ตอนนี้ชายร่างบึกบึนมีท่าทีร้อนรน เขาลำบากตามหานางมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ข่าวคราว ถึงได้ตามเสี่ยวชีเข้าเมืองมา ใจร้อนอยากจะพบกับซูหนานอี กลับคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอย่างนี้
ซูหนานอีถอดหมวกออก แล้วคารวะชายชาตรีผู้นี้ "ขออภัยด้วย หากข้าไม่พูดอย่างนี้ เกรงว่าท่านจะเสียใจ และจะกระทำเรื่องบุ่มบ่าม"
ชายชาตรีฉายแววตาเจ็บปวด ก็รู้สึกถึงลางไม่ดี แต่ก็กัดฟันเชื่อว่าจะยังมีโชคดี "คุณหนูหมายความว่าอย่างไร ม่านเหนียงของข้า……"
"เมื่อหลายปีก่อน ท่านไปร่วมรบกับกองทัพ จนร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสขาดการติดต่อกับครอบครัว ภรรยาของท่านม่านเหนียงเฝ้าคะนึงหาเป็นห่วงท่านทุกคืนวัน ได้ยินว่าพวกท่านมีอยู่วัดหนึ่งมักมีคนเห็นสิ่งศักดิ์ เขาเลยอยากจะไปไหว้ขอพร ปรารถนาให้ได้ข่าวคราวของท่าน"
น้ำเสียงของซูหนนาอีค่อนข้างเบา ลอยไปตามลมย้ำราตรีที่มีลมพัดเบาๆ ดุจเพลงเศร้า
"ตอนที่นางเข้าไปในวัด แต่กลับมีคนบอกว่า หากจะให้พรสมดังปรารถนาจะต้องมาจำวัดถึงเจ็ดวันถึงจะสมปรารถนา นางจึงได้อยู่ที่วัดต่อ คิดไม่ถึงว่า ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเรื่องขึ้น"
ชายชาตรีหน้าซีด ขมวดคิ้ว "เกิดเรื่องอันใดขึ้น"
"เจ้าอาวาสวัดนั้นเป็นตัวปลอม เรื่องพบวิญญาณก็เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ทว่าเพื่อหลอกลวงประชาชน ฉ้อโกงเงิน และ……ยังหลอกลวงหญิงที่อยากมีบุตรพวกนั้น……"
ชายชาตรีตาจ้องเขม็งทันที "อะไรนะ"
"ภรรยาของท่านม่านเหนียงไม่ได้ไปเพื่อขอบุตร แต่นางมีรูปโฉมงดงาม พระนั่นมีปราถนาร้าย นางถูกหลอกเข้าไปจำวัดต่อ และปรากฏว่าคืนวันนั้นพระนั่นก็เข้าไปที่ห้องของนาง"
"นางนั้นก็ขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ สุดท้าย……ก็ฆ่าตัวตาย พระนั่งเพื่อที่จะปิดบังเรื่องนี้เลยนำศพภรรยาของท่านม่านเหนียงฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้หลังวัด"
ชายชาตรีปากสั่น หางตากร้าวขึ้น กัดฟันดังกรอด อกพองขึ้นด้วยความโกรธแค้นอยู่สักพักถึงได้เอ่ยขึ้นว่า "จะเป็นไปได้อย่างไร …… เป็นไปไม่ได้ ภรรยาข้าม่านเหนียงจะต้องยังมีชีวิตอยู่ เจ้า……พูดเหลวไหล!"
ซูหนานอีไม่ได้ตอบโต้ แบมือออกมาในมือเป็นถุงหอมเก่าๆ ปรากฏตรงหน้าของชายชาตรี พู่เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง แกว่งไปมาราวกับร้องไห้ให้กับเรื่องราวในอดีต
ขาทั้งสองข้างของชายชาตรีนั้นเหมือนกับถูกยึดไว้ไม่ไหวติงอยู่นานถึงได้ขยับ พร้อมกับมือค่อยๆ ชี้ไปที่ถึงหอมด้วยแววตาแดงก่ำน้ำตาก็ไหลออกมา
"นี่คือ……ตอนที่ข้ากับนางต้องแยกจากกันครั้งสุดท้าย ได้ไปที่เที่ยวตลาดด้วยกันและก็ซื้อมา นางบอกว่าจะพกติดตัวทุกวัน"
"ตอนที่พระนั่นสารภาพออกมา ข้าเจอบนร่างของนาง คิดว่าน่าจะช่วยเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนให้กับญาตินางได้"
ชายชาตรีใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา รับถุงหอมมาอยู่ในมือ "สารภาพอย่างนั้นหรือ คนร้ายจับได้แล้วอย่างนั้นหรือ"
"ตอนนั้นก็จับตัวได้แล้ว แต่เพราะความสะเพร่าเขาเลยหนีไปได้"
ชายชาตรีซักถามต่อ "แล้วมีข่าวคราวของเขาหรือไม่ ข้าจะต้องแก้แค้นให้ม่านเหนียงของข้า!"
"มี" ซูหนานอีพยักหน้า "ที่ข้าเชิญท่านเข้าเมืองมานี้ เพื่อที่จะบอกกับท่าน ตอนนี้สืบหาร่องรอยของเขาได้แล้ว เพียงแค่ตอนนี้ยังลงมือไม่ได้ ต้องรออีกสักสองวันก่อน"
ชายชาตรีรู้สึกเจ็บปวด แต่แววตากลับตั้งมั่น แข็งกร้าวราวดั่งไฟลุกโชน "ได้ กี่วันข้าก็จะรอ ข้าจะต้องเป็นคนลงมือสังหารสารเลวนั่น!"
ซูหนานอีเรียกเอาเงินจากเสี่ยวเถามีหลายตำลึง วางไว้บนโต๊ะ "ท่านนักรบ ท่านโปรดรออยู่ที่นี่เถิด ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีผู้ใดเข้ามาได้ จะลงมือได้เมื่อใด ข้าจะให้แม่นางผู้มีมาส่งข่าวให้ท่านทราบ"
ชายชาตรีพยักหน้า "ขอบคุณแม่นางที่คอยช่วยเหลือ เพียงแต่ว่า……แม่นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"
ซูหนานอีนั้นเตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว "ท่านนักรบ ข้าบอกไปแล้วท่านอาจจะไม่เชื่อ"
ชายชาตรีอึ้ง "เพียงแม่นางพูดมา ข้าเชื่อ"
"ได้" ซูหนานอีตอบเสียงดัง "แม่นางม่านเหนียงมาเข้าฝันข้า ข้าเคยไปเข้าร่วมพิธีไหว้พระที่วัดแห่งนั้น ในระหว่างทำพิธีทันใดนั้นก็รู้สึกได้เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ ในขณะที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น แม่นางม่านเหนียงก็บอกเรื่องราวทั้งหมดกับข้า"
"พอข้ารู้สึกตัวขึ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ก็รีบส่งคนไปสืบ พบว่ามีคนผู้นั้นอยู่จริง อีกทั้งวันที่นางไปจุดธูปไหว้พระขอพรเป็นวันเกิดของนาง ข้าไตร่ตรองดูแล้ว สุดท้ายเลยไปแจ้งความ ถึงได้สืบหาคนร้ายมาได้ และหาศพของแม่นางม่านเหนียงจนเจอ ข้าได้นำศพนางมาทำพิธีฝังศพเรียบร้อยแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ