"ผู้ดูแลกองเครื่องหอมในวังเป็นผู้ที่รู้วิธีแยกแยะกลิ่น ฝ่าบาทไม่สู้ไปเชิญมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าแป้งหอมนี้มีอันตรายอะไรหรือไม่" พระสนมจิ่นเฟยได้ยินเช่นนี้ นางก็มีสีหน้ากังวลเล็กน้อยจึงรีบพูด
หมิงไท่เฟยแค่นเสียง "แป้งหอม แป้งหอม แป้งหอมอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะแป้งหอม ข้าอยากจะดูนักว่ามีอะไรอยู่ในแป้งหอมนี่"
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นจึงให้ขันทีเจิ้งไปตามผู้ดูแลกองเครื่องหอมมาเข้าเฝ้า นางกำลังของตำหนักฉางชุนรวมตัวกันอยู่ด้านนอกตำหนัก ต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ
หมิงไท่เฟยแค่นเสียงและกล่าวขึ้นอีกครั้ง "คืนวันนี้เป็นพวกเจ้าที่เข้าเวรหรือ? พวกเจ้าลองว่ามาว่าคืนนี้มีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น? พวกเจ้าได้ยินเสียงอะไรไหม?"
เหล่านางกำนัลและขันทีที่คุกเข่าอยู่บนหิมะโขกหัวคำนับหลายที ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีขันทีคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ "กระหม่อมได้ยินแค่เสียงแมวร้อง แต่ดูเหมือนไม่ได้อยู่ในตำหนักของเรา ช่วงนี้เหล่าเจ้านายในวังต่างก็ชอบเลี้ยงแมว หม่อมฉันจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ"
"พวกหม่อมฉันก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเช่นกัน" ข้ารับใช้ทุกคนรีบตอบ
หมิงไท่เฟยยิ้มเย็น "ไม่มีใครเห็นอะไรเลย หรือในตำหนักฉางชุนนี้มีผีหลอกหรืออย่างไร? ทหาร นำตัวไปโบยคนละยี่สิบที"
ทันใดนั้นก็มีเสียงคร่ำครวญดังมาจากนอกตำหนัก ดวงตาหยุนชางมีประกายเย็นชาขึ้นมาวูบหนึ่ง เป็นวิธีคุ้นเคยของตระกูลหลี่จริงๆ อะไรนิดหน่อยก็ระบายลงกับข้ารับใช้ในวัง ชีวิตคนไม่มีค่าในสายตาของพวกเขาเลยสักนิด
เพิ่งลากกลุ่มคนเหล่านั้นลงไป ขันทีเจิ้งก็เดินเข้าไปพร้อมกับผู้ดูแลกองเครื่องหอม นางเป็นมามาอายุราวสามสิบกว่า เมื่อมาถึงก็รีบย่อกายถวายพระพร "ถวายพระพรฝ่าบาทและเจ้านายทุกพระองค์เพคะ..."
หมิงไท่เฟยในใจกำลังอึดอัดจึงโบกมืออย่างมั่วๆ "องค์หญิงหยุนชางกล่าวว่าผ้าห่มเปื้อนไปด้วยแป้งหอม เจ้าไปเสียว่าสิ่งที่องค์หญิงพูดเป็นความจริงหรือไม่?"
มามาผู้นั้นตอบรับและก้าวเข้าไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาและสูดดมกลิ่นเล็กน้อย สีหน้าจริงจังขึ้นดูราวกับไม่แน่ใจและดมอีกครั้ง หลังจากดมแล้วนางก็เดินกลับเข้าไปคุกเข่าลงและพูดว่า "ฝ่าบาท ไท่เฟยเหนียงเหนียง แป้งหอมบนผ้าห่มเป็นสิ่งอันตราย จะทิ้งไว้ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ"
"สิ่งอันตราย?" ฮ่องเต้หนิงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น "เจ้าว่ามาซิว่าสิ่งนั้นใช้ทำอะไร?"
มามาผู้นั้นรีบตอบว่า "ผงแป้งหอมบนผ้าห่มนี้หากหม่อมฉันดมไม่ผิดควรจะเป็นผงอัญเชิญ กลิ่นหอมของมันเป็นเอกลักษณ์และสามารถดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างเช่น มด งู ตะขาบและสัตว์อื่นๆ โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว สัตว์เล็กๆ เหล่านี้มีออกมาน้อย หากเป็นฤดูร้อนละก็ผลที่ตามมาอาจถึงขั้นหายนะเพคะ"
ทุกคนในตำหนักใบหน้าซีดลงทันที หมิงไท่เฟยบีบที่เท้าแขนของเก้าอี้ไม้สาลี่ในมือแน่น กัดฟันแน่น "อวี้มามา ผ้าห่มผืนนี้เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?"
อวี้มามาได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า "เพิ่งเปลี่ยนวันนี้เองเพคะ ผ้าห่มก่อนหน้านี้หยวนเป่ากระโดดขึ้นไปทำสกปรก หม่อมฉันนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฝูเหม่ยเหรินมอบผ้านวมที่ปักเองมา วันนี้ข้าจึงไปเอามันออกมาเปลี่ยนโดยเฉพาะ"
"ฝูเหม่ยเหริน?" หมิงไท่เฟยหันศีรษะไปมองหลี่ฝูยีที่อยู่ด้านข้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย "นี่เป็นของที่ฝูเหม่ยเหรินส่งมาหรือไม่"
หลี่ฝูยีกัดริมฝีปากและคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "เป็นหม่อมฉันส่งมาเองไม่ผิดเพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย แมวก่อนหน้านี้ก็เช่นกันและตอนนี้ผ้าห่มผืนนี้ก็เช่นกัน ท่านอา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนที่จงใจใส่ร้ายข้า..."
หยุนชางเหลือบมองไปที่แมวบนพื้นแล้วมองไปที่ผ้าห่ม นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "มามา หากผ้าห่มนี้ถูกวางไว้ที่ห้องนอน กลิ่นหอมนี้จะลอยไปถึงนอกตำหนักหรือไม่?" นางพูดพลางชี้ไปที่แมวตายอย่างอนาถบนพื้นอีกครั้งแล้วขมวดคิ้ว "แมวตัวนี้ตายอย่างลึกลับในห้องนอนของไท่เฟยเหนียงเหนียง แต่เหล่าขันทีและนางกำนัลกลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ความหมายของชางเอ๋อร์คือเป็นเพราะกลิ่นหอมนี้หรือเปล่าที่อาจดึงดูดแมวเข้ามา แต่เป็นเพราะหน้าต่างถูกปิดอยู่มันจึงกระแทกหน้าต่างจนตาย?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง