ซูหนานอีมองดูหลี่จิ้งหว่านที่อยู่ข้างกายตอนนี้ จู่ๆนางก็รู้สึกเสียใจ มิควรพานางมาพบกับฉากเหล่านี้ นางเหม่อมองไปเพียงชั่วครู่ ไม่นานชุ่ยจือที่อยู่ในเรือนก็ทำท่าทางเสแสร้งออกมาอีกครั้ง นางนำมือขึ้นกุมหน้าผากจากนั้นกล่าวว่าตนเวียนศีรษะ ก่อนจะทำท่าทางอ่อนระทวยซุกลงภายในอ้อมอกของหลิวลี่ซง หลิวลี่ซงจึงได้เอื้อมมือเข้าไปกอดเอาไว้ มือไม้ซุกซนลูบไล้ไปทั่ว จนทำให้ชุ่ยจือยิ้มอย่างเขินอาย
"พี่ซง" น้ำเสียงของชุ่ยจืออ่อนโยน "ข้าน้อยหรือหลี่จิ้งหว่านดีกว่ากัน?"
หลิวลี่ซงไม่แม้แต่จะครุ่นคิด "แน่นอนว่าเป็นเจ้าดีกว่า"
มือทั้งสองข้างของชุ่ยจือโอบคอของเขาเอาไว้ "จริงหรือ? แต่ข้าน้อยไม่เชื่อ อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงคุณหนู ส่วนข้าน้อยเป็นเพียงแค่บ่าว"
"คุณหนูหรือบ่าวอะไรกัน ข้าเป็นผู้เรียนหนังสือหาได้เห็นความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ไม่" นิ้วมือของหลิวลี่ซงลูบคลำไปที่ใบหน้าของนาง "นางเป็นคุณหนูก็จริงอยู่ แต่ทำอะไรไม่เป็นไม่สามารถช่วยเหลือข้าเรื่องใดๆก็ตาม อย่างไรเสียเจ้าก็ดีกว่านัก ทั้งทำงานเป็นและอดทนอดกลั้น"
"เพียงแค่เท่านี้หรือ?" ชุ่ยจือถามอย่างยั่วยวน
หลิวลี่ซงก้มตัวลงไปกระซิบบางอย่างข้างหูนาง จากนั้นชุ่ยจือก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย นางเอามือทุบไปที่หน้าอกของเขา "ช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน"
"เช่นนั้นข้าจะทำสิ่งที่ยิ่งกว่าให้เจ้าดู……"
ชุ่ยจือยิ้มออกมาพลางกล่าวอย่างเหนื่อยหอบว่า "สิ่งที่คุณหญิงให้ท่านทำนั้นคิดดีแล้วหรือไม่? คุณหญิงได้กล่าวออกมาแล้วเพียงท่านหานางนั่นเจอ ก็จะจ่ายเงินเพื่อช่วยให้ท่านได้รับรายชื่อเข้าร่วมสอบชิวเหว่ยในครั้งนี้ เพียงแค่ได้รับคัดเลือก ก็…… ก็จะ ยกข้าให้แก่ท่าน"
"วางใจเถิด ข้านั้นคิดดีแล้วแหละเขียนไว้เสร็จสรรพ วันพรุ่งก็นำไปติดประกาศได้"
ส่วนประโยคต่อจากนั้นฟังมิชัดเจน เห็นเพียงหลิวลี่ซงอุ้มชุ่ยจือเกลือกกลิ้งไปบนเตียง
หลี่จิ้งหว่านหลับตาลงเบาๆ น้ำตาไหลนองบนใบหน้าสองแก้ม
ซูหนานอีพานางไปยังลานบ้าน เนื่องจากกลัวว่านางจะทนมิไหวและพุ่งเข้าไปด้านใน คิดไม่ถึงว่าหลี่จิ้งหว่านได้แต่เดินตรงไปทางด้านนอกไม่แม้จะหันศีรษะกลับมามอง
นางเดินกลับไปยังทางที่เดินมา ซูหนานอีไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เนื่องจากรสชาติของความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจเช่นนี้นางเองก็เคยได้ลิ้มรสมันมาก่อน
"คุณหนูหลี่มิต้องเศร้าโศกใจไป เราเห็นทุกอย่างกระจ่างแจ้งในบัดนี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าแต่งงานกันไปในอนาคตจึงพบว่าเขามิใช่คนดี"
ซูหนานอีรู้สึกว่าประโยคนี้ช่างดูเยือกเย็นจนเกินไป แต่นางก็คิดประโยคอื่นไม่ออกเช่นกัน
หลี่จิ้งหว่านเช็ดน้ำตาของตน จากนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าซูหนานอี
ซูหนานอีรีบใช้มือทั้งสองข้างของนางเข้าพยุงไว้ "คุณหนูหลี่ทำอะไรกัน?"
"คุณหนูซู ในวันนี้หากมิใช่เพราะคุณหนูยื่นมือเข้ามาช่วย ข้าคง…… บัดนี้ข้าหมดสิ้นความคิดถึงเขาไปแล้ว และก็ไม่มีที่ไป ขอร้องให้คุณหนูซูโปรดรับข้าไว้ด้วยเถิด!"
เมื่อกล่าวจบนางก็ก้มศีรษะคารวะ ซูหนานอีถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า "จงลุกขึ้นเถิด ข้ามิได้กล่าวเลยว่าจะไล่เจ้าไปที่ใด เจ้าจงอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนเรื่องหลังจากนี้ข้าจะจัดการให้เอง"
หลี่จิ้งหว่านกล่าวขอบคุณนาง จากนั้นก็หันหลังเดินกลับห้องไป
ซูหนานอีถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและหันกลับไปย้อนมองดูที่ห้องของลู่ซือหยวน หน้าต่างถูกเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เขานั่งอยู่ตรงข้างและกำลังมองออกมา
นางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ขอบหน้าต่าง "เรื่องราววุ่นวายนิดหน่อย"
"เขาเป็นคนไม่ดีหรือ?"
ซูหนานอีพยักหน้าจากนั้นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "เหตุใดถึง……"
น้ำเสียงของลู่ซือหยวนเบาบาง "คงไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงและผลประโยชน์ เพื่อทั้งสองสิ่งนี้อย่าว่าแต่ความรักเลย แม้ชีวิตก็สามารถนำเข้าแลกได้"
ซูหนานอีชะงักลง "จะกล่าวเช่นนั้นก็ถูก"
นางมองไปยังทิศทางที่หลี่จิ้งหว่านเดินจากไป "นางแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก พลังของหุบเขาเทวดานั้นมิอาจใช้ได้ในตอนนี้ ข้าคงต้องเริ่มฝึกฝนคนของตนเอง นางอยู่ที่นี่คงต้องรบกวนให้เจ้าเอาใจใส่สักหน่อย"
ดวงตาของลู่ซือหยวนลึกล้ำเขาพยักหน้าเล็กน้อย
ซูหนานอีกลับมายังตระกูลซู เสี่ยวชีก็กลับมาแล้วเช่นกัน "คุณหนูเจ้าคะ ซิ่วเหนียงนางนั้นบ่าวได้หาพบแล้วและนำตัวมาส่งที่เรือนแล้วเจ้าค่ะ"
"ดีมาก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปดู วันนี้พักผ่อนก่อนเถิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ