หมิงไท่เฟยได้ฟัง ก็ไม่ทรงตรัสอะไรมาก เพียงตรัสตรงๆว่า "มานี่สิ ตรวจดูให้ดี ใครเป็นเจ้าของแมวตัวนี้ แล้วก็กงกงและนางกำนัลที่เป็นเวรยามในคืนนี้ ตามมาให้ครบ"
นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ รับตอบกลับ และถอยไปอย่างรวดเร็ว
"คงเป็นเพราะคนที่ลงมือในวันนี้ไม่ต้องการชีวิตแก่ๆของข้า มิฉะนั้น เกรงว่าข้าจะไม่สามารถมานั่งพูดอยู่ที่นี่ได้แล้ว" เห็นได้ชัดว่าหมิงไท่เฟยโกรธมากและพระขนงของนางขมวดแน่น
"ในวังมีนางในและกงกงมากมาย ถึงกับไม่มีใครเห็น ไม่สมควรเลยจริงๆ..." หลานกุ้ยผินหาวและพูดอย่างเฉยเมย
หมิงไท่เฟยกวาดพระเนตรมองยังหลานกุ้ยผิน รู้สึกขยะแขยงผุดขึ้นในพระทัย ฮองเฮากล่าวว่านางสามารถเชื่อถือได้ ช่างเป็นมือไม่พายยังเอาเท้าลาน้ำจริงๆ
"พี่หลานพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ นี่พี่หญิงกำลังกล่าวหาผู้ใต้บังชาของไท่เฟยเหนียงเหนียงไร้กฏเกณฑ์" หยิงเจี๋ยยวี๋ลืมตาขึ้นและมีคำประชดประชันออกจากปากของนาง "หม่อมฉันคิดว่า มันต้องเป็นเพราะขโมยคนนั้นเก่งเกินไป จึงรอดพ้นสายตาผู้คนไปได้"
"เอะอะอะไรกัน" จักรพรรดิหนิงขมวดพระขนง ก้มพระพักตร์ลง แล้วตรัสเบาๆ กับหญิงในพระทรวงว่า "ง่วงหรือไม่ ถ้าง่วงก็ให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงเตรียมฟูกนุ่มให้เจ้านอนพัก"
สนมจิ่นส่ายหัวแล้วยิ้มเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเพคะ" แต่หันกลับมามองหยุนชาง "ชางเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนเจ้าจะเหนื่อยมาก"
นี่คือครั้งแรกที่สนมจิ่นพูดกับหยุนชางเช่นนี้ในท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา หยุนชางตกตะลึง แต่รู้ว่านางสนมจิ่นมีเหตุผลลึกๆในการทำเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นมองสนมจิ่นด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า "ไม่เป็นไรเพคะ"
ฉินยีกลับพูดอย่างรวดเร็ว "องค์หญิงกลัวความหนาวเล็กน้อยเพคะ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่วิหารแคว้นหนิง เมื่ออากาศหนาวทำได้แค่นอนบนเตียงและจะล้มป่วยได้ง่ายเมื่อตากลมหนาวเพคะ"
หยุนชางรู้ว่าฉินยีและสนมจิ่นเป็นบ่าวและนายมานานแล้ว และนางรู้เจตนาของสนมจิ่นเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงปล่อยให้นางพูดจบ จากนั้นจึงหันไปตำหนิฉินยีเล็กน้อย "ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ฉินยีพูดสักหน่อย หลายปีมานี้ ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสอู๋น่าร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นไร เสด็จแม่มิต้องกังวลเพคะ"
สนมจิ่นทำหน้าไม่เชื่อเล็กน้อย จึงเอื้อมมือไปกุมมือของหยุนชางไว้ เมื่อนางจับมือ คิ้วของนางก็ขมวดคิ้ว "ทำไมมือเจ้าเย็นเช่นนี้"
เมื่อสนมจิ่นพูดจบ นางก็หันศีรษะและมองไปยังจักรพรรดิหนิงและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ให้คนเอาผ้าห่มมาให้ชางเอ๋อร์เถอะเพคะ"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและตรัสกับหมิงไท่เฟยว่า "เสด็จแม่ ชางเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เจิ้นกลัวว่านางจะป่วย ให้อวี้มามานำผ้าห่มมาให้ชางเอ๋อร์สักผืนเถอะ"
หมิงไท่เฟยมองหยุนฉางด้วยแววตาเย็นชาเล็กน้อย "อวี้มามา ไปเอาผ้าห่มมาให้องค์หญิงเถอะ"
อวี้มามาเดินเข้าไปในห้องโถงด้านใน และในไม่ช้า ก็ออกมาพร้อมผ้าห่ม ฉินยีรับมาอย่างรวดเร็ว กางออกและช่วยคลุมให้หยุนชาง หยุนชางดึงมือเข้าไปในผ้าห่ม สอดเข้าไปในแขนเสื้ออย่างเงียบๆ และสัมผัสบางสิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะถูกห่อด้วยกระดาษ มีผงละเอียดอยู่ข้างใน หยุนชางหันศีรษะและเห็นสนมจิ่นจ้องมองไปที่ผ้านวมบนร่างกายของนาง หยุนชางตกตะลึง ยื่นมือออกมา และเทห่อกระดาษลงบนผ้าห่มบนร่างกายของนาง
พระเนตรของหมิงไท่เฟยกวาดดูฝูงชนรอบหนึ่ง และในที่สุดก็หยุดบนใบหน้าของหลี่ฝูยี "แผลของฝูเหม่ยเหรินที่ถูกแมวข่วนในก่อนหน้านี้ ใช้ยาแล้วดีขึ้นไหม"
หลี่ฝูยีตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ดูเหมือนมึนงงอยู่ตลอด ได้ยินหมิงไท่เฟยเรียกตัวเอง ร่างกายของนางก็สั่น แล้วนางก็กลับมารู้สึกตัวว่า "ทูลไท่เฟยเหนียงเหนียง ดีขึ้นแล้วเพคะเพียงแต่ว่าทายาแล้วรู้สึกคันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงเพคะ" พูดจบก็ก้มหน้าลง เผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่คอ เห็นแล้วรู้สึกสงสารจริงๆ
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา
"เอ๋…" จู่ๆ หยิงเจี๋ยยวี๋ก็ส่งเสียงที่ดูเหมือนจะค่อนข้างน่าสงสัย และทุกคนก็มองมาที่หยิงเจี๋ยยวี๋ แต่เห็นว่าดวงตาของหยิงเจี๋ยยวี๋ตกอยู่ที่แมวบนพื้น "เมื่อครู่หม่อมฉันถูกแมวนี่ที่เต็มไปด้วยเลือดนี้ทำให้ตกใจ ไม่ได้ใส่ใจ เมื่อครู่เพียงชำเลืองมอง แม้ว่าเจ้าแมวนี่จะมีรอยเปื้อนบนตัว แต่ก็มองเห็นสีขนซึ่งเป็นสีเหลืองได้อย่างลางๆ หากหม่อมฉันจำไม่ผิด ไม่นานมานี้ หลังจากที่ฝ่าบาทประทานหยวนเป่าให้ไท่เฟยเหนียงเหนียง ก็ประทานแมวสีเหลืองตัวหนึ่งให้ฝูเหม่ยเหรินด้วย แต่เดิมในวังมีแมวและสุนัขไม่มากนัก แมวที่มีขนสีเหลืองยิ่งมีน้อย ฝูเหม่ยเหรินลองดูสิ ใช่ของตำหนักเจ้าหรือไม่?"
หลี่ฝูยีสั่นทั้งร่าง ก้มหัวต่ำ "แมวนั่นเต็มไปด้วยเลือดช่างน่ากลัวจริงๆ หม่อมฉันมิกล้าดูเพคะ..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง