ซูหนานอีได้ยินเสียงเดินเบาๆ ก็เลยหยุดพูด ไม่นานก็ได้เห็นมีคนแอบเข้าเรือน และมองไปทางห้องหลักก่อน
แม่บ้านชุย
ซูหนานอีเห็นท่าทางของนางรู้สึกตลก"เจ้ามองอะไรเนี่ย?"
แม่บ้านชุยได้ยินเสียงมาจากข้างหลัง รู้สึกตกใจ รีบหันหลังมอง
"บ่าวถวายบังคมท่านอ๋อง คุณหนูเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีถามว่า"เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?"
หน้าของแม่บ้านชุยปรากฏความคาดหวังขึ้นมา"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไม่อยากติดตามคุณหนูรองอีกเลย ขอรับใช้คุณหนูได้ไหมเจ้าคะ?"
ข้างกายซูหนานอีไม่มีหญิงแก่อย่างแม่บ้านชุยช่วยดูแลก็จริง แต่นางก็ไม่มีวันใช้คนอย่างแม่บ้านชุยแน่นอน แต่ว่ายังไงแม่บ้านชุยก็เคยทำเรื่องบางเรื่องให้นาง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร ก็นับว่านางเคยช่วยเรามาก่อน จะปฏิเสธเลยไม่ได้แน่นอน
ซูหนานอีไม่ได้พูดอะไร แม่บ้านชุยก็คุกเข่าลง"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวอายุมากแล้ว ลูกชายก็เสียแล้ว ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้บ่าวอยากยู่บนโลกนี้ได้แล้ว แค่อยากจะอยู่อย่างมั่งคลในชีวิตที่เหลือ แต่ถ้าบ่าวอยู่กับคุณหนูรอง บ่าวน่าจะไม่ได้ดี บ่าวนึกถึงลูกชายและหลานสาว ที่ตายไปก็รู้สึก……"
ซูหนานอีถอนหายใจออกมา"ก็เป็นคนที่น่าสงสาร อย่างนี้ละกัน เจ้าไม่อยากอยู่กับซูหว่านเอ้อร์ ข้าก็ชี้ทางให้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่ แต่คืออีกสักระยะหนึ่ง ข้าก็จะต้องแต่งงานกับท่านอ๋อง……"
"บ่าวก็ตามไปจวนอ๋องได้เจ้าค่ะ"แม่บ้านชุยพูด
ซูหนานอียิ้ม"อายุเจ้ามากแล้ว ก็ไม่ต้องให้ตัวเองเหนื่อยมาก ข้ามีที่ดินแหล่งหนึ่งอยู่นอกเมือง พอดีว่าขาดคนดูแล เจ้าก็ไปแทนที่ตำแหน่งนี้ ไม่ต้องห่วงกินนอน แค่ทำในงานให้ดีก็พอ"
ซูหนานอีพูดเหมือนเป็นแบบปรึกษากัน แต่น้ำเสียงที่คุยไม่ใช่เป็นแบบนั้น แม่บ้านชุยอ้าปาก"บ่าวคิดว่าข้าน่าจะทำได้ไม่ดีเจ้าค่ะ"
"เจ้าวางใจได้ ที่ดินของข้าไม่ใช่เป็นที่ที่มันไม่เจริญ ห่างจากนครหลวงก็ไม่ไกล มีภูเขาและแหล่งน้ำ เหมือนดินแดนในอุดมคติ"
พูดถึงที่นี้แล้ว ถ้าแม่บ้านชุยไม่ยอมอีก ก็ถือว่าเป็นคนไม่ได้เรื่อง งานแบบนี้ถ้าอยู่ในเมื่อก่อน นางคิดยังไม่กล้าคิดเลย
"บ่าวขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะ"แม่บ้านชุยทำความเคารพ"แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร……"
"รองานแต่งของซูหว่านเอ้อร์มาถึงเถอะ"ซูหนานอีตอบ
แม่บ้านชุยฟังแล้วแปลกใจว่า"งั้น…..ถ้าคุณหนูรองจะให้บ่าวตามไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ล่ะเจ้าคะ?"
ซูหนานอียิ้มขึ้นมา แต่มีความเย็นชาปรากฏอยู่ในตา"ไม่เป็นไร เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ ไม่ว่าถึงเวลานั้นแล้วซูหว่านเอ้อร์จะให้เจ้าไปตามหรือไม่ ข้าล้วนมีวิธีทำให้เจ้าไปไม่สำเร็จ"
ได้ยินคำพูดที่แน่นอนของนาง แม่บ้านชุยวางใจลง"ขอบคุณคุณหนู บ่าวไปก่อนเจ้าค่ะ"
พอนางไป เสี่ยวเถาที่เฝ้าประตูอยู่เมื่อกี้ เดินเข้ามาอย่างโกรธ"นางยังมีหน้าคิดจะตามคุณหนูไปที่จวนอ๋องอีก เฮ้อ!"
ซูหนานอีไม่ได้ตอบ ให้เสี่ยวชีเก็บกระดานหมากรุก แล้วพูดกับหยุนจิ่งว่า"จิ่งเอ้อร์ เรากินที่นี่เลยได้ไหม?"
"ได้"หยุนจิ่งปรบมือ
ต้นไม้นี้ใหญ่โตอยู่ ใบไม้เหมือนเป็นร่มที่บังแสงแดด อยู่ใต้ต้นไม้รู้สึกเย็นสบายมาก
หยุนจิ่งกินข้าวที่จวนอ๋องมีกฎระเบียบเยอะแยะ ข้างๆยังมีคนคอยรับใช้อยู่ ไม่สบายใจทุกมื้อเลย แต่อยู่กับซูหนานอีมันจะไม่เหมือนกัน สบายใจทุกอย่าง มีหลายเรื่องที่เเปลกใหม่ที่เขาไม่เคยทำมาก่อน สดใหม่และสนุกมาก
ซูหนานอีให้เสี่ยวเถาวางกับข้าวไว้บนโต๊ะหิน ไม่มีกับข้าวที่หรูหรามาก มีแต่เป็นอาหารเรียบง่สยที่ซูหนานอีสั่งให้ทำ มองขึ้นไปแล้วเรียบง่าย แต่ทำขึ้นมาก็ต้องใช้เวลามากเช่นกัน
"จิ่งเอ้อร์ลองกินอันนี้"
นางใช้ตะเกียบคีบไปที่ชามของหยุนจิ่ง หยุนจิ่งลองแล้ว หรี่ตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง"อร่อย ภรรยา เจ้าก็กินด้วย"
"ได้ เรากินไปด้วยกัน"
สองคนคุยไปยิ้มไป กินไปเล่นไป ซูหนานอียังอธิบายวิธีทำอาหารทีละอย่างให้เขาฟัง ข้าวมื้อนี้ก็เลยกินไปตั้งชั่วโมงกว่า พอกินข้าวเสร็จให้คนรับใช้เก็บลงไป จากนั้นซูหนานอีก็ต้มชาให้หยุนจิ่งดื่มไปสองแก้ว ดื่มลงไปไม่นานก็รู้สึกง่วง
ซูหนานอีพาหยุนจิ่งไปห้องนอนที่เตรียมไว้ ให้เขานอนสักพัก
เขานอนลงไป ปากไม่รู้พูดอะไรอยู่ ซูหนานอีเข้าใกล้ไปฟัง เหมือนกำลังพูด"ภรรยา"อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ