ซูหนานอีได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ใดมา เดิมทีนางคิดจะมองดูละครฉากนี้อย่างเงียบๆ แต่ก็ดี ละครฉากนี้จะยิ่งเข้มข้น
ซูซืออวี้ยักคิ้วขึ้นถาม "เกิดเรื่องอันใดขึ้น"
บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา "ตอบนายท่าน เป็น…… คุณหนูรองมาขอรับ ต้องการจะบุกเข้ามา"
"เหลวไหล!" ซูซืออวี้ตบโต๊ะ "ไม่ใช่ใข้าห้นางกักบริเวณหรอกหรือ นางมาที่ทำทำไม"
บ่าวรับใช้ไม่กล้าตอบ ซูซืออวี้ก็เอ่ยต่อด้วยความโกรธ: "มัวทำอะไรอยู่ รีบนำตัวนางส่งกลับเรือนไป!"
บ่าวรับใช้ตอบรับคำแต่ยังไม่ทันได้ขยับ ซูหว่านเอ้อร์ก็เดินเข้ามาเสียแล้ว
นางเป็นถึงคุณหนู อีกทั้งยังเป็นคุณหนูรอง จะเข้านอกออกในยังไงก็ได้ เรือนหลังนี้นอกจากแม่บ้านแล้วบ่าวรับใช้ล้วนเป็นผู้ชาย ใครจะบังอาจขวางนางไม่ให้เข้ามาได้ ไม่นานซูหว่านเอ้อร์ก็เดินเข้ามาถึงข้างใน นางไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็เดินเข้าไปจับหมับที่ข้อมือแม่นางหลิว จากนั้นก็ตบเข้าที่หน้าของนาง
เสียงดัง "เพี๊ยะ" จนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ซูหนานอีคิ้วขมวดเล็กน้อย ตาเป็นประกาย จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบอาหารกินอย่างช้าๆ
ซูซืออวี้ยังไม่ทันตั้งสติได้ จ้องดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านิ่ง เซี่ยเถาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย สู้กับซูหนานอีมาเกือบทั้งวัน คิดไม่ถึงว่าจะพลาดเพราะซูหว่านเอ้อร์
แม่นางหลิ่วถูกตบก็ร้องออกมา พร้อมกับใช้มือลูบหน้าตัวเองตาก็จ้องซูหว่านเอ้อร์ "เจ้าเป็นผู้ใน ใยมาตบข้า"
"แล้วทำไมข้าจะตบเจ้าไม่ได้ เจ้าผู้หญิงแพศยา! ข้าตบเจ้าสมควรแล้ว เจ้ายังหน้าไม่อายอีก ยังกล้ามาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงถึงบ้านของข้า ทำไมใต้หล้านี้ถึงได้มีผู้หญิงแพศยาหน้าไม่อายอย่างเจ้าอยู่ด้วย!"
ซูหนานอีขมวดคิ้วขึ้นแล้วน้อย ด่าได้เจ็บแสบเสียจริงๆ ด่าได้แสบมาก ด่ารวมไปถึงซูซืออวี้ด้วย
และตอนนี้ซูซืออวี้ก็โกรธจนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว พอตั้งสติได้ก็ชี้หน้าซูหว่านเอ้อร์แล้วเอ่ย "บังอาจ ! เจ้ารู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา นี่ควรเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคุณหนูผู้ดีอย่างเจ้าหรือ ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แล้วจริงๆ "
ซูหว่านเอ้อร์ยังไม่รู้สึกผิด "นางทำได้ แล้วทำไมข้าจะด่าไม่ได้ หากนางไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นั้น ข้าจะมาด่านางได้อย่างไร ท่านพ่อ ท่านก็อายุมากแล้ว หรือว่าท่านยังจะแต่งภรรยาเข้ามาอีกหรือ"
นี่เป็นเพียงกระดาษหน้าต่างแผ่นบางๆกลั้น เดิมทีซูหนานอีนั้นไม่คิดจะเจาะให้ขาด จะดูว่าซูซืออวี้จะทำอย่างไรต่อไป ซูหว่านเอ้อร์เดินเข้ามาแล้วก็ทำให้โต๊ะอาหารเละเทะไปหมด
ซูซืออวี้ที่ตอนนี้โกรธโมโหจนตัวสั่น หายใจแรงแทบจะล้มลง "เจ้า……"
เซี่ยเถายังมีสีหน้าเรียบเฉย "หว่านเอ้อร์ ห้ามก่อเรื่อง เจ้าทำอะไร ที่นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเจ้า รีบกลับเรือนไปซะ"
ซูหว่านเอ้อร์ที่ตอนนี้เหมือนกับคนบ้า ชี้หน้าเซี่ยเถา "ท่านหุบปาก! เพราะท่านที่เป็นคนต้นคิด
ตัวท่านลุ่มหลงหญิงสาว รับหญิงสาวเข้ามาเป็นอนุคนแล้วคนเล่า ตอนนี้ยังกล้าที่จะมายุแยงให้ท่านพ่อข้าทำเรื่องน่าอายอย่างนี้ด้วย!"
เซี่ยเถาที่ตอนนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง แล้วลุกขึ้น "พูดจาเหลวไหล! ช่างสิ้นคิดเหลือเกิน รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดจาอะไรออกมา"
ซูหว่านเอ้อร์ที่ตอนนี้ยังอยู่ในอารมณ์โกรธยังหมายจะเข้าไปตบแม่นางหลิ่ว แม่นางหลิวก็เบี่ยงตัวหลบไปที่ข้างหลังซูซืออวี้ พร้อบกับร้องไห้ลูบหน้าของตัวเอง
ซูซืออวี้กอดนางไว้ ซูหว่านเอ้อร์เห็นอย่างนั้นยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่สนในอะไรทั้งนั้นเข้าไปหมายจะกระชากนางออกมา "เจ้า นางผู้หญิงแพศยา มานี่! ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก จะร้องทำไม ผู้ที่ต้องร้องไห้ควรเป็นท่านแม่ข้าเสียมากกว่า!"
ซูซืออวี้ที่ตอนนี้โกรธจนปากสั่น "หุบปาก! ข้าว่าเจ้านี้ไม่รับการอบรมที่ดี ผู้ใดกันใช้ให้เจ้ากล้าที่จะมาเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ รีบกลับเรือนของเจ้าไปซะ ไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามออกมาแม้แต่ก้าวเดียว"
ซูหว่านเอ้อร์ร้องกริ้ดลั่น "ข้าไม่ไป! นอกเสียจากว่าจะไล่ผู้หญิงแพศยานี้ไป นางคิดว่านางเป็นใคร"
จากนั้นนางก็หันมาหาซูหนานอีที่อยู่ข้างๆ กัดฟันเอ่ย "ซูหนานอี เจ้าจะใจเย็นไปถึงไหน เจ้าจะปล่อยให้หญิงคนนี้มาวางอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่หรือ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ"
ซูหนานอีมองไปทางซูซืออวี้ ที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจ "ทำไมหรือ…… แม่นางหลิ่วผู้นี้ไม่ใช่เป็นแม่ครัวที่ท่านพ่อรับเข้ามาทำงานหรอกหรือ"
"หนานอี เอ่อ……" ซูซืออวี้หน้าแดง ไม่รู้เพราะว่าอารมณ์โกรธหรือเพราะอากาศร้อนกันแน่
ซูหนานอีก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา เพียงแต่ว่า ซูหว่านเอ้อร์นั้นก็พูดถูก คนพวกนี้ล้วนหน้าไม่อาย
"ท่านพ่อ ข้าอิ่มแล้ว พวกท่านค่อยๆ กินเถอะ" ซูหนานอีพูดจบก็ลุกขึ้น ปล่อยคนพวกนั้นไว้ข้างหลังแล้วเดินจากไป
พอกลับมาถึงเรือน เสี่ยวเถาที่เห็นนางก็รีบเข้ามาถามทันที "คุณกลับมาแล้ว บ่าวได้ยินมาว่าที่เรือนนายท่านเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ไม่ได้ต่อว่าคุณหนูใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่ต้องไปสนใจหรอก เตรียมสำรับมาหน่อย ข้ายังกินไม่อิ่ม"
"เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเตรียมประเดี๋ยวนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ