เมื่อหยุนชางตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเย็นๆ แล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง หยุนชางลืมตาอยู่ แต่ไม่อยากขยับตัว จึงนอนบนเตียงแล้วจ้องมองไปที่เพดานของกระโจม นางรู้สึกสับสนวุ่นวาย
"ลั่วติง ลั่วติง" เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้นจากด้านนอก หยุนชางผงะ รู้สึกตื่นเต้น
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เสียงของจิ้งอ๋องก็ดังขึ้นอีกครั้ง " วันนี้องค์หญิงหัวจิ้งและผู้ติดตามผู้นั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?"
"นายท่านขอรับ วันนี้องค์หญิงหัวจิ้งมาเดินวนอยู่หน้ากระโจมของเราอยู่หลายครั้งขอรับ ทุกครั้งที่ผ่านท่านก็จะมองเข้ามาที่ประตูกระโจมขอรับ ส่วนผู้ติดตามผู้นั้นมิได้มีท่าทีที่น่าสงสัยขอรับ วันนี้เขาอยู่ที่กระโจมของหมอทหารทั้งวันขอรับ" ลั่วติงพูดเบาๆ
หัวจิ้ง? มีแสงสว่างจ้าแวบเข้ามาในหัวของหยุนชาง เมื่อนึกถึงความผิดปกติหลายอย่างที่เกิดขึ้นหลังหัวจิ้งมาที่ค่ายแล้ว นางเริ่มมีความคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ
ลั่วติงถอยออกไป หยุนชางลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอ้อมฉากกั้นไป พึมพำครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ดูเหมือนว่าสองสามวันนี้หัวจิ้งกำลังหาสิ่งของบางอย่าง เมื่อวานนางมาที่กระโจม ข้าเห็นว่านางเอาแต่จ้องมองไปที่กระดาษหนังแพะที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นกระโจมของรองแม่ทัพก็เกิดเหตุไฟไหม้ หลังจากดับไฟแล้วข้าได้เข้าไปดูข้างใน ไม่มีของอะไรหายไป แต่ว่าผู้ติดตามของรองแม่ทัพกล่าวว่ามีคนมารื้อหนังสือที่วางบนโต๊ะเจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องได้ยินเสียงของหยุนชาง เขาชะงักนานกว่าจะห้ามความหวั่นไหวในใจไว้ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่หยุนชางและเห็นนางปล่อยผมยาว สวมชุดธรรมดาไว้ มีกลิ่นอายของความมีเสน่ห์ที่ดูเกียจคร้านเล็กน้อย แล้วเขาก็ชะงักอีกครั้ง ผ่านไปนานจึงเอ่ยปากพูดว่า " ชางเจียชิงซูอาจจะสั่งให้นางมาขโมยของบางอย่าง สิ่งที่ชางเจียชิงซูสนใจ และวางอยู่บนโต๊ะ คงไม่พ้นแผนยุทธศาสตร์ แผนรูปกองทหาร หนังสือการรบ..."
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ แสงประกายก็วาบผ่านดวงตาของนาง "ถ้าเป็นเช่นนี้ เราทำของปลอมขึ้นมาให้หัวจิ้งเอากลับไปให้ชางเจียชิงซูดีหรือไม่?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า " นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี แต่ว่าเราต้องจัดการแผนนี้ให้ดี หากปล่อยให้หัวจิ้งเอามันไปได้อย่างง่ายดาย ชางเจียชิงซูก็คงไม่เชื่อหรอก"
"แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นหากมีหลักฐานว่าหัวจิ้งแอบขโมยแผนภาพวาดไปให้ชางเจียชิงซู นางคงไม่พ้นโทษร่วมมือกับศัตรู เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่เทพพระเจ้าก็ยากที่จะช่วยนางไว้ได้" หยุนชางยิ้มอ่อนและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทำไมก่อนหน้านี้ตนถึงคิดวิธีนี้ไม่ได้ สิ่งที่หัวจิ้งและฮองเฮาหวงแหนที่สุด อยากครอบครองที่สุดก็คงไม่พ้นอำนาจและชื่อเสียง หากให้พวกนางตกลงมาจากอำนาจอันสูงสุด และเสียชื่อเสียงไปชั่วนิรันดร์ นี่ก็คงเป็นการแก้แค้นที่โหดเหี้ยมที่สุดสำหรับพวกนางแล้ว
ชาติก่อนพวกนางก็ปฏิบัติต่อต้นเช่นนี้มิใช่หรือ? ค่อยๆ ชิงเอาความรักของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ สามี และลูกของตนที่ล้ำค่าและตนหวงแหนที่สุดไปทีละเล็กทีละน้อย ชาตินี้ก็ข้าจะให้พวกนางได้ลิ้มลองความรู้สึกนี้บ้างแล้วกัน
จิ้งอ๋องจ้องมองหยุนชางตลอด เมื่อเห็นว่าแววตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ตนยังคงไม่ค่อยเข้าใจตัวตนของหยุนชางสักเท่าไหร่ และยังคงไม่เข้าใจว่านางเป็นเพียงองค์หญิง แต่เหตุใดแววตาของนางจึงมีความเกลียดชังที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหนาวเหน็บซ่อนอยู่ตลอดเวลา นางเกลียดชังอะไรกันแน่? ดูเหมือนว่านางจะมุ่งเป้าไปที่ราชินีและหัวจิ้งโดยตลอด แต่ราชินีและหัวจิ้งทำอะไรกับนางไว้บ้าง จึงทำให้นางเกลียดแค้นเช่นนี้? "ท่านอ๋องขอรับ เหล่าแม่ทัพมาถึงแล้วขอรับ องค์หญิงหัวจิ้งก็มาแล้วเช่นกันขอรับ" เสียงของลั่วติงดังมาจากด้านนอก จิ้งอ๋องตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นก็เห็นม่านประตูกระโจมถูกเปิดออก
เมื่อเห็นเช่นนี้ จิ้งอ๋องก็รีบลุกขึ้น แล้วเดินไปอยู่หลังหยุนชาง เอื้อมมือไปโอบไหล่ของหยุนชางไว้ และกอดหยุนชางไว้ในอ้อมแขนของตน
หยุนชางตัวแข็งทื่อ นางยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็ได้ยินเสียงที่ทุ่มหยาบดังขึ้นด้านหลังตน "ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้สารเลวไหนบังอาจมาเผากระโจมของข้า วันนี้ข้าทำความสะอาดไปอยู่ครึ่งวัน ตอนที่นอนพักก็ได้กลิ่นเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา....."
จิ้งอ๋องรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วแล้วบอกกับหยุนชางที่อยู่ในอ้อมแขนว่า " ผมและหน้ากากของเจ้าล่ะ หัวจิ้งมาที่นี่แล้ว"
หยุนชางเอามือไปแตะผมของตน แล้วตระหนักได้อย่างตะลึงว่าตนเดินออกมาทั้งๆ ที่ปล่อยผมไว้ ด้วยความกังวลใจ นางจึงอยากจะพุ่งเข้าไปด้านในกระโจม แต่ถูกจิ้งอ๋องดึงตัวไว้ จิ้งอ๋องโอบหยุนชางไว้ในอ้อมแขนของตน แล้วเดินเข้าไปด้านหลังฉากกั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง