เซี่ยซื่อตกตะลึง นางขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวตำหนิว่า "จะทำท่าทางตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไมเล่า?"
ขาทั้งสองข้างของบ่าวรับใช้อ่อนลงทันที "คุณหญิงได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย เชิญไปที่ห้องโถงด้านหน้า ห้องโถงด้านหน้า…..."
"เกิดอะไรขึ้น? รีบกล่าวมา!" ซูหว่านเอ้อร์เร่งเร้า "ซุนโมโม่กลับมาแล้วหรือ?"
" ใช่ เจ้าค่ะ"
ซูหว่านเอ้อร์ช่วยพยุงเซี่ยซื่อเดินออกไปทันที "ท่านแม่ กลยุทธ์ของท่านนี่ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก มาดูกันว่าซูหนานอีมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่!"
"หึๆ นางคงพูดมิได้เต็มปาก!" ดวงตาของเซี่ยซื่อดูเย็นชา "เมื่อถึงเวลาแล้วจงปัดเรื่องในวันนั้นของเจ้าไปที่นางด้วย"
"หว่านเอ้อร์ฟังตามที่ท่านแม่สั่งเจ้าค่ะ"
สองคนแม่ลูกเดินออกจากประตูไป บ่าวรับใช้เมื่อครู่รีบลุกขึ้นวิ่งตามไป "คุณหญิงเจ้าคะ ห้องโถงด้านหน้า......"
"หุบปาก!" ซูหว่านเอ้อร์ตะคอกให้นางหยุด "แม้แต่พูดจายังฟังมิรู้เรื่อง เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้!"
ที่ห้องโถงด้านหน้า ซูซืออวี้รู้สึกปวดหัวยิ่ง มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงนี้ คลื่นแห่งความมิสงบได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
เขาหงุดหงิดเป็นที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มออกมา "โมโม่ ข้าว่าเรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิดกันหรือไม่?"
"เข้าใจผิดงั้นหรือ?" เหยียนโมโม่สีหน้าเย็นชา "ท่านซู ข้าได้เห็นสิ่งนี้กับตาของข้าเอง และข้าก็นำผู้คนเหล่านี้มาด้วยตนเอง จะเกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้นได้หรือ?"
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาที่หน้าผากของซูซืออวี้ เขาเหลือบมองที่ซูหนานอีเพื่อต้องการให้นางออกมากล่าวอะไรสักหน่อย
แต่ซูหนานอีกลับก้มศีรษะลง ไม่แม้แต่จะมองเขา
ใบหน้าของซูซืออวี้ยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ "โมโม่อย่าเพิ่งโมโหไป ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด และจะทำการลงโทษให้เหมาะสม!"
"มิจำเป็นต้องตรวจสอบใดๆอีก หากว่านายท่านซูมีอะไรมิเข้าใจ สามารถเอ่ยถามข้ามาได้โดยตรง ข้าจะบอกเล่าเรื่องนี้เจ้าตั้งแต่ต้นจนจบให้แก่ท่านฟัง การลงโทษอย่างรุนแรงนั้นคือสิ่งที่เลี่ยงมิได้ เนื่องจากผู้ที่บังอาจกล่าวหาว่าที่พระชายาของจวนอ๋องเป่ยลี้ว่าแอบไปนัดพบชายหนุ่มกลางวันแสกๆเช่นนี้ กล่าวหาว่าการพบปะของท่านอ๋องและพระชายาเป็นเรื่องน่าอับอาย แม้ว่านายท่านซูรับได้ แต่จวนอ๋องเป่ยลี้ของเราคงรับมิได้"
ซูซืออวี้แทบสำลัก บัดนี้มิว่าเขาจะกล่าวสิ่งใดออกมาก็มิถูกมิควร มิต่างจากคนเป็นใบ้เอาเสียเลย
เมื่อเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์เดินเข้าไปในลาน พวกนางได้ยินแต่คำว่า "จวนอ๋องเป้ยลี้รับมิได้" สองแม่ลูกก็ได้หันมาสบตายิ้มให้กัน
เซี่ยซื่อเพิ่งจะก้าวขึ้นไปตรงบันไดก็แสร้งทำเป็นเจ็บปวดใจ "นายท่าน หนานอีเป็นอะไรไปกัน? เหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ในครั้งนี้กลับทำให้จวนอ๋องเป่ยลี้ต้องขุ่นเคืองไปด้วย จักทำเช่นไรดี? นับแต่นี้หนานอีจะเป็นเยี่ยงไร? ข้าจะบอกกับพี่สาวที่ตายไปแล้วได้อย่างไร?"
ซูหว่านเอ้อร์กล่าวปลอบโยนเบาๆว่า "ท่านแม่ อย่าเศร้าใจไป ท่านพี่คงจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น ตอนนี้เราคงทำได้เพียงจัดการกับไอ้ชายชู้นั่น จากนั้นส่งท่านพี่ไปยังชนบทสักระยะ เมื่อเวลาผ่านไปก็คงจะดีขึ้นเอง เพียงแต่ว่ามิรู้จะบอกกับจวนอ๋องเป่ยลี้อย่างไร......"
สองแม่ลูกสนทนากันไปมา แต่เมื่อเข้ามาถึงกลับพบว่าห้องนั้นเงียบอย่างน่าประหลาด ทุกคนมองดูพวกนางอย่างคนโง่เขลา
ส่วนซูหนานอีนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างมิรู้สึกรู้สา อีกทั้งดวงตาเผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแต่เป็นประกาย ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่นางคิด
หัวใจของเซี่ยซื่อเต้นแรงโครมคราม นางรู้สึกได้ถึงลางมิดี จากนั้นจึงหันหน้าไปมองซุนโมโม่ที่คุกเข่าต่อหน้าซูซืออวี้ นางถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ อกของนางก็แทบระเบิด
"นี่ นี่มัน......"
เหยียนโมโม่หัวเราะหึๆแล้วมองไปที่ซูซืออวี้ ดูเหมือนคำกล่าวของสองแม่ลูกนี้จะตบหน้าซูซืออวี้เข้าอย่างจัง
เขารู้สึกว่าถูกฉีกหน้าจนมิมีชิ้นดี จึงได้ตบมือลงบนโต๊ะดัง "ตุ้บ!" จนถ้วยชากระเด็นกระดอน
"เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกงั้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าต่างหากที่อยากจะถามเจ้า! ดูว่าเจ้าทำอะไรลงไป?"
เซี่ยซื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก "นายท่าน ข้ามิรู้......"
เหยียนโมโม่ขัดจังหวะขึ้นอย่างเย็นชา "ช่างปัดความรับผิดชอบได้ดีเหลือเกิน คนหนึ่งเป็นภรรยาน้อย อีกคนหนึ่งเป็นบุตรนอกสมรส กลับมาชี้หน้าดุด่าใส่ร้ายคุณหนูใหญ่บุตรสาวผู้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ของจวนซูนี่ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาเสียจริง!"
ภรรยาน้อยและบุตรนอกสมรส คำเหล่านี้แหลมคมดุจเข็มเจาะไปกลางหัวใจของเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์
ใบหน้าของเซี่ยซื่อเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันใด นางโกรธแต่มิกล้ากล่าวออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ