ในตำหนักฉางชุน ฝูเหม่ยเหรินยืนอยู่ข้างหลังหมิงไท่เฟย นวดไหล่ให้หมิงไท่เฟย "หม่อมฉันดูแล้ว องค์หญิงหยุนชางผู้นี้มิได้มีอะไรเลยเพคะ ร่างกายของนางบอบบางเกินไป ในวันนั้นหม่อมฉันอยู่ที่นั่นครู่ขณะ ก็ได้ยินนางไออยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง ยังวัยเยาว์มาก ทำเป็นแต่ออดอ้อนนางกำนัลเท่านั้น หม่อมฉันรู้สึกว่านางด้อยกว่าองค์หญิงหัวจิ้งมาก"
หมิงไท่เฟยหลับตาและถอนหายใจ "สายตาของเจ้าเทียบมิได้กับฮองเฮาเลย ก่อนที่ข้าจะคุมวังหลังก็คอยเฝ้าดู ทุกคนในวังนี้ ข้าได้เห็นธาตุแท้ของทุกคนได้ไม่มากก็น้อย มีเพียงหยุนชางนี้เท่านั้น เมื่อข้าดูแล้ว รู้สึกว่าเท่าที่ดูแล้วมีความแตกต่างออกไป คนแบบนี้ควรได้รับการป้องกันมากที่สุด"
แววตาของหลี่ฝูยีเผยควาประชดประชัน แต่นางก้มศีรษะอย่างเชื่อฟังและพูดเบาๆ ว่า "เพคะ หม่อมฉันควรใส่ใจมากกว่านี้"
"ท่านพ่อของเจ้าส่งตัวเจ้ามาที่วัง เขามีแผนหลายอย่าง หนึ่งคือตอนนี้พี่หญิงของเจ้ากำลังพักฟื้น ข้าก็แก่แล้ว เรื่องบางเรื่องต้องการให้คนไปทำ ประการที่สอง หญิงในวังนี้ไม่ใช่ง่ายๆ รอพี่หญิงของเจ้าอาการดีขึ้น เจ้าก็ต้องช่วยเหลือนาง ไม่ว่าจะในราชสำนักหรือวังหลัง ต้องเป็นของตระกูลหลี่ของเราทั้งหมด" มุมพระโอษฐ์ของหมิงไท่เฟยยกขึ้นเล็กน้อยราวกับมีการวางแผน
"เพคะ ก่อนที่ฝูยีจะเข้ามาในวัง ท่านพ่อได้มอบหมายกับฝูยีแล้ว ฝูยีจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่หญิงและท่านป้า" หลี่ฝูยียิ้มอย่างอ่อนโยน
หมิงไท่เฟยยืดตัวขึ้น โบกมือให้หลี่ฝูยีหยุด "ดูเหมือนว่า องค์หญิงหยุนชางคนนี้ ข้าคงจะต้องหาโอกาสไปพบด้วยตนเองสักครั้ง"
ในตำหนักชิงซิน ฉินยีเปิดม่านเดินเข้ามา พูดออกมาพร้อมมีควันออกจากปาก "องค์หญิง ข้างนอกหิมะกำลังตก นี่เป็นหิมะแรกของปีนี้ คาดว่าอีกประเดี๋ยวหมิงไท่เฟยจะมาเชิญองค์หญิงไปพบปะสังสรรค์เพคะ"
"หิมะแรก?" หยุนชางผงะไป ปรากฎว่าหิมะที่ประตูชายแดนตกเร็วกว่าในเมืองหลวง "วันนี้วันอะไร"
"วันนี้เป็นเดือนสิบสองตามจันทรคติที่สิบสามเพคะ" ฉินยีพูดด้วยรอยยิ้ม
เดือนสิบสองตามจันทรคติ ใช่แล้ว เป็นเดือนสิบสองตามจันทรคติที่สิบสาม หยุนชางยิ้ม วางมือบนท้อง และยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของนาง
"จริงด้วย องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินว่าเมื่อคืนนี้องค์หญิงหัวจิ้งเสด็จกลับมาที่จวนองค์หญิงแล้วเพคะ ถ้าวันนี้มีงานเลี้ยง องค์หญิงหัวจิ้งคงจะเสด็จ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าทำไม องค์หญิงหัวจิ้งไม่เข้าวังถวายพระพรฮองเฮา อาจเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮองเฮาเพคะ" ฉินยียิ้มและหยิบเสื้อคลุมออกมา
ทำไมจะไม่รู้ แน่นอนว่าต้องรู้ ตอนนี้หัวจิ้งคงจะได้ใจมาก เมื่อคิดว่าจดหมายคำขออภิเษกสงบศึกของชางเจียชิงซูถูกส่งถึงเสด็จพ่อแล้ว โดยคิดว่าบางทีอีกไม่นานข้าควรจะแต่งงานไปยังแดนไกล ไม่รู้ว่า หัวจิ้งรู้ว่าชื่อที่เขียนในจดหมายคือตัวนางเอง นางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
"องค์หญิง เมื่อครู่ปี้เอ๋อร์นางกำนัลข้างกายหมิงไท่เฟยมาส่งข่าว โดยบอกว่า หิมะแรกในวัน ตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป จะจัดงานเลี้ยงพายใน ขอองค์หญิงเตรียมพร้อม อีกประเดี๋ยวเชิญองค์หญิงเสด็จไปงานเลี้ยงที่หอเหมยหยิ่งเพคะ" เฉี่ยนอินเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยรอยยิ้ม เห็นว่ามีเพียงฉินยีที่อยู่ที่นั่นคนเดียว จึงเดินเข้ามาและกระซิบ "องค์หญิง หม่อมฉันเพิ่งเห็น ผู้ติดตามรับใช้ในห้องโถงพูดคุยกับปี้เอ๋อร์สักพัก ผู้ติดตามรับใช้คนนั้น หม่อมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเพคะ" "โอ๋?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองฉินยี ฉินยียิ้มและพูดว่า "ผู้ติดตามรับใช้เป็นผู้มาใหม่ แต่ไม่ใช่หมิงไท่เฟยส่งมา กลับเป็นฝ่าบาทจัดมาให้ ทุกวังก็มีหนึ่งคนเพคะ"
หยุนฉางพยักหน้า "หมิงไท่เฟยไม่ได้ควบคุมดูแลวังหลังเป็นเวลานาน นี่อาจจะเป็นการจัดเตรียมพิเศษของเสด็จพ่อ จับตาดูให้ดี ในเมื่อเสด็จพ่อจัดเตรียมมา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพียงแค่ว่าไม่ใช่คนของเรา ก็ยังต้อง ให้ความใส่ใจอยู่บ้าง"
หิมะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ หยุนชางพิงหน้าต่าง มองดูหิมะข้างนอกด้วยความความเหม่อลอย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง