ซูหนานอีมิได้รอให้ไท่เฟยแสดงท่าทีใดๆออกมา แต่กลับตะคอกชุนหลิงอย่างเย็นชาว่า "หุบปากเสีย! ชุนหลิง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ติดตามเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์เสียจนติดนิสัยไร้กฎเกณฑ์มากขึ้นเรื่อยๆแล้วหรือ!"
ชุนหลิงสะอื้นร่ำไห้ "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรองนาง......"
"คุณหนูซู" หยุนหลิ่วกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ "คุณหนูใหญ่ นางก็เพียงแค่ต้องการช่วยนายของตนจึงทำให้ใจร้อนไปบ้าง การที่นางบุกเข้าไปในจวนอ๋องเป่ยลี้เพื่อเจ้านายของนางอย่างกล้าหาญ นับได้ว่าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ท่านว่ามิน่าสงสารหรือ?"
นี่กำลังกล่าวว่านางใจร้ายต่อหน้าไท่เฟยงั้นหรือ?
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแสร้งทำเป็นประหลาดใจ "คุณหยุนคิดอย่างนั้นหรือ? ตอนแรกข้าคิดว่าเรื่องของซูหว่านเอ้อร์ ถูกตัดสินโดยพระสนมเอกเสียอีก เนื่องจากในวันนี้พวกเราได้ไปจุดธูปเป็นเพื่อนพระสนมเอก เหนียงเหนียงกล่าวว่านางถูกวิญญาณเข้าสิง จากนั้นพระชายาเอกก็ได้พาหมอมารักษานาง นี่มัน......"
"มิใช่ว่าข้ามิอยากแตะต้องน้ำใจนี้ เมื่อกลับไปแล้วข้าจะบอกกับท่านพ่อ เรื่องค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ข้ามิขัดข้อง แต่ข้ามิอยากลากจวนอ๋องเป่ยลี้เข้าไปเกลือกกลั้วด้วย"
ซูหนานอีมิได้กล่าวต่อ นางเชื่อว่าไท่เฟยรู้ถึงประโยชน์ในความหมายนี้ จวนอ๋องเป่ยลี้นั้นมีความรุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัดก็จริงอยู่ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหลังความรุ่งโรจน์นี้มีวิกฤตอยู่หรือไม่?
การที่จะสมาคมกับราชวงศ์ได้มิง่ายเลย ต้องคอยระวังทุกย่างก้าว
ทันทีที่ซูหนานอีกล่าวจบ ไท่เฟยก็นั่งยืดตัวตรง หยุนหลิ่วบีบมือไว้เต็มแรง
"หนานอีกล่าวถูกแล้ว" ไท่เฟยพยักหน้าและเอ่ยชม "เจ้าเข้าใจเหตุผลนี้และช่างมีน้ำใจต่อจวนอ๋องของเรายิ่ง"
การเปลี่ยนคำเรียกจากคุณหนูซูเป็นหนานอี อาจเป็นเพียงมิกี่คำ แต่ช่างก้าวขึ้นไปอีกขั้นใหญ่
ซูหนานอีรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย แต่หยุนหลิ่วกลับต้องกัดฟันกรอดๆด้วยความเกลียดชัง
"ซูหว่านเอ้อร์นั่น หึๆ ทำเรื่องน่าเกลียดในที่สาธารณะเช่นนั้น มิเห็นจิ่งเอ้อร์ของข้าในสายตา" ไท่เฟยตำหนิออกมาอย่างเย็นชา "ดูเหมือนว่าตามปกติแล้วนางก็ไร้ซึ่งมารยาทเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจที่จะถูกสิงร่าง! หนานอีเป็นคู่หมั้นของจิ่งเอ้อร์ของที่แท้จริง ซูหว่านเอ้อร์คือใครกัน เหตุใดนางจึงกล้ามาร้องขอ!"
ใบหน้าของชุนหลิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของนาง
"เหยียนโมโม่" ไท่เฟยเอ่ยเรียก
เหยียนโมโม่เข้าใจในทันทีและก้าวไปข้างหน้าหาชุนหลิงอย่างเย็นชา กล่าวว่า "จงรีบไปเถิด! เป็นความกรุณาอย่างสูงแล้วที่ไท่เฟยมิลงโทษเจ้า"
ชุนหลิงรีบลุกขึ้นจากพื้น นางเดินด้วยขาอันอ่อนแรงออกจากจวนท่านอ๋องไป
ไท่เฟยจึงได้ให้ซูหนานอีดื่มชาและกินขนมก่อนปล่อยนางกลับไป
หยุนจิ่งส่งซูหนานอีถึงประตูจวน เฮ้อ ต้องส่งนางกลับจวนของนางอีกแล้ว แต่เมื่อเดินทางมาถึงหน้าจวนซูเขาก็กลับอาลัยอาวรณ์
"เหนียงจื่อ วันพรุ่งนี้จะไปเล่นที่จวนกับจิ่งเอ้อร์หรือไม่?"
ซูหนานอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเอนตัวเข้าไปใกล้หูของเขาและกล่าวบางอย่างสองสามคำ ดวงตาของหยุนจิ่งก็เป็นประกายขึ้น "จริงหรือ?"
"จริงสิ ข้าจะมิโกหกจิ่งเอ้อร์แน่" ซูหนานอีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"ตกลง เช่นนั้นจิ่งเอ้อร์จะฟังตามที่เหนียงจื่อกล่าว เหนียงจื่อรีบเข้าไปเถอะ ข้าจะยืนส่งอยู่ตรงนี้!"
หัวใจของซูหนานอีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา "ตกลง เช่นนั้นข้าจะเข้าไปแล้ว จิ่งเอ้อร์เดินทางกลับอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ"
"อืม!"
ซูหนานอีเดินเข้าไปในจวนทีละก้าว ทันทีที่นางเข้าไปถึงลานบ้าน เสี่ยวเถาก็วิ่งเข้ามาหานาง "คุณหนู คุณกลับมาแล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว"
"หืม? มีเรื่องอันใดงั้นหรือ?" ซูหนานอีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"หมอในเมืองนี้ถูกเรียกตัวมาเกือบหมดแล้ว แต่ทุกคนต่างไร้ซึ่งหนทางแก้ไข คุณหนูรองเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาเสียจนจะเสียโฉมอยู่แล้ว! บัดนี้นายท่านเป็นห่วงยิ่งนัก"
ซูหนานอีเย้ยหยันอยู่ในใจ ผลลัพธ์นี้เป็นไปตามความคาดหวังของนาง ในเมืองนี้มีมิกี่คนที่สามารถล้างพิษชนิดนี้ได้
ยังมิทันไร ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างนอก มีคนกล่าวขึ้นที่ลานว่า "คุณหนูใหญ่อยู่หรือไม่? ขอถวายความเคารพต่อคุณหนูใหญ่"
เสี่ยวเถาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนี้ "เป็นหยางโมโม่ผู้ซึ่งรับใช้คุณนายเซี่ย เนื่องจากซุนโมโม่ถูกขายไปแล้ว บัดนี้ทุกเรื่องมีนางเป็นผู้จัดการ"
"จงไปถามว่านางมาที่นี่เพื่อเหตุใด หากถามถึงข้าให้บอกว่าเหนื่อยและอยากพักผ่อน"
"เจ้าค่ะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ