จักรพรรดิหนิงและหมิงไท่เฟยได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึง แววตาของหมิงไท่เฟยจ้องมองไปที่หยุนชาง และพบว่าสีหน้าของหยุนชางนิ่งเงียบอย่างมาก นางครุ่นคิดและทรงตรัสว่า "ใช่แล้ว จิ้งเอ๋อร์ก็ถือเป็นพระราชนิกุล ไม่ว่านางจะทำผิดเรื่องอันใด หากว่านางรู้ว่าตนทำผิดก็ย่อมดี อีกทั้ง เรื่องนั้นฟังดูมีเงื่อนงำ แม้ว่าข้าทราบข่าวก็ยังรู้สึกแปลกใจ จิ้งอ๋องไม่ทำเช่นนั้นหรอก ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการปล่อยจิ้งเอ๋อร์ออกมาเถิด"
จักรพรรดิหนิงเงียบอยู่นานจึงตรัสว่า "เจิ้นขอกลับไปคิดดูก่อน"
ดูเหมือนว่าหมิงไท่เฟยไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้สักเท่าไหร่ สีหน้าของพระองค์ทรงแย่ลงเล็กน้อย หยุนชางเสวยซุปเห็ดหูหนูขาวพร้อมอมยิ้ม จักรพรรดิหนิงทรงลุกขึ้นและเสด็จ หยุนชางก็ลุกขึ้นและน้อมลาหมิงไท่เฟย และตามจักรพรรดิหนิงออกจากวังฉางชุนไป
ระหว่างทางที่เสด็จ จักรพรรดิหนิงทรงถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า "เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงคิดอยากจะขอร้องให้ปล่อยเสด็จพี่ของเจ้าล่ะ?"
หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า " เสด็จอาทรงขอให้หม่อมฉันตรัสกับเสด็จพ่อเพคะ เสด็จอาทรงตรัสว่าให้ชางเอ๋อร์ทูลกับเสด็จพ่อว่า องค์ชายสามของแคว้นเย้หลางแอบเข้าเมืองหลวงมาแล้วเพคะ วันนี้ขณะที่ชางเอ๋อร์กำลังเดินทางด้วยเกวียนม้าของจิ้งอ๋อง และจู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ามา และโดนเกวียนม้าพุ่งเข้าใส่เพคะ ชายผู้นั้นจงใจกวนประสาทนางกำนัลของชางเอ๋อร์ เมื่อชางเอ๋อร์ลงจากเกวียนม้าเขาก็จงใจกล่าวคำที่แทงใจชางเอ๋อร์เพคะ และได้ทราบถึงตัวตนของชางเอ๋อร์ เสด็จอาทรงตรัสว่า ชายผู้นั้นคือองค์ชายสามของแคว้นเย้หลางเพคะ"
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ และเข้าใจทันทีว่าเหตุใดจิ้งอ๋องจึงขอให้ชางเอ๋อร์อ้อนวอนและขอให้ปล่อยตัวหัวจิ้ง คนที่องค์ชายสามแห่งแคว้นหนิงต้องการสมรสด้วยนั้นคือหัวจิ้ง หลังจากที่เขามาถึงเมืองหลวง ก็คงทราบเรื่องที่หัวจิ้งอยู่ในคุก หลังจากที่เขาได้ทราบเรื่องนี้ เขากลับหาทางเพื่อพบหยุนชาง และเขาคงมีความคิดที่ไม่ดีต่อหยุนชางกระมั้ง
จักรพรรดิหนิงจ้องมองหยุนชางและส่ายหัวเบาๆ ไม่ได้ ชางเอ๋อร์เป็นพระราชธิดาของจิ่นเฟย ตนได้ทำให้จิ่นเฟยเสียใจมามากแล้ว อย่าได้ทำให้นางต้องเสียใจอีก จักรพรรดิหนิงคิดในใจ และก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา พระองค์ทรงพยักหน้าและตรัสว่า "ช่วงนี้เจ้ามิต้องออกวังไปไหน"
หยุนชางตอบกลับ "เสด็จอาก็ทรงตรัสเช่นนี้กับหม่อมฉันเช่นกันเพคะ ชางเอ๋อร์จะไม่ออกจากวังโดยไม่จำเป็นเจ้าค่ะ เสด็จพ่อทรงวางใจได้เลยเพคะ"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "แล้วจู่ๆ เจ้าก็เสนอว่าให้หลิวเจ้าอี๋เข้าวัง นี่ก็เป็นคำสั่งของจิ้งอ๋องหรือ?" แววตาระแวงปรากฏขึ้นในดวงตาของจักรพรรดิหนิง หากเป็นเช่นนี้ ก็มิควรโปรดปรานหลิวเจ้าอี๋มากนัก
หยุนชางส่ายหน้าและก้มหน้าลง ราวกับว่าเขินอายเล็กน้อย " ชางเอ๋อร์เห็นว่าวันนั้นนางรำดาบได้สวยงามอย่างมาก และคิดว่าเสด็จอานั้นทรงอยู่ในสนามรบมานาน ท่านอาจจะชอบการเต้นรำเช่นนั้น ฉะนั้นจึงอยากฝึกเพคะ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ และเห็นท่าทีที่เขินอายของหยุนชาง ก็อดหัวเราะไม่ได้และทรงตรัสว่า "ชางเอ๋อของเจิ้นโตขึ้นมากแล้ว"
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางก็น้อมลาจักรพรรดิหนิงและกลับไปที่วังชิงซิน
วันที่สองจักรพรรดิหนิงก็ทรงออกพระราชโองการ และตรัสว่าจำตัวผู้ร้ายตัวจริงที่วางยาพิษหลี่อิ๋งอิ๋งในวันส่งท้ายปีเก่าได้แล้ว เป็นฝีมือของน้องสาวคนละมารดาของนาง พระมารดาของหญิงสาวผู้นั้นเป็นสาวใช้ ไม่ค่อยมีหน้ามีตา ดังนั้นมหาเสนาบดีหลี่จึงมิได้ยอมรับในตัวนาง ให้นางเป็นเพียงสาวใช้และคอยปรนนิบัติหลี่อิ๋งอิ๋ง หญิงสาวผู้นั้นจึงแค้นใจ และคิดวางยาเพื่อทำร้ายหลี่อิ๋งอิ๋ง"
ไม่มีใครสนใจว่านางเป็นเพียงสาวใช้ในจวนมหาเสนาบดี แต่สามารถวางยาพิษบนสายของเครื่องขิมที่อยู่ในวังโดยมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเช่นนี้ได้อย่างไร
และหัวจิ้งก็ถูกปล่อยตัวออกมา ไม่นาน จักรพรรดิหนิงได้ออกพระราชโองการฉบับที่สอง ให้หัวจิ้งและพระสวามีหย่าร้างกัน เนื่องจากจักรพรรดิหนิงได้ทรงปิดข่าวที่จ้าวอิงเจี๋ยยังมีชีวิตอยู่ไว้ ปวงประชาจึงไม่ได้คัดค้าน เมื่อคิดแล้วก็จริง องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เช่นนี้จะเต็มใจเป็นม่ายได้อย่างไร ในแคว้นหนิงนี้ หญิงม่ายเป็นหญิงที่โชคร้ายมาก แต่หากหย่าร้างกันอย่างดี ก็จะทำให้อุปสรรคในงานอภิเษกสมรสของนางลดน้อยลง
หยุนชางยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางยิ้มเบาๆ หัวจิ้งเจ้าคิดว่าเจ้าหนีรอดแล้วหรือ? หายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงต่างหากล่ะ...........
"องค์หญิงเพคะ มีข่าวจากนอกวังว่าวันนี้องค์หญิงหัวจิ้งไปที่จวนมหาเสนาบดีเพคะ เหมือนว่าท่านจะทรงเสวยพระกระยาหารค่ำแล้วจึงกลับจวนองค์หญิงเพคะ" เฉี่ยนอินกล่าวด้วยเสียงเบาๆ อยู่ข้างๆ หยุนชาง
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น "หือ? หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องออกวังสักเที่ยวแล้ว เจ้าบอกกับเฉียนเฉี่ยนหรือยัง? ประเดี๋ยวนี้เจ้าอย่าลืมสวมหน้ากากหนังคน แล้วนอนพักบนเตียงนะ"
เฉี่ยนอินพยักหน้าและกล่าวว่า " เฉียนเฉี่ยนกล่าวว่าได้เตรียมการเรียบร้อยแล้วเพคะ"
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หยุนชางเปลี่ยนชุดเดินทางในยามมืด แล้วกระโดดออกนอกหน้าต่างไป เฉี่ยนอินสวมหน้ากากหนังคนที่เตรียมไว้อย่างพิเศษ แล้วนอนบนเตียงแกล้งว่าเจ็บไข้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง