ชุนหลิงสะบัดหน้าไปมา เหมือนลมพัดใบไม้อยู่ แล้วชี้นิ้วไปทาง
ซูหว่านเอ้อร์
แววตาซูหนานอี เหลือบมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนทำเป็นมองซูหว่านเอ้อร์
ซูหว่านเอ้อร์อึ้งสีหน้าซีดเผือด พอเห็นชุนหลิงก็รู้สึกเย็นเยือกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นิ้วที่ชี้มาของชุนหลิงราวกับมีดแหลมคมทำให้หล่อนหายใจไม่ออก ไม่เพียงแต่เรื่องล้มเหลวเป็นผุยผง แถมยังมองซูหนานอีด้วยท่าทางหวานกลัว และยังมีหยุงจิ่งอยู่ด้วยอีก
ความสงสัยของซูซืออวี้นั้นพอมีหลักฐานมายืนยันก็โกรธขึ้นมาทันที และไม่ไว้หน้าเซี่ยเถาอีกต่อไปแล้ว กระโดดเข้าไปถีบไหล่ของซูหว่านร์เอ้อร์ "เจ้ามันลูกไม่รักดี! เสียแรงที่ข้าเลี้ยงเจ้ามาจนโตจนถึงป่านนี้!"
ซูหว่านเอ้อร์ที่ถูกเขาเตะจนกระเด็นไปกองกับพื้น ร่างกายคลุกไปด้วยดินกะพริบตาไปมาเกือบจะเป็นลมแล้ว
แม่บ้านชุย ได้แต่กอดแขนตัวเองไว้ตามองนางปริบๆ ไม่ได้เข้าไปพยุงนาง
ซูหว่านเอ้อร์พยุงตัวขึ้นหอบ มองชุนหลิงด้วยแววตาอาฆาต "สาวใช้ชั้นต่ำ!" เจ้าพูดเหลวไหล กล้าพูดใส่ร้ายป้ายสีข้า! ผู้ใดกันให้เจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า หรือเป็นแม่นางแซ่หลิวแพศยานั่น หรือเป็นซูหนานอี"
เซี่ยเถาคิ้วหมวด ในใจคิดว่าทำไมหลานสาวของเขาถึงไร้มารยาทขนาดนี้ ถึงตอนนี้แล้วยังกล่าวโทษแม่นางหลิ่ว หรือว่านางคิดว่าไม่มีแม่นางแซ่หลิ่วแล้วพวกนางสองแม่ลูกแล้วจะสามารถกุมอำนาจในจวนซูได้หรือ เซี่ยเถาขำอยู่ในใจ คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ ไม่สามารถทำให้ฉลาดขึ้นมาได้ เขาค่อยๆ ถอยหลังหลบไปข้างหลังโดยไม่มีใครสังเกตจากนั้นก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ
ซูหนานอีเห็นตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็คร้านที่จะสนใจเขา เขาเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเล็กๆ เท่านั้น
ชุนหลิงปิดเปลือกตาลง น้ำตาไหลลงมา "คุณหนูรอง ท่านพูดอย่างนี้ได้อย่างไร บ่าวมีสภาพเป็นอย่างนี้แล้ว ถึงแม้รอดชีวิตมาได้แต่ก็ยังไม่รู้จะรักษาหายมั้ย ท่านเป็นคนบงการบ่าวเอง ไส่ร้ายป้ายสีท่านแล้วจะมีประโยชน์อันใดกับข้าเล่า"
ซูหว่านเอ้อร์จ้องนางพร้อมกับกำมือแน่น พยายามทนเจ็บแล้วพยุงตัวลุกขึ้นมา "เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นคนของหญิงแพศยาแม่นางแซ่หลิ่วนั่น ไม่ใช่ข้า!"
ซูซืออวี้ได้ยินนางพูดออกมาจากปากว่าหญิงแพศยา ก็โกรธขึ้นมาอีก:"หุบปาก! เจ้าดูเจ้าตอนนี้สิยังหลงเหลือความเป็นคุณหนูอยู่หรือไม่ พูดแต่ละคำออกมาล้วนฟังไม่ได้เป็นคำหยาบคายทั้งนั้น ใครเป็นคนสั่งสอนเจ้ากัน"
ชุนหลิงตาแดงก่ำ มือกำเสื้อตรงหน้าอกแน่นแล้วเอ่ย: "คุณหนู แม้นว่าตอนนี้ข้าจะติดตามแม่นางแซ่หลิ่ว บ่าวโตมาพร้อมกับคุณหนู หลายปีมีนี้ทุ่มเททั้งกายและใจ คอยดูแลและทำตามท่านสั่งทุกอย่าง ……หรือว่าแม้ท่านไม่เห็นแก่ความผูกพันที่เคยมีมาเลย อยากเห็นข้าตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ"
" แค่ชีวิตสาวใช้ชั้นต่ำคนเดียว ตายไปแล้วยังไง!" ซูหว่านเอ้อร์ก็โมโหคลุ้มคลั่งแววตาแดงก่ำ อยากพูดจาร้ายๆ อะไรก็พูดออกมา
ซูหนานอีเห็นว่านางโมโหจนจะใกล้เป็นบ้าไปแล้ว ก็คิดอยู่ในใจ จิตใจคนนี้หากได้ร้ายขึ้นมา นั้นน่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด พอคิดร้ายขึ้นมา น่ากลัวกว่ายาพิษทุกชนิดในใต้หล้าอีก
ซูหว่านเอ้อร์พึ่งพูดจบ ได้ยินเพียงเสียงเย็นเยือกดังขึ้นมา "คุณหนูรองระวังคำพูดด้วย!"
ทุกคนหันกลับไปมอง เป็นใต้เท้าจ้าวนั่นเองที่ยืนอยู่หน้าประตู
หน้าซูซืออวี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำไมใต้เท้าจ้าวมาโดยไม่บอกไม่กล่าวเลยล่ะ และก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้ง มัวทำอะไรกันอยู่
เขาไม่กล้าเชื่องช้า รีบเดินเข้าไปคารวะ ใต้เท้าจ้าวมองนิ่ง "ท่านซู เชิญท่านนำไปที่เรือนรับแขกจะดีกว่า ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาในเรือนหลัง เพียงแต่เมื่อสักครู่เห็นคนยกหญิงสาวใช้เข้ามาในนี้ เลยเดินตามเข้ามา"
ซูซืออวี้ก้มหน้าเกือบถึงเอวแล้วเอ่ยขอรับไม่หยุด
ใต้เท้าจ้าวมองเห็นซูหนานอีกับหยุนจิ่ง "ท่านอ๋อง คุณหนูซู ขอให้พวกท่านไปด้วยกันได้หรือไม่"
หยุงจิ่งมองซูหนานอี ซูหนานอีเอ่ย "ได้"
หยุนจิ่งเอ่ยต่อ: "ข้าฟังเหนี่ยงจื่อ"
ใต้เท้าเจ้า "……"
ใต้เท้าจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก "ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะใต่สวนให้กระจ่าง"
ซูซืออวี้เดินนำทางอยู่ด้านหน้า ขาทั้งสองข้างก็อ่อน ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่เรือนรับรองของเขาจะเป็นที่ที่ใต้เท้าจ้าวใช้เป็นที่ไต่สวน
ชุนหลิงถูกยกมาถึงหน้าประตู นางเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ไม่ใช่ว่าจะเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว พยายามปีนลงมาจากเปลด้วยตัวเองเข้าไปในเรือนกำลังจะคุกเข่าก็เห็นใต้เท้าจ้าวโบกมือให้ "ช่างเถอะ นั่งเก้าอี้เถอะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ