"พูดในสิ่งที่เจ้าเพิ่งกล่าวมาอีกครั้งซิ" ดวงตาเย็นชาของฮ่องเต้จ้องมองตรงไปที่ขันทีผู้นั้นจนเขาตัวสั่นเทิ้ม เขาหมอบอยู่บนพื้นอย่างสั่นๆ
"หม่อมฉันพูดแล้วๆ หม่อมฉันเป็นขันทีที่มีหน้าที่ทำความสะอาดหอเหมยอิ่ง บ่ายนี้เมื่อหิมะหยุดตกแล้ว หม่อมฉันเหนื่อยจากการกวาดหิมะจึงแอบงีบพักอยู่ใต้ต้นไม้นอกหอเหมยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับถูกปลุกขึ้นมาโดยเสียงๆ หนึ่ง หม่อมฉันได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งสั่งให้คนป้ายยาพิษไว้บนฉิน แล้วยังบอกอีกว่าจะหาวิธีให้นางกำนัลข้างกายองค์หญิงหยุนชางมาที่หอพระราชสมบัติ พอถึงเวลาก็จะบอกว่านางกำนัลขององค์หญิงหยุนชางเป็นคนวางยา แล้วเสียงก็เงียบหายไป หม่อมฉันกำลังคิดหาทางจากไปเงียบๆ แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้ง หม่อมฉันกลัวจึงไม่กล้าไปไหน จากนั้นก็ได้ยินคำสั่งของหญิงสาวคนนั้นสั่งอีกครั้งว่าตอนที่เตรียมฉลากให้คุณหนูหลี่ให้เปลี่ยนฉลากทั้งหมดเป็นผี หากมีใครซักถามขึ้นก็ให้บอกว่าองค์หญิงหยุนชางส่งนางกำนัลมาสั่ง หม่อมฉันได้ยินมาเพียงเท่านี้..." ขันทีรีบโขกหัวคำนับหลายครั้ง "หม่อมฉันได้ยินเรื่องเช่นนี้ ในใจก็กลัวว่าจะมีคนมาปองร้ายหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่กล้าพูด"
ฮ่องเต้ตบโต๊ะเสียงอย่างโกรธจัด "เลวทราม เจ้าเห็นหน้าตาคนๆ นั้นหรือไม่?"
ขันทีส่ายหัวซ้ำๆ "หม่อมฉันไม่เห็น แต่คลับคล้ายคลับคลาเห็นหญิงสาวคนนั้นสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงินปักดอกสาลี่สีขาว... หม่อมฉันได้ยินว่ามีนางกำนัลเรียกบุคคลนั้นว่าองค์หญิง..."
องค์หญิง... ในแคว้นหนิงแห่งนี้ มีองค์หญิงเพียงสองคนคือหัวจิ้งและหยุนชาง หยุนชางย่อมไม่ให้ร้ายตนเองอย่างแน่นอน เช่นนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว...
สายตาของทุกคนตกลงบนร่างหัวจิ้งที่หน้าซีดเผือด ชุดสีน้ำเงิน... เมื่อมองไปที่กระโปรงก็เห็นว่ามีดอกสาลี่สีขาว "เฮอะๆ…" ผู้ที่กล้าหัวเราะออกมาในเวลาเช่นนี้ นอกจากจิ้งอ๋องแล้วก็ไม่มีใครอีก "ท่านมหาเสนาบดีหลี่ คนที่ทำร้ายหลานสาวของท่านตอนนี้ชัดเจนแล้ว องค์หญิงหัวจิ้งช่างใจกล้าบ้าบิ่นนัก ใช้ลูกพี่ลูกน้องเป็นเหยื่อล่อใส่ร้ายน้องสาวตนเอง สมแล้วที่เป็นธิดาของฮองเฮา"
คำพูดนี้ความหมายค่อนข้างเจาะจงเป็นอย่างยิ่ง แต่ ณ เวลานี้กลับไม่มีใครสนใจ ในใจของคนหลายคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ องค์หญิงหัวจิ้งเป็นผู้มีความสามารถเลิศล้ำ ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีเมตตาและได้รับความเคารพนับถือจากปวงชนมาโดยตลอดมิใช่หรือ? ไม่มีใครคิดว่าภายใต้ใบหน้าที่สวยงามและอ่อนโยนนั้นจะมีจิตใจอำมหิตซ่อนเร้นอยู่
"นี่เป็นการปรักปรำชัดๆ ข้าไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลย ข้าไม่รู้ว่าทำไมขวดยานี้ถึงมาอยู่ในแขนเสื้อของข้า จริงสิ ต้องเป็นเพราะขันทีคนเมื่อครู่แน่ ต้องเป็นขันทีนั่นที่ใส่ขวดนี้เข้ามาในแขนเสื้อของข้า" หัวจิ้งโวยวายเสียงดัง ใบหน้าของนางโมโหจนบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว "ฉาวโฉ่อะไรเช่นนี้! ทหาร คุมตัวองค์หญิงไปให้ศาลต้าหลี่*" (*หน่วยงานราชการ หนึ่งในเก้าสำนักใหญ่แห่งราชสำนัก ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีอาญา)
หัวจิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก "เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำนะเพคะ เสด็จแม่พูดอะไรบ้างสิเพคะ..."
หยุนชางเห็นว่ามือของฮองเฮาที่อยู่บนโต๊ะกำแน่นเล็กน้อย เล็บยาวของนางแทงลึกเข้าไปในเนื้อ หยุนชางก็กระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อย เช่นนี้ปวดใจหรือไม่? นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…
"กราบทูลฝ่าบาท พบตราประทับของฮองเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ผู้ที่มาเป็นขันทีจากวังของหมิงไท่เฟย ฮ่องเต้ยิ้มเย็น "หาเจอแล้วก็ดี"
เมื่อพูดเสร็จพระองค์ก็กลอกตาอีกครั้งหลัง เขาเหลือบมองกลับไปกลับมาระหว่างอัครมหาเสนาบดีกับฝูงชน แล้วจึงถามหมอหลวงที่ยืนอยู่ด้านข้างเสียงเบา "คุณหนูหลี่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?"
หมอหลวงรีบตอบ "หม่อมฉันให้ยาแก้พิษแก่คุณหนูหลี่ไปแล้ว ดูจากสถานการณ์ของคุณหนูแล้วก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้พยักหน้า "วันนี้ทุกคนต่างก็พอเจอเรื่องน่าตกใจ เช่นนั้นเราก็แยกย้ายกันเถอะ" หลังจากพูดแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินลงจากเก้าอี้มังกรแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจิ่นเฟย "เจ้าร่างกายไม่ดีนัก ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งที่วัง"
จิ่นเฟยพยักหน้าอย่างนุ่มนวล ลุกขึ้นและเดินไปข้างกายของฮ่องเต้ เขายื่นมือออกมาประคองนางและออกจากตำหนักจินหลวนไปพร้อมกับนาง
ฮองเฮาที่นั่งบนที่สูงใบหน้าก็ยิ่งซีดลงไปอีก นางรีบลุกขึ้นยืนและรีบออกจากตำหนักจินหลวนไปเช่นกัน
"น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา... " ผู้คนรีบคุกเข่าคำนับ
หลังจากที่คนที่สำคัญที่สุดจากไป จิ้งอ๋องก็เดินไปที่ข้างกายของหยุนชางและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า "วันนี้ชางเอ๋อร์ตกใจมาก ให้ข้าส่งเจ้ากลับเถอะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง