ทันทีที่หัวจิ้งจากไป ในกระโจมนั้นก็เงียบสงัดเป็นเวลานาน ผ่านไปอยู่นานก็ได้ยินเสียงอันทรงพลังดังขึ้น "เมื่อวานนี้ เราทุกคนสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้ ก็ต้องขอบคุณคุณชายเซียวเลยนะ ก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดว่าคุณชายเซียวจะเก่งกล้าเช่นนี้"
ทุกคนก็พูดตามน้ำแล้วชมเชยนางเล็กน้อย จิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจึงกล่าวว่า "ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ข้าคิดว่าทุกคนคงได้เห็นกันแล้วว่าจุดประสงค์ขององค์หญิงหัวจิ้งนั้นไม่ธรรมดา ข้าเกรงว่านางคงมาเพราะแผนยุทธศาสตร์ของเรา"
จิ้งอ๋องพูดจบ ในกระโจมก็เงียบลงอีกครั้ง ผ่านไปนาน ก็มีเสียงที่ลังเลเล็กน้อยดังขึ้น "แต่ทว่า กระหม่อมมิกระจ่าง องค์หญิงหัวจิ้งเป็นองค์หญิงของแคว้นหนิงมิใช่หรือ แล้วท่านจะเอาแผนยุทธศาสตร์ของเราไปทำการอันใดหรือขอรับ?"
หยุนชางเงยหน้ามองไปที่คนที่พูดเช่นนี้ และพบว่าบุคคลนั้นอายุราวสี่สิบปี เขาดูอ่อนแอเล็กน้อย ดูไม่เหมือนผู้บัญชาการทหารเลย หยุนชางหรี่ตาลง รู้สึกว่าคนคนนี้คุ้นตาอย่างมาก
หลังจากพูดจบ แม่ทัพคนอื่นๆ ก็พยักหน้าตาม มีความสงสัยอยู่ในแววตาของพวกเขา
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ข้าไม่รู้ว่าเหล่าแม่ทัพสังเกตเห็นหรือไม่ว่า ผู้ติดตามที่ติดตามองค์หญิงหัวจิ้งมานั้น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเป็นสีน้ำตาล โดยทั่วไปแล้วดวงตาของคนแคว้นหนิงจะเป็นสีดำ มีแค่......."
"มีแค่เฉพาะพวกสารเลวของแคว้นแย้หลางเท่านั้น ที่ดวงตาเป็นสีน้ำตาล" รองแม่ทัพรับคำมา และพูดอย่างโกรธเคือง
หยุนชางพยักหน้า "เท่าที่ข้าทราบมา สองเดือนที่แล้วที่องค์หญิงหัวจิ้งได้รับข่าวว่าเกิดเรื่องกับพระสวามีของตน นางก็เดินทางมาที่ชายแดนทันที ข้าออกเดินทางหลังจากที่องค์หญิงหัวจิ้งเดินทางไปแล้วครึ่งเดือน แต่ข้ากลับถึงก่อนองค์หญิงหัวจิ้ง องค์หญิงเคยบอกกับข้าว่า ที่เดินทางนานเพราะนางไม่เคยได้เดินทางไกลมาก่อน ข้าจึงเข้าใจ แต่ข้าจำได้ว่าท่านจ้าวฮูเหรินก็ออกเดินทางช่วงเดียวกับองค์หญิง ท่านจ้าวฮูเหรินเป็นหญิงชรายังมาถึงก่อนองค์หญิงเสียอีก นี่มันซึ่งไร้เหตุผลและความเป็นไปได้เสียจริง ยิ่งกว่านั้น เมื่อตอนที่องค์หญิงหัวจิ้งออกจากพระราชวัง นางนำผู้ติดตามมาด้วยสี่คน และนางกำนัลอีกสองคน .......องค์หญิงกล่าวว่า ตนไม่พบเหตุการณ์ลอบสังหารระหว่างทางเลย มีแค่วันนั้นที่มาถึงเมืองซีอีนางถูกลอบสังหารและผู้ติดตามเสียชีวิตไปหนึ่งคน หากเป็นเช่นนี้ แล้วผู้ติดตามอีกสองคนและนางกำนัลสองคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?"
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หยุนชาง "เจ้าหมายความว่า…"
"ข้ารู้สึกว่า องค์หญิงหัวจิ้งคงได้ต้องพบกับเรื่องบางอย่างระหว่างทาง หรืออาจจะถูกลักพาตัวโดยชาวแคว้นแย้หลาง หรืออาจจะถูกข่มขู่ นางจึงมาที่ค่ายของเราเพื่อขโมยแผนยุทธศาสตร์" หยุนชางหรี่ตาและพูดเบา ๆ
ทหารในค่ายมองหน้ากันนานก่อนที่จะมีคนถามขึ้นมาว่า "ถ้าหากองค์หญิงถูกข่มขู่ ผู้ติดตามที่ตามองค์หญิงมานั้นคงเป็นตัวสำคัญ หากว่าเราฆ่าผู้ติดตามนั้นได้ เราก็สามารถช่วงองค์หญิงไว้ได้ใช่หรือไม่?"
หยุนชางส่ายหน้า "วิธีนี้ไม่ได้ผล ประการที่หนึ่งคือเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายข่มขู่องค์หญิงด้วยวิธีใด หากเราทำเช่นนั้น อาจจะทำให้อีกฝ่ายระแวงขึ้นมา ข้าได้ยินมาว่า ที่แคว้นแย้หลางมีพ่อหมอที่สามารถควบคุมสมองของคนเราได้ และควบคุมร่างกายมนุษย์ให้ไปทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำได้ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อเราลงมือ ก็เกรงว่าคนอื่นจะรู้เข้า ประการที่สอง เมื่อวานตอนที่กระโจมรองแม่ทัพเกิดไฟไหม้ ข้าเห็นว่ามีคนจุดพลุส่งสัญญาณแจ้งศัตรูของเรา แสดงว่าในค่ายนี้มีไส้ศึกจากแคว้นแย้หลางอยู่ไม่น้อย..."
"แล้วคุณชายว่าสถานการณ์เช่นนี้ เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?" เมื่อรองแม่ทัพเห็นว่าทุกคนตั้งใจฟังอย่างมาก เขาจึงรีบถามออกมา
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "วันนี้ที่ข้าเชิญทุกท่านมา ก็เพื่ออยากจะหารือกับทุกท่าน หรือว่า เราแกล้งปล่อยให้องค์หญิงหัวจิ้งขโมยแผนยุทธศาสตร์ไปได้ แล้วเราก็ติดตามการเคลื่อนไหวขององค์หญิงหัวจิ้งอย่างใกล้ชิด เพื่อล่อคนที่อยู่เบื้องหลังองค์หญิงหัวจิ้งออกมา แล้วจัดการให้สิ้นซากเสียดีหรือไม่"
หยุนชางพูดความคิดของตนออกมา และทุกคนรู้สึกว่าแผนนี้ใช้ได้ จึงได้วางแผนนี้ขึ้นมาอย่างละเอียด
หลังจากที่ทุกคนจากไป หยุนชางก็เงียบ ขมวดคิ้ว และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากผ่านไปนาน ถึงได้ยินนางกระซิบว่า "เสด็จลุงเจ้าคะ แม่ทัพที่ดูผอมแห้งอ่อนแออายุราวๆ สี่สิบปีนั้นเขาชื่ออะไรเจ้าคะ?"
"เขาชื่อจางอิง มีเรื่องอะไรหรือ?" จิ้งอ๋องตอบกลับด้วยเสียงเบา
หยุนชางขมวดคิ้ว "ข้ารู้สึกคุ้นหน้าคนนี้อย่างมากเจ้าค่ะ และคุ้นชื่อนี้อย่างมากเช่นกัน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนกันแน่เจ้าค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง