ฟ้าค่อยๆ มืดลง มีเสียงฝีเท้าของทหารทหารตระเวนดังขึ้นเป็นครั้งคราว หัวจิ้งเดินไปมาอยู่ในกระโจม นางดูร้อนรนเล็กน้อย
เสียง "ตูม"ดังขึ้น หัวจิ้งตกใจจนสะดุ้ง นางหันหน้ามองไปทางที่เสียงดังขึ้น และเห็นกรวดหินก้อนเล็กๆ ตกลงมาบนโต๊ะในกระโจมแล้วร่วงลงพื้น หัวจิ้งมองไปรอบ ๆ อยู่นาน จากนั้นจึงหยิบหินขึ้นมาและหักมันออก ด้านในนั้นมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ หัวจิ้งหยิบออกก็พบว่ามีข้อความอยู่สองบรรทัดเขียนว่า: "เวลาเริ่มน้อยลงแล้ว ลงมือให้เร็ว"
หัวจิ้งกัดฟัน และเอาผ้านั้นเก็บไว้ในถุงหอมที่ห้อยอยู่ตรงเอวของตน นางขมวดคิ้ว ทำอย่างไรดี ตนยังคิดหาวิธีที่จะเอาตัวรอดไม่ได้เลย ชางเจียชิงซูก็มาเร่งตนแล้ว แต่ว่าการที่มาทำงานให้ชางเจียชิงซูที่ค่ายแคว้นหนิงนั้นเป็นเพียงแผนชั่วคราวของตนเท่านั้นเอง หลังจากวันนั้นที่นางยุยงชางเจียชิงซูเขียนจดหมายฉบับนั้นให้เสด็จพ่อ นางก็รู้ว่าอยู่ในกองทัพแย้หลางต่อไม่ได้แล้ว หากอยู่ไปนานๆ แล้วถูกค้นพบว่าตนมิใช่หยุนชาง ด้วยนิสัยของจางเจียชิงซูแล้ว เขาไม่ปล่อยตนไปอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงคิดหาวิธีกล่อมชางเจียชิงซู อนุญาตให้นางมาที่ค่ายแคว้นหนิง นางกล่าวว่าตนสามารถใช้สถานะองค์หญิงของตนทำบางอย่างให้กับเขาได้ เช่นขโมยแผนยุทธศาสตร์ หรือว่าวางยาจิ้งอ๋อง
แม้ว่านางจะตกลงกับชางเจียชิงซูไว้เช่นนี้ แต่ถึงยังไงนางก็เป็นองค์หญิงของแคว้นหนิง นางไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน นางเพียงต้องการที่จะหนีจากการควบคุมขอางเจียชิงซูเท่านั้นเอง แต่ทว่าเมื่อตนมาถึงที่นี่ จึงตระหนักได้ว่า ตนคิดอย่างง่ายเกินไป ชางเจียชิงซูไม่เพียงแต่วางทหารเฝ้าที่นอกค่าย แม้แต่นค่ายเขาก็มีเส้นสายอยู่มาก ทุกการกระทำของตนนั้นแทบจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด
"องค์หญิงขอรับ..." จู่ๆ ก็มีเสียงมาจากข้างนอก หัวจิ้งตกใจอย่างมากนางหันไปมองอย่างกะทันหัน "ใคร?"
เสียงเงียบลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "องค์หญิง ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามของกระโจมจิ้งอ๋องขอรับ ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญองค์หญิงไปพบขอรับ"
จิ้งอ๋อง? หัวจิ้งหรี่ตาด้วยความกังวลเล็กน้อย ตั้งแต่ที่ตนมาที่ค่ายนี้ ตนรู้สึกได้ถึงความระแวงที่จิ้งอ๋องมีต่อตน ทุกครั้งที่ตนก้าวเข้าไปในกระโจมของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆ ต่อตนเลย
แล้วเหตุใดจู่ๆ วันนี้ก็สั่งให้คนมาเชิญตัวไป? มีหัวจิ้งตามทหารเดินไปที่หน้ากระโจมของจิ้งอ๋อง และนางก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องดังมาจากด้านในเบาๆ
"ท่านอ๋องขอรับ องค์หญิงมาถึงแล้ว" ทหารยืนอยู่หน้าประตูและเรียนเสียงดัง นับตั้งแต่เข้ามาในค่ายแคว้นหนิง หัวจิ้งก็ไม่อนุญาตให้ทหารเรียกชื่อของตน ให้เรียกเพียงองค์หญิงเท่านั้น นางกลัวความจริงจะไปถึงหูชางเจียชิงซู
"เข้ามาได้" เสียงที่ทุ่มต่ำและมีความแห้งหยาบดังมาจากด้านใน ทหารก็เปิดประตูให้หัวจิ้ง ทันทีที่หัวจิ้งก้าวเข้าไปในกระโจม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ในกระโจมนั้นนอกจากจิ้งอ๋องและคุณชายเซียวที่สวมหน้ากากไว้แล้ว ยังมีคนอีกหนึ่งคนคือแม่ของจ้าวอิงเจี๋ย
สีหน้าของท่านจ้าวฮูเหรินไม่ค่อยดีนัก นางหันมามองที่หัวจิ้งด้วยสายตาประชดประชันเล็กน้อย "องค์หญิงหัวจิ้งนี่เองหรือ"
หัวจิ้งฟันไว้ แล้วบีบรอยยิ้มออกมาเดินเข้าไป " เสด็จลุงรับแม่ยายมาแล้วหรือเนี่ย"
"แม่ยาย?" ท่านจ้าวฮูเหรินยิ้มเล็กน้อย "ข้ารับไม่ไหวหรอก เมื่อตอนอยู่ในพระราชวัง ข้าก็ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ขอให้ท่านคำสั่งให้องค์หญิงหย่ากับราชบุตรเขยไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ชายของข้าไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ องค์หญิงหย่ากับลูกชายของข้าองค์หญิงเองก็สบายใจ"
หัวจิ้งกำมือแน่นไว้ในแขนเสื้อ แต่นางนึกคำเตือนที่เสด็จแม่บอกกับตนก่อนที่ตนจะออกจากวังขึ้นมา หากนางยอมรับคำร้องขอนี้ของหญิงชราผู้นี้ในเวลาแบบนี้ วันหน้าผู้คนก็คงตราหน้านางว่านางไร้มนุษยธรรม เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวจิ้งก็ก้มหน้าลง ทำท่าทีที่น่าสงสารออกมา พูดพร้อมเสียงที่น่าสงสารเล็กน้อยว่า " ตอนนี้พระสวามีของข้าอยู่หนใดก็มิทราบ จิ้งเอ๋อร์เข้าใจอย่างมากหาแม่ยายจะรู้สึกเสียใจ แต่เวลานี้ขอแม่ยายอย่าได้พูดเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ พระสวามีหายตัวไป และข้าเป็นภรรยาของท่าน จึงสมควรที่จะอยู่เคียงข้างแม่ยายเจ้าค่ะ "
หยุนชางซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นและพูดกับตัวเองในใจว่า "ไม่คาดคิดนะ ตอนนี้หัวจิ้งโตขึ้นเยอะแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง