ซูซืออวี้เองก็ประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเซี่ยซื่อ ช่างน่าสมเพชนัก จนทำให้เขาใจอ่อน
เมื่อเขากำลังจะอ้าปากเอ่ย ซูหนานอีก็กล่าวเบาๆว่า "ท่านพ่อ ท่านป้าเซี่ยและซูหว่านเอ้อร์ใส่ร้ายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องก่อนหน้านั้นข้ามิอยากจะกล่าวถึงมันอีก แต่ในวันนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกและแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากครั้งนี้เสียหายต่อจวนอ๋องเป่ยลี้ด้วย บอกตามตรงว่าการที่จะเนรเทศท่านป้าไปยังชนบทก็มิใช่ว่าทำมิได้"
เหยียนโมโม่กล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว คุณหนูซูกล่าวได้ดียิ่ง หากเป็นจวนอ๋องเป่ยลี้ละก็ จะมีหรือมิมีคนเช่นนี้ก็มิต่างกัน การเนรเทศภรรยาน้อยเช่นนี้นับได้ว่าลงโทษสถานเบาแล้วเสียด้วยซ้ำ!"
ใบหน้าของเซี่ยซื่อซีดขาวราวกับกระดาษ ขาของนางสั่น ซูหว่านเอ้อร์ตกใจเสียจนมิกล้าจะหายใจ
ลำคอของนายท่านซูกลืนน้ำลายลงไป จากนั้นก็ยิ้มทื่อๆกล่าวว่า "โมโม่กล่าวได้มีเหตุผลยิ่งนัก"
เขาใจแข็งมิมองไปทางเซี่ยซื่อ "เจ้าจงกลับไปที่เรือนและอยู่ในนั้นเพื่อไตร่ตรองตนเอง! หากมิได้รับคำสั่งจากข้า เจ้าจะมิได้รับอนุญาตให้ก้าวออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!"
"นายท่าน......!"
"ไปได้แล้ว!"
ร่างกายของเซี่ยซื่อสั่นคลอน นางน้ำตาไหลนองแต่มิมีทางทำอะไรได้ ดังนั้นซูหว่านเอ้อร์จึงทำได้เพียงช่วยพานางกลับไปยังเรือน
หลังก้าวออกจากประตูไป ซูหว่านเอ้อร์ก็มองกลับไปยังห้องโถงด้านหน้า ดวงตาของนางมีพิษราวกับงูและแมงป่อง
ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน......ซูหนานอีมิใช่คนที่จะปล่อยให้นางรังแกได้ง่ายๆอีกต่อไป แต่เป็นว่าที่พระชายาของจวนอ๋องเป่ยลี้!
แต่ว่าเพราะเหตุใดเล่า? ตำแหน่งนั้นควรเป็นนางที่ได้รับมิใช่หรือ?
จะปล่อยไว้แบบนี้มิได้!
......
ซูหนานอีเดินตามหยุนจิ่งเข้าไปในรถม้าของจวนอ๋องเป่ยลี้ ในรถม้านั้นสะดวกสบายหรูหรา โต๊ะถูกจัดวางอย่างประณีต
หยุนจิ่งส่งติ่มซำจานหนึ่งไปให้กับซูหนานอี"เจ้ากินนี่สิ! มันอร่อยยิ่ง ข้าชื่นชอบมันมากที่สุดเลย!"
ติ่มซำบนจานมีขนาดเล็กประณีต ผิวบางจนเกือบโปร่งใส ด้านในมีไส้สีแดงอ่อนรสหวานหอม
"ขอบใจเจ้ามาก"ซูหนานอียิ้ม "นี่เรียกว่าอะไร?"
"นี่คือหงหลิงเกา ทั้งหอมและหวาน เหนียงจื่อลองกินเร็วๆสิ!" หยุนจิ่งเอ่ยกระตุ้นนางอีกครั้ง
เหยียนโมโม่มองจากด้านข้างแล้วยิ้ม "คุณหนูซูรู้อาจมิทราบว่า หงหลิงเกานี้เป็นของโปรดของท่านอ๋องเรา ท่านอ๋องมิเคยแบ้งให้ผู้ใดมาก่อน นอกจากพระชายาแล้ว บ่าวยังมิเคยเห็นท่านอ๋องแบ่งให้ผู้ใดอีกเลย"
"อืม เช่นนั้นข้าคงต้องชิมแล้วละ" ซูหนานอีหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของนาง ก่อนหรี่ตามองอย่างละเอียด
"เป็นอย่างไรบ้าง?" หยุนจิ่งตั้งตารอ
"อืม รสชาติมัน หวาน กลมกล่อม อร่อยยิ่งนัก!" ซูหนานอีเอ่ยคำชมออกมา
หยุนจิ่งปรบมืออย่างมีความสุขและหัวเราะขึ้น "เหนียงจื่อกินเยอะๆ กินเยอะๆ"
ซูหนานอีพยักหน้า นางหลับตาลงแล้วกินอย่างช้าๆ หัวใจของนางก็พลอยอบอุ่นไปด้วย นอกจากท่านพ่อท่านแม่ของนางแล้ว มีเพียงมิกี่คนที่ปกป้องและห่วงใยนางเช่นนี้
รถม้ามุ่งไปจนถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ เหยียนโมโม่ลงจากรถก่อนจากนั้นกำชับกับคนใช้ที่ประตูว่า "ไปรายงานไท่เฟยว่าท่านอ๋องรับคุณหนูซูมาแล้ว"
"ขอรับ!"
ขณะนี้ไท่เฟยกำลังเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียง นางปลูกต้นมุกไว้ตรงหน้าต่าง กลีบดอกสีขาวราวกับหิมะ ช่างเหมือนกับความคิดของนางในบัดนี้เสียจริง
ชั่วพริบตา หยุนจิ่งมีอาการป่วยด้านสติปัญญามาห้าปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่สำคัญที่สุดปีหนึ่ง มิรู้ว่าเขาจะผ่านมันไปได้หรือไม่
"ไท่เฟยเพคะ ดื่มชาสมุนไพรเพื่อบรรเทาความมิสบายใจหน่อยไหม" เสียงหนึ่งที่อ่อนโยนดังขึ้น
ไท่เฟยจึงได้สติกลับคืนมาและรับชาจากมือของแม่นางผู้นั้นมาจิบ "หลิวเอ๋อร์ ทักษะการชงชาของเจ้าพัฒนาขึ้นอีกแล้วนะ"
หยุนหลิ่วยิ้มขึ้น "เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ