หมิงไท่เฟยยิ้มเล็กน้อย รับลูกประคำมา ถือไว้ในพระหัตถ์และทรงทอดพระเนตร "เด็กดี เม็ดกลมงามยิ่งนัก ดี ดี"
หลี่ฝูยีเห็นแล้ว ยืนขึ้นพูดว่ารอยยิ้มว่า "หยวนเป่าของไท่เฟยเหนียงเหนียงหายไปใช่หรือไม่เพคะ เมื่อครู่องค์หญิงหยุนชางพบมันระหว่างทาง ตรัสว่ามันหนาวจวนจะไม่ไหว จึงอุ้มมันมา"
หมิงไท่เฟยได้ยินเช่นนั้น ก็หันไปมองมามาที่อยู่ข้างๆ "มามา หยวนเป่าล่ะ"
มามารีบพูดออกมาว่า "ก่อนหน้านี้หม่อมฉันยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงในวัง จึงไม่ทันได้ใส่ใจเพคะ"
หยุนชางยิ้มและให้ฉินยีอุ้มแมวออกมา "ไท่เฟยเหนียงเหนียงทรงทอดพระเนตรดูสิว่าใช่ตัวนี้หรือไม่? เมื่อครู่ชางเอ๋อร์เจอมันอยู่ในป่าไผ่ หิมะตกหนักมาก จนทำให้มันหนาวมากเพคะ"
หมิงไท่เฟยมองดูแมวที่อยู่ในมือของฉินยี แล้วยิ้ม "นี่ไม่ใช่หยวนเป่าหรอกรึ เจ้าตัวเล็กนี่ วันๆเอาแต่วิ่งเล่น โชคดีที่เจ้านำมันกลับมา มิเช่นนั้นไม่รู้จะต้องไปหาที่ไหน"
มามารีบรับแมวไว้จากมือของฉินยี หมิงไท่เฟยเอื้อมพระหัตถ์ออกไปอุ้มแมวมาไว้ในอ้อมพระทรวง แมวตัวสั่นราวกับว่ามันยังไม่กลับสู่สภาวะเดิม หมิงไท่เฟยยิ้มและตรัสว่า "มันหนาวยิ่งนัก ยังไม่อุ่นกลับมาเลย ชางเอ๋อร์มาลูบมันดู ขนของแมวนี่สัมผัสสบายยิ่งนัก"
หยุนชางชะงัก แสดงสีหน้าที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอื้อมมือไป ลูบหลังแมว แต่ก็รีบชักกลับและเริ่มไอ "ก็ดีเพคะ"
หมิงไท่เฟยรีบส่งแมวให้มามา ทอดพระเนตรหยุนชางด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไปหรือ หรือเจ้าไม่สบายหรือเปล่า"
หยุนชางไออย่างแรงและไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบ แต่เฉียนหยินรีบพูด "พระวรกายขององค์หญิงอ่อนแอและไม่ถูกกับขนแมวเล็กน้อย เพียงสัมผัสแมวก็จะทรงพระกาสะ" หมิงไท่เฟยขมวดพระขนงและตรัสอย่างรวดเร็วว่า "เด็กคนนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่พูดออกมา"
"ฮ่องเต้เสด็จ…" ทันใดนั้นเสียงที่แหลมคมและลากยาวก็ดังขึ้นจากด้านนอก ทุกคนรีบลุกขึ้นทำความเคารพ "ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่น หมื่นปี..."
"ลุกขึ้น" เสียงของจักรพรรดิหนิงดังมา หยุนชางยืนขึ้น ยังคงไอเล็กน้อย เมื่อนางดึงสติกลับมา ก็เห็นว่าจักรพรรดิหนิงเสด็จพร้อมกับสนมจิ่น ไม่ได้พบสนมจิ่นมานานกว่าหนึ่งเดือน ท้องของสนมจิ่นโตกว่าก่อนที่หยุนชางจะออกวัง และรอยยิ้มก็เปล่งประกายในดวงตาของหยุนชาง
"เกิดอะไรขึ้นกับชางเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงไอตลอด ไม่สบายรึ ต้องการเรียกหมอหลวงไหม" จักรพรรดิหนิงตรัสอย่างรวดเร็วเมื่อทรงเห็นใบหน้าของหยุนชางแดงก่ำด้วยอาการไอ
หยุนชางยิ้มและพูดว่า "เสด็จพ่อ ชางเอ๋อร์ไม่เป็นไร วันนี้เป็นหิมะแรก เป็นวันที่ดี เหตุใดต้องเรียกหมอหลวงด้วยเพคะ"
หยุนชางพูดจบ ก็คำนับหมิงไท่เฟยและกลับไปที่ที่นั่งของนาง
สายตาของฉินเมิ่งกวาดมองไปรอบๆผู้คน ยิ้มและพูดว่า "ได้ยินมาว่าองค์หญิงหัวจิ้งกลับมายังเมืองหลวงแล้ว คิดว่าวันนี้จะได้พบ ทำไมองค์หญิงหัวจิ้งไม่มา?"
สายตาของหยุนชางมองไปบนพระพักตร์ของจักรพรรดิหนิง กลับเห็นร่องรอยของความไม่พอพระทัยปรากฏอยู่ในดวงพระเนตรของพระองค์ ยิ้มและไม่ทรงตรัสอะไร กลับเป็นหมิงไท่เฟยตรัสว่า "อาจเพราะตามหาราชบุตรเขยไม่พบ รู้สึกเศร้าใจ จึงไม่อยากมา จิ้งเอ๋อร์ก็ช่างน่าสงสาร ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ทั้งที่อายุยังน้อย ไม่ว่าใครก็ตามที่เจอเรื่องเช่นนี้ก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน แคว้นเย้หลางนี้สมควรตายจริงๆ ถึงกับพุ่งเป้ามาที่แคว้นหนิง แต่สงครามย่อมเลวร้ายเสมอ ไม่รู้ว่าสงครามเมื่อไหร่จะยุติลง"
จักรพรรดิหนิงยิ้มและตรัสว่า "เสด็จแม่อย่าได้เป็นกังวล ไม่กี่วันก่อนข้าได้รับจดหมายจากองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลาง หวังจะมีการอภิเษกสงบศึกกับแคว้นหนิง เพื่อสร้างพันธมิตร"
"การอภิเษกสงบศึก?" หมิงไท่เฟยพึงพำ ดวงพระเนตรของนางตกอยู่หยุนชางที่ก้มหน้าก้มตาปิดปากไออยู่เบาๆ ราวกับไม่ได้ฟังทุกคนสนทนากัน แคว้นหนิงมีองค์หญิงเพียงสองคนเท่านั้น หัวจิ้งที่มีราชบุตรเขยแล้ว ถ้าการอภิเษกสงบศึก ก็คงเป็นองค์หญิงหยุนชาง
สิ่งที่นางคิดได้ แน่นอนว่าคนอื่นๆก็สามารถคิดได้เหมือนกัน ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยุนชาง จักรพรรดิหนิงยิ้มและตรัสว่า "ข้าได้เขียนคำตอบเพื่อเชิญองค์ชายสามของแคว้นเย้หลางมาที่เมืองหลวงเพื่อหารือเกี่ยวกับการอภิเษกแล้ว ไม่เพียง แต่แคว้นเย้หลางเท่านั้น แต่ทูตของแคว้นเซี่ยกำลังเดินทางมาแล้ว เกรงว่าก็คงจะมีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกัน คงจะมีงานเลี้ยงสามแคว้นหลังต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากัน"
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหนิงมิต้องการตรัสต่อ หมิงไท่เฟยจึงเชิญนักดนตรีให้เล่นโหมโรง เสียงดนตรีดังขึ้น และเหล่านางกำนัลก็เดินเข้ามาพร้อมเหล้าและอาหารต่างๆ หลังจากเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดิหนิงก็ยืนขึ้นและตรัสว่า "แม้ว่าหิมะแรกของปีนี้จะช้ากว่าปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ก็มาแล้วเช่นกัน หิมะที่ตกนำพาปีที่อุดมสมบูรณ์ ข้าหวังว่าแคว้นหนิงจะเจริญรุ่งเรืองในปีหน้า ร่มเย็นสงบสุข..."
ทุกคนรีบยกถ้วยเหล้าขึ้น ต่างก็กล่าวคำมงคล บรรยากาศกำลังดี แต่กลับได้ยินเสียง "เมี๊ยว" ขนแมวสีขาวในอ้อมพระทรวงของหมิงไท่เฟยจู่ๆก็ตั้งชันขึ้น พุ่งไปทางหลี่ฝูยีอย่างแรง...
คอของหลี่ฝูยีถูกกรงเล็บแมวข่วนจนมีรอยเลือดแนวยาว ได้ยินแต่เสียงอุทาน "อ๊า..." หลี่ฝูยีล้มลงและทิศทางที่ล้มไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง