ขณะที่พูดอยู่ ชายหนุ่มท่านหนึ่งที่แต่งตัวเป็นหมอหลวงเดินเข้ามา โค้งคำนับต่อหน้าฝูงชนก่อนจะกล่าวว่า "กราบทูลฝ่าบาท เมื่อครู่กระหม่อมได้ตรวจดูแมวอย่างละเอียดแล้ว พบว่ามีผงแป้งแปลกๆอยู่ระหว่างกรงเล็บและขน กระหม่อมเอาลงมาตรวจอย่างละเอียด มันคงจะเป็นแค่เครื่องหอมธรรมดา ซึ่งจะไม่ทำให้แมวบ้าคลั่งได้ ตรงกันข้าม กระหม่อมเห็นรูเล็กๆ ที่อุ้งเท้าหน้าของแมว ถ้าไม่ดูอย่างละเอียด ก็จะไม่เห็นอย่างแน่นอน รอยนั่นน่าจะถูกแทงด้วยสิ่งของที่แหลมคมเหมือนเข็มเงิน กระหม่อมเดาว่า นั่นคือเหตุผลที่แมวบ้าคลั่งไปทำร้ายคนอย่างกะทันหัน"
"อ๋อ?" จักรพรรดิหนิงทอดพระเนตรไปทางหมิงไท่เฟย "เสด็จแม่ หากได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีคม แมวคงได้รับบาดเจ็บแล้วบ้าคลั่งทันที ถึงได้ทำร้ายคนแต่ทว่า ในเวลานั้น ดูเหมือนจะเป็นยวี่มามากำลังอุ้มหยวนเป่าไว้?"
ยวี่มามาได้ยินก็รีบคุกเข่าลงทันที "ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่มีอะไรอยู่ในมือ แล้ว เอาอาวุธมีคมมาแทงที่อุ้งเท้าของหยวนเป่าต่อหน้าต่อตานายท่านทุกองค์โดยมิให้ซุ่มให้เสียงได้อย่างไรเพคะ?"
หมิงไท่เฟยไม่ตอบ แต่ทอดพระเนตรไปที่หมอหลวงหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในเมื่อครู่ และตรัสว่า "ฮ่องเต้ หมอหลวงท่านนี้ดูคุ้นหน้ามากเลยเพคะ…"
จักรพรรดิหนิงยิ้มและตรัสว่า "เสด็จแม่อาจไม่รู้ นี่คือหมอเทวดากุ่ยกู่ที่มีชื่อเสียงมากแห่งแคว้นหนิง หมอหลวงในวังนั้นต่างก็เป็นหมอธรรมดา ใครได้รับบาดเจ็บหรือป่วย แค่สั่งยายังตัวสั่นงันงก มันช่างน่าเบื่อจริงๆ ท้องของซูจิ่นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในวังนี้ไม่มีนางสนมตั้งท้องมาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าเจิ้นต้องระวังให้มากกว่านี้ ดังนั้นจึงให้จิ้งอ๋องไปเชิญหมอเทวดากุ่ยกู่มาดูแลในวังโดยเฉพาะ"
"โอ๋ หมอเทวดาที่ล่ำลือยังหนุ่มเช่นนี้เลยรึ?" หมิงไท่เฟยยิ้มอย่างเย็นชา "ในเมื่อทุกคนรู้สึกว่า ยวี่มามาคือคนที่มีโอกาสลงมือมากที่สุด ก็ให้คนมาค้นดูเถอะ ดูสิว่ามีอาวุธมีคมที่เหมือนเข็มเงินตามหมอหลวงบอกไว้บนร่างกายของยวี่มามาหรือไม่"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและพูด"ไม่ใช่ว่าสงสัยยวี่มามา เพียงแต่ว่า ทุกคนในที่นี้ต่างก็น่าสงสัย ในเมื่อน่าสงสัยกัน ก็ค้นกันทั้งหมด"
หญิงชุดดำหลายคนเดินออกจากความมืด จักรพรรดิหนิงกวักมือ หญิงชุดดำก้าวเข้าไปข้างหน้าและค้นทุกคนอย่างทีละคน แม้แต่หมิงไท่เฟยก็ไม่มีข้อยกเว้น หลังจากนั้นไม่นาน หญิงชุดดำก็ถอยกลับไป "ฝ่าบาท ไม่มีเพคะ"
หยุนชางกวาดสายตามองไปทางด้านหลังยวี่มามา ซึ่งมีแจกันเคลือบสีเขียวอยู่ เมื่อครู่ ตอนที่สายตาของทุกคนมองมาที่ตนนั้น หยุนชางก็ได้ยินเสียงเบาๆจากแจกัน เสียงที่เบาและเบามาก และเสียงนั้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและไม่พูด
"นี่ก็แปลกแล้ว ไม่มีเลย แล้วเจ้าแมวได้รับบาดเจ็บมาได้อย่างไร" จักรพรรดิหนิงสูดหายใจเข้า มีสายพระเนตรที่เย็นชา
หลี่ฝูยีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่า หยวนเป่าได้รับบาดเจ็บตอนที่มันวิ่งไปท่ามกลางหิมะ สถานที่ที่องค์หญิงพบหยวนเป่าอยู่ในป่าไผ่ ในป่าไผ่มิใช่ว่าจะไม่มีแถบไม้ไผ่ เกรงว่าเมื่อครู่ตอนที่ยวี่มามาอุ้มหยวนเป่า แล้วบังเอิญไปสัมผัสบาดแผลของหยวนเป่า หยวนเป่าเจ็บปวด ก็เลยพุ่งตัวออกมา"
คำอธิบายนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
"ที่ฝูเหม่ยเหรินพูดก็มีเหตุผลเล็กน้อย บางทีหยวนเป่าวิ่งไปทั่ว ไม่ระวังไปชนกล่องเครื่องหอมของสนมบางท่าน สัมผัสโดนเครื่องหอม แล้วบังเอิญเหยียบวัตถุมีคมโดยไม่ระวัง ทำให้ขาของมันบาดเจ็บ…" หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น รับคำมาพูดต่อ เพียงแต่คำว่าไม่ระวังสองครั้ง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่ปกติเกินไป
แน่นอนจักรพรรดิหนิงรู้ความจริง แต่ในวังหลัง ในเมื่อไม่มีผลร้ายแรง เรื่องบางเรื่อง หลับหูหลับก็ผ่านไป แม้ว่าจะไม่ค่อยพอพระทัย แต่ก็ตรัสได้เพียงว่า "เพียงแต่ว่าหยวนเป่านี้อยู่ในตำหนักของเสด็จแม่ นางกำนัลดูแลไม่ดี ก็ยากที่จะแก้ตัว แต่ละคนจะถูกปรับเงินเดือนสามเดือน งานเลี้ยงวันนี้ก็จบลงตรงนี้ เสียบรรยากาศจริง ชางเอ๋อร์ เจ้าไปเดินเล่นกับเจิ้น"
หยุนชางพยักหน้า ตามหลังจักรพรรดิหนิง และเดินออกไปข้างนอก หิมะข้างนอกหยุดแล้ว มีกลิ่นหอมของดอกบ๊วยจางๆ หยุนชางสูดลมหายใจ รู้สึกเพียงว่ากลิ่นหอมของดอกบ๊วยมาพร้อมกับกลิ่นของหิมะ ช่างชัดเจนมาก
จักรพรรดิหนิงไม่ทรงตรัสอะไร ได้ยินแต่เสียง "แชะแชะ" และ "แชะแชะ" เสียงที่เหยียบหิมะ หลังจากเดินมานานพอควร เดินถึงป่าไผ่ ได้ยินจักรพรรดิหนิงตรัสเบาๆว่า "คือที่นี่หรือ ที่ถูกแมวกระโจนเข้าใส่เจ้า?"
หยุนชางได้ยินจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย "เพคะ ทำเอาชางเอ๋อร์ตกใจ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง