เสด็จแม่ของนางเป็นคนที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงจริงๆ เรื่องในงานเลี้ยงวันนี้เป็นหมิงไท่เฟยต้องการหยั่งเชิงหยุนชาง แต่เสด็จแม่กลับสามารถใช้โอกาสนี้ตัดแขนของฮองเฮาทิ้งไปอีกหนึ่งข้าง...
ชุยมามารีบกล่าวว่า "หม่อมฉันมีหลักฐาน มีหลักฐาน หลักฐานถูกเย็บไว้ในผ้าห่มบนเตียงของหม่อมฉันเพคะ"
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็หันศีรษะไปสั่งให้ข้ารับใช้ที่อยู่รอบตัวเขาพาคนไปตรวจสอบ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีข้ารับใช้นำของสิ่งหนึ่งกลับมา สิ่งนั้นถูกใส่ไว้ในถุงหอมสีน้ำเงิน หยุนชางไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เห็นว่าหลังจากที่หมิงไท่เฟยได้รับสิ่งนั้นแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าดูชม
เมื่อฮ่องเต้เห็นดังนั้นก็เสด็จเข้าไปทอดพระเนตร เมื่อหันกลับมา สายตาของเขาก็เพ่งไปที่หลานกุ้ยผิน "อืม ข้าจำได้ว่าหลานกุ้ยผิน บิดาเจ้ามาที่เมืองหลวงเพื่อรายงานหน้าที่ตอนต้นปีเคยซื้อจวนหลายหลังในตรอกกุ้ยฮวา ตอนนั้นเจ้ายังเคยบอกเจิ้นว่าบิดาของเจ้าอายุมากแล้ว อีกสองปีเขาก็คงจะไม่สามารถทำงานให้กับแคว้นหนิงได้อีก จึงอยากรับพวกเขามาอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวงเพื่อที่จะได้ดูแลง่ายๆ เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าโฉนดบ้านของเขาจึงมาอยู่ในมือของชุยมามาได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีลายมือของเจ้าอยู่ด้วย?"
เมื่อหลานกุ้ยผินได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของนางก็ซีดเผือด นางรีบลุกขึ้นกล่าวว่า "เป็นไปได้อย่างไร? ท่านพ่อบอกว่าไปกลับลำบากกลัวจะเจอเรื่องไม่คาดฝันระหว่างทางจนทำให้ทำโฉนดหายไปจึงให้หม่อมฉันเป็นผู้เก็บไว้ หม่อมฉันเก็บไว้อย่างดีมาตลอดจะไปอยู่ที่นางได้อย่างไร อีกทั้งหม่อมฉันกับชุยมามาก็ไม่คุ้นเคย"
ชุยมามาได้ยินเช่นนี้จึงรีบพูดขึ้นเสียงแหลม "กุ้ยผินเหนียงเหนียง เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนให้หม่อมฉันมาเอง ข้าอายุมากแล้วไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ตามหลักเหตุผลก็ควรจะใช้ชีวิตในสองปีที่เหลือนี้อย่างสงบและถูกส่งออกจากวังไปในอีกสองปีข้างหน้า ที่หม่อมฉันเสี่ยงโทษประหารทำงานให้กุ้ยผินเหนียงเหนียงก็เป็นเพราะท่านบอกว่าที่ตรอกกุ้ยเซียงมีจวนอยู่หลังหนึ่ง ยินดีมอบให้หม่อมฉันใช้ชีวิตหลังเกษียณ เมื่อข้าออกจากวังไปข้าจึงจะมีที่พักพิง หม่อมฉันขาดความยับยั้งชั่งใจไปชั่วครู่จึงได้รีบไว้..."
"เหลวไหล!" หลานกุ้ยผินรีบพูด "ฝ่าบาท หม่อมฉันสาบานได้ว่าหม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ โฉนดนี้เป็นของปลอมแน่ โฉนดอยู่ในตำหนักของหม่อมฉัน เก็บอยู่ที่มันอยู่ในกล่องกับที่โต๊ะเครื่องดนตรี"
ฮ่องเต้ยิ้มและโยนโฉนดบ้านที่อยู่ในถุงหอมลงบนพื้น "เจ้าดูเสีย นี่เป็นลายมือของเจ้าหรือไม่? และนี่คือโฉนดจวนของเจ้าหรือไม่?"
หลานกุ้ยผินไม่แม้แต่จะมองสักนิด สีหน้าของนางดื้อรั้น แม้ว่าใบหน้าจะขาวซีด แต่หลังของนางกลับตั้งตรง "หม่อมฉันไม่ต้องดูหรอก มันไม่ใช่ของหม่อมฉันอย่างแน่นอน"
ฮ่องเต้จ้องมองหลานกุ้ยผินอยู่นานก่อนจะเอ่ยว่า "ไปดูเครื่องดนตรีที่นางว่าในตำหนักของกุ้ยผินแล้วนำมันมา"
มีเสียงขานรับจากด้านนอก แต่ในตำหนักกลับไม่มีใครพูดอะไร หลานกุ้ยผินรู้สึกว่าผ่านไปนานเหลือเกินจึงจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมา ร่างกายของนางสั่นเทิ้มหันศีรษะไปมองข้ารับใช้ที่ถือพิณที่นางดีดในยามปกติเดินมา
ฮ่องเต้กล่าวว่า "ในเมื่อพิณของเจ้ามีโฉนดซ่อนอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็เอามันออกมาให้พวกเราดูเองเถอะ"
หลานกุ้ยผินไม่อาจคำนึงถึงสิ่งอื่นได้อีก นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรับพิณมา นางบิดหางของพิณออกเผยให้เห็นช่องที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของพิณ แต่กลับไม่มีโฉนดบ้านอย่างที่นางว่า มีเพียงแต่ถุงกระดาษเท่านั้น
หลานกุ้ยผินจึงได้เผยท่าทีตื่นตระหนกออกมา "เป็นไปได้อย่างไร? โฉนดของข้าล่ะ?" นางแตะช่องลับอีกครั้ง แต่กลับไม่ระวังทำถุงกระดาษในช่องลับตกลงบนพื้น ถุงกระดาษคลี่ออกมา มีกลิ่นจางๆ คลุ้งเต็มตำหนัก มามาหัวหน้ากองเครื่องหอมสีหน้ามั่นใจและรีบกล่าวว่า "นี่ก็เป็นผงอัญเชิญเพคะ... "
ฮ่องเต้ได้ยินคำนั้นหน้าผากก็มีเส้นเลือกสีเขียวปูดโปนออกมา เดินจากเก้าที่ประทับของหมิงไท่เฟยมาที่ตำหนักและถีบหลานกุ้ยผิน "เจ้าไม่ได้บอกว่าโฉนดอยู่ในเครื่องดนตรีนี้หรือ? ทำไมถึงไม่มีเสียเล่า แต่กลับมีสิ่งของอันตรายเช่นผงอัญเชิญ?"
สีหน้าของหลานกุ้ยผินเขียวคล้ำเล็กน้อย นางรีบพูดว่า "หม่อมฉันก็ไม่รู้ หม่อมฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีผงอัญเชิญอยู่ที่นี่และโฉนดของหม่อมฉันกลับหายไปแล้ว..."
ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น "ไม่รู้เหรอ? ใครรู้ว่าพิณนี่มีช่องลับ?"
หลานกุ้ยผินส่ายหัว "ไม่มีใครรู้ แต่หม่อมฉันไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้จริงๆนะเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง