่นนี้ยังมิมายอมรับความผิดกับข้าเลยจนบัดนี้ เมื่อคืนนี้หว่านเอ้อร์เดินทางไปขอโทษทาง แต่กลับถูกนางลงโทษเข้าเสียได้ เมื่อตอนที่นางกลับมา ข้าพบว่ามีรอยแดงที่คอของนาง ส่วนแขนนั้นผิวหนังแทบถลอก หัวใจของผู้เป็นมารดาเช่นข้าช่างปวดใจเหลือเกิน......"
ขณะที่เซี่ยซื่อกล่าวออกมานั้น นางก็ทำท่าทางบีบน้ำตาน่าสงสาร
ซูซืออวี้ขมวดคิ้วขึ้น เขาใจอ่อนลงบ้างเล็กน้อย และก้าวไปข้างหน้าโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมอก "เจ้าเด็กนี่ช่างกล้าดีขึ้นเรื่อยๆ การที่ข้ามิสนใจกลับทำให้นางอวดเก่งยิ่งขึ้น วันนี้นางกลับมาเมื่อไร ข้าจะสั่งสอนเอง"
ดวงตาของเซี่ยซื่อกลอกมอง จากนั้นก็นั่งลงอย่างนุ่มนวลในอ้อมแขนของซูซืออวี้ "ข้าเองก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของตระกูลซูเท่านั้น อย่างไรเสียตระกูลซูของเราก็มีบุตรสาวถึงสองคน มิว่าจะทำสิ่งใดล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซูทั้งนั้น นางมิชอบเรา สองแม่ลูก แต่ก็ควรจะเห็นแก่หน้าของตระกูลซูและหน้าของนายท่านบ้าง"
เมื่อซูซืออวี้ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ หัวใจของเขาก็อ่อนลงไปอีก "มิต้องกังวลไป ข้าจะสั่งสอนนางอย่างดี"
เซี่ยซื่อสูดจมูกของตน กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกว่า "ถึงอย่างไรหลายปีมานี้เราสองแม่ลูกก็มิมีฐานะตำแหน่งใดๆ จึงทำให้หลายๆคนดูถูกดูแคลน ปีนี้หว่านเอ้อร์ก็ได้เข้าถึงวัยสาวแล้ว ควรจะต้องให้แม่สื่อดูตัวแล้ว แต่หากว่าออกเรือนไปในฐานะบุตรนอกสมรส เกรงว่า......"
ซูซืออวี้นำมือจับใบหน้าของนางให้หันกลับมา "อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย ผู้ใดกันที่กล้าดูถูกเจ้า รออีกสักพักแล้วข้าจะรีบเร่งแต่งกับเจ้าเป็นทางการ เมื่อถึงเวลานั้นหว่านเอ้อร์ก็จะมีตำแหน่งเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน"
คิ้วของ เซี่ยซื่อเลิกขึ้นทันใด นางพอใจยิ่ง
"นายท่านดีต่อข้าจริงๆนะเจ้าคะ"
ซูหนานอีนั่งอยู่ในรถม้า และทันใดนั้นนางก็รู้สึกคันจมูกขึ้นมาแล้วหันศีรษะไปอีกทาง "ฮัดเช้ย!"
เสี่ยวเถาตกใจ "คุณหนูเป็นหวัดหรือเจ้าคะ?ให้บ่าวกลับไปนำเสื้อคลุมมาให้ดีหรือไม่?
ซูหนานอีส่ายหน้า "มิเป็นไร แค่รู้สึกเหมือนมีใครกำลังนินทาข้าอยู่"
สัญชาตญาณของนางแม่นยำมาก เมื่อใดที่มีคนคิดจัดการนาง นางก็จะจามออกมาทันที
"ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?!"
เสี่ยวเถาหยุดชะงักลงทันที
"ข้าล้อเจ้าเล่นหรอกน่า อีกไกลแค่ไหนจะถึงที่นั่น?"
"อีกประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าค่ะ ตอนเช้าเช่นนี้คนยังมิมาก นับว่าเร็วทีเดียว"
ซูหนานอีพยักหน้าและเผยอม่านในรถม้าขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็พบกับทิวทัศน์รอบๆข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ