ซูหนานอีอยากจะฟังก็คือคำพูดเมื่อสักครู่ของใต้เท้าจ้าว นางกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็เดินออกจากศาลจิงจ้าวพร้อมกับหยุนจิ่ง
หยุนจิ่งเม้มปากแน่น ท่าทีลังเล
ซูหนานอีเลยเอ่ยถาม: "มีอะไรหรือ หยุนจิ่งมีอะไรจะพูดหรือ"
"เหนียงจื่อ เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่จวนซูไม่มีความสุขใช่หรือไม่" แววตาลึกซึ้งของหยุนจิ่ง รวมกับหาก้นพื้นไม่เจอ ล้วนเต็มไปด้วยความกังวล
ซูหนานอีอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามอย่างนี้
"ไม่นี่ ข้าก็อยู่สุขสบายดี จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องเป็นกังวลไป"
หยุนจิ่งที่เชื่อฟังนางมาตลอดแต่วันนี้กลับหันหลังให้นาง: "โกหก! เหนียงจื่อโกหก!"
ซูหนานอีรู้สึกลำบากใจ ลูบหลังหยุนจิ่งเบาๆ "หยุนจิ่งโกรธหรือ"
หยุนจิ่งไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธนางอยู่
ซูหนานอีใช้นิ้วจั๊กจี้ไปที่เอวของเขา แล้วหัวเราะเบาๆ
หยุนจิ่งถูกนางจี้ก็บิดตัวไปมา พร้อมกับหายใจส่งเสียงหึออกมา
ซูหนานอีเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของเขา "เอาล่ะ จิ่งเอ้อรอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้โกหก ถึงแม้ว่าในตระกูลซูจะมีคนไม่ดีพวกนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ข้าอยู่แต่ในเรือนของข้า อยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจเรื่องที่ทำให้ไม่ดีที่ทำให้ไม่มีความสุขหรอกนะ"
หยุนจิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งรู้สึกซูหนานอีพูดก็มีเหตุผล กัดเม้มริมฝีปากแล้วตวัดสายตาหันกลับมา "จริงหรือ"
"จริงสิ" ซูหนานอีพยักหน้า "ข้าจะโกหกหยุนจิ่งได้อย่างไร เอาอย่างนี้เจ้ากลับไปจวนซูพร้อมกับข้า ขทำของอร่อยให้เจ้ากิน จากนั้นก็รอดูว่าข้าจัดการกับพวกเขา ดีหรือไม่"
"ดี" หยุนจิ่งตอบทันทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "กินข้าวกับเหนียงจื่อมีความสุขที่สุด"
"อย่างนั้นต้องกินเยอะ เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะให้คนครัวทำให้เจ้า"
"ข้าสั่งได้ด้วยหรือ"
"ได้สิ……"
……
ทั้งสองคุยกันไปพร้อมทั้งเดินทางกลับจวน คนในจวนซูส่วนใหญ่ต่างก็ทราบข่าวตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แต่ไม่มีใครกล้าปริปาก
ซูหว่านเอ้อร์ได้ส่งแม่บ้านชุยมาดักรอที่หน้าประตูจวน พอเห็นซูซูืออวี้กลับมาก็รีบเดินเข้าไปสอบถาม นางไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว แต่พอเอ่ยถามซูซืออวี้ก็แสดงสีหน้าโกรธอยากหาที่ระบาย
เขาผลักแม่บ้านชุยให้หลีกทาง เดินไปทางเรือนซูหว่านเอ้อร์ด้วยท่าทางโกรธ
เดิมทีซูหว่านเอ้อร์นึกว่าเป็นแม่บ้านชุย แต่พอมองผ่านหน้าต่างออกไปดูเห็นว่าเป็นซูหว่านเอ้อร์ ที่เดินมาทางนี้เหมือนกับไปกินรังแตนมา ยังคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นไม่ดีกับซูหนานอีแล้ว
นางรีบยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูพร้อมกับทำหน้าสงสาร "ท่านพ่อ ทำไมท่านพ่อถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีถึงเพียงนี้ พี่ใหญ่เล่า ทำไมถึงไม่กลับมาพร้อมกับท่าน ท่านพ่อไม่ว่าพี่ใหญ่จะทำอะไร นางก็ยังเป็นพี่สาวของข้า บุตรสาวของท่าน ขอให้ท่านเห็นแก่หน้าหว่านเอ้อร์ ยกโทษให้นางด้วย"
นางพูดพร้อมกับคุกเข่าลงพูดออกมาด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง"ท่านพ่อ ลูกไม่กลัว แม้จะไม่สามารถกู้ชื่อเสียงของลูกกลับมา แต่จะไม่สนความเป็นความตายของพี่ใหญ่คงไม่ได้! เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้พี่ใหญ่ไปอยู่ที่ร้านที่บ้านนอกสักสองปี รอให้ข่าวซาลง ทุกคนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว หรือไม่ก็……"
พูดยังไม่ทันจบซูซืออวี้ก็ง้างมือตบเข้าที่หน้าของนางดัง "เพี๊ยะ" จนหน้าซูหว่านเอ้อร์หันไปอีกทางพร้อมกับทรุดลงไปกองกับพื้น
"หุบปาก! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซูหนานอีทำอะไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่านางทำลายชื่อเสียง"
ซูหว่านเอ้อร์รู้สึกชาหน้าไปครึ่งซีก แต่กลับแอบดีใจ ยิ่งซูซืออวี้โมโหโกรธก็แสดงว่าซูหนานอีทำเรื่องผิดร้ายแรงไม่สามารถที่จะขอร้องอ้อนวอนได้!
นางก็ลุกขึ้นมาคุกเข่าอีกครั้ง "ลูกเห็นท่าทางโมโหโกรธของท่านพ่ออย่างนี้ก็รู้แล้วว่าพี่ใหญ่นั้นมีโทษหนัก ทำลายชื่อเสียงตระกูลซู และโยงไปถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ด้วย แต่ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ลูกก็ไม่อาจทนเห็นท่านจะทำอันใดกับพี่ใหญ่ได้! นางเป็นลูกสาวในไส้ของท่านนะ หรือว่าท่านอยากจะตีนางให้ตายเลยหรือ ท่านพ่อ……"
"อย่ามาเรียกข้าว่าท่านพ่อ! ข้าไม่มีลูกสาวอย่างเจ้า! วันๆ มีแต่พูดเหลวไหล ถูกกักบริเวณแล้วยังไม่รู้จักสำนึกแก้ไขตัวเอง ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ