หลี่จิ่งหว่านมองหน้าซูหนานองค์การตาเป็นประกาย
จากที่นางดูน่าจะอ่อนกว่านางสองปีได้ หุ่นบางอรชรอ้อนแอ้น คิ้วโก่งเรียงอย่างสวยงาม นัยน์ตาสีนิลเป็นประกาย รอยยิ้มที่เหมือนมองทะลุเข้าไปในความคิดของคนได้
นางระบายยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา: "ท่าน กล้าหรือไม่"
หลี่จิ่งหว่านใจเต้นแรงขึ้นมาทันใด รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมเอ่ยออกมา "กล้า!"
"ดี" ซูหนานอีก็เอ่ยขึ้นทันควัน "ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งคนมารับท่าน ท่านก็วางใจที่จะไปกับเขา พวกเขาเป็นสหายของข้า เชื่อถือได้ ตอนค่ำข้าจะไปหาท่าน"
"ได้"
ซูหนานอีนำท่อนไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจากเอว จากนั้นนางก็เป่าเสียงออกไป หโอกาสแม้กระทั่งหว่านก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ทันใดก็มองเห็นเงาสีขาวมาแต่ไกลจากบนฟ้า
เป็นนกสีขาวตัวเล็กๆ บินมาเกาะที่ไหล่ของซูหนานอี นางลูบหัวของนกน้อยตัวนั้นเบาๆ กระซิบเบาๆ สองสามประโยค นกน้อยก็กระพือปีกบินออกไป
เพียงไม่นาน ก็มีรถม้าวิ่งมาจอดที่ถนน บนรถมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอย่างรีบเร่ง
"คุณหนูซู"
ซูหนานอีหันไปพูดกับหลี่จิ่งหว่าน "ไปเถอะ วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก"
ในใจของหลี่จิ่งหว่านทั้งรู้สึกแปลกใจและตกใจในคราเดียว ที่นางกล้าที่จะเชื่อแม้กระทั่งหนานอีได้เร็วถึงเพียงนี้ และรู้สึกเหมือนกับว่าโชคชะตาชีวิตนางต่อจากนี้อาจจะเปลี่ยนผันไป
รถม้าวิ่งออกไปไกลแล้ว ซูหนานอีก็หันหลังเดินไปยังถนน มองเห็นแผงลอยที่ขายขนม ก็เลือกขนมน้ำตาลที่มีลักษณะเป็นคริสตัลใสมาสองอัน
กลับมาที่ร้านซาลาเปา พอมาถึงร้านข้างล่าง หยุนจิ่งก็มองเห็นนางแล้ว ก็รีบโบกมือให้นาง "เหนียงจื่อ"
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมอง และยังมองเห็นคนที่อยู่ตรงข้ามกับหยุนจิ่งด้วย รอยยิ้มเมื่อชั่วครู่ก็ถึงกับชะงัก
นางก็ค่อยๆ ลดฝีเท้าลง รู้สึกหัวใจร่วงถึงตาตุ่ม แต่ในใจก็บอกกับนางว่า ไม่ได้
ซูหนานอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สลัดความคิดนั้นออกไป นางนั้นอยากจะหยุดเดิน แม้กระทั่งคิดอยากจะยกดาบขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปปักที่หัวของอีกฝ่าย……
นางก้าวขึ้นไปบนชั้นสองทีละก้าว ทีละก้าวที่ความมั่นคง เหมือนกับเหยียบไปตามเลือดของตนเมื่อชาติที่แล้ว
ในที่สุดนางก็เดินมาถึงที่สิ้นสุดของบันไดชั้นสอง ก็กวาดสายตามองขันทีเฒ่าที่กำลังมองมายังนาง "เชิญท่านทางนี้"
ซูหนานอีพยักหน้า เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ
ตอนแรกที่ขันทีเฒ่าผู้นี้นำราชโองการต้องการชีวิตของนาง เข้ามาใกล้หูของนาง……แล้วกระซิบออกมาสองคำดังออกมาอย่างชัดเจน
แต่ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่อดทน ไม่สามารถแสดงท่าทีมีพิรุธออกมาได้
นางยังเดินไม่ถึงโต๊ะหยุนจิ่งก็เกินเข้ามาหาก่อน "เหนี่ยงจื่อ โอ๊ะ นี่ขนมน้ำตาลเจ้าซื้อมาให้ข้าหรือ"
"ใช่แล้ว จิ่งเอ้อร์ชอบไหม" ซูหนานอียิ้มออกมา
"ชอบๆ ! ขนมน้ำตาลที่เป็นรูปคนช่างน่ารักเหลือเกิน" หยุนโอกาสชูขนมน้ำตาลขึ้นพร้อมกับเดินไปหากู้ซีเฉิน "ดูสิ สวยหรือไม่"
ซูหนานอีพยักหน้า "สวย"
ซูหนานอีเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับเอ่ยคารวะและทำท่าคารวะ กู้ซีเฉินก็โบกมือให้ลุกขึ้น "แม่นางซูไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ข้า…… ข้าเพียงแค่ออกมาเดินเที่ยวเล่นเท่านั้น บังเอิญพบกันพี่จิ่ง เลยขึ้นมานั่นด้วย"
เขาพินิจมองซูหนานอี เป็นครั้งที่สองแล้วที่พบเจอกับหญิงสาวผู้นี้ ที่ไหนไม่เหมือนดันมีชื่อที่เหมือนกัน จะบังเอิญจริงๆ หรือ
"แม่นางซูก็ชอบขนมน้ำตาลหรือ" กู้ซีเฉินมองแล้วก็ถามออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไร
"ตอบคำถามท่าน ใช่เพคะ" ซูหนานอีหลบตาตอบ "หลังจากที่มารดาผู้น้อยเสียก็ชอบกินขนมน้ำตาลแล้ว จนทำให้ฟันเสียไปหนึ่งเล่นแล้วเพคะ"
กู้ซีเฉินหัวเราะเบาๆ ออกมาแล้วเอ่ย "เพราะไม่มีมารดาคอยกำกับดูแล ดังนั้นถึงได้เป็นอย่างนี้"
ซูหนานอียิ้มโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้ตอบกลับ
นางรู้ว่ากู้ซีเฉินกำลังทดสอบนางอยู่ เพราะหนึ่งในสิ่งที่นางไม่ชอบกินมากที่สุดในชาติที่แล้ว คือขนมหวาน
กู้ซีเฉินเคยเอ่ยว่า หญิงสาวตระกูลอื่นล้วนชื่นชอบขนมหวาน มีเพียงนางที่พิเศษ และเขาก็ชอบความพิเศษของนางเป็นที่สุด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขานำมาทดสอบเสียแล้ว
กู้ซีเฉินนั้นก็วางใจไปส่วนหนึ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมักจะคิดนำหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับซูหนานอีที่ตายไปแล้วมาคิดให้เป็นเรื่องเดียวกัน
"พี่หยุน ยกให้ข้าหนึ่งอันได้หรือไม่" กู้ซีเฉินเอ่ยถาม
ซูหนานอีรู้สึกขยะแขยง รู้อย่างนี้นางซื้อมาอันเดียวดีกว่า จะได้ไม่มีโอกาสให้กับคนผู้นี้
คิดไม่ถึงว่าหยุนจิ่งจะส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ได้หรอก นี่เป็นของที่เหนียงจื่อซื้อให้ข้า ท่านอยากกินก็ให้คนของท่านไปซื้อ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ