เสียงดนตรีไพเราะบรรเลงขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศครึกครื้นในตำหนักก็กลับคืนมา
หยุนชางยิ้มบางๆ พลางมองอัครมหาเสนาบดีส่งสัญญาณอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็มีเหล่าขุนนางหลายคนเข้าไปดื่มคารวะชางเจียชิงซูกับอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ย มีเสียงหัวเราะดังขึ้นในตำหนัก หยุนชางเห็นว่าไม่มีใครใส่ใจ นางจึงแอบออกไปกับฉินยีและเฉี่ยนอิน
"องค์หญิง เมื่อครู่จิ้งอ๋องร้ายกาจจริงๆ เลยเพคะ เพียงแค่ไม่กี่คำก็ทำให้สีหน้าของชางยางอวี้เอ๋อร์นั่นเปลี่ยนไปทันที" เสียงของเฉี่ยนอินแฝงแววตื่นเต้นเล็กน้อย
หยุนชางเพียงหัวเราะไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับได้ยินเสียงของฉินยีดังขึ้นเบาๆ "หม่อมฉันเห็นว่า สีหน้าขององค์หญิงหัวจิ้งก็ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน"
หัวจิ้ง? หยุนชางชะงักฝีเท้า ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าเรื่องตลกในวันนี้หัวจิ้งคงมีส่วนด้วย ในช่วงนี้หัวจิ้งมักจะเสพสมอยู่กับชางเจียชิงซูในจวนองค์หญิงของนาง จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากนางจะเป่าหูเขาสักสองสามคำ เพียงแต่ว่านางคงจะต้องผิดหวังแล้ว
มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังแว่วมาจากด้านหลัง นายบ่าวทั้งสามจึงรีบหยุดพูด เฉี่ยนอินหันศีรษะไปมองและตาของนางก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย "องค์หญิง เป็นจิ้งอ๋องเพคะ"
หือ? หยุนชางหันศีรษะกลับไปก็เห็นจิ้งอ๋องกำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง "ทำไมเจ้าจึงออกมา?"
ฉินยีและเฉี่ยนอินก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว พวกนางยืนห่างออกไป หยุนชางยิ้มน้อยๆ "มันไม่สนุกเลย หม่อมฉันออกมาก็ไม่มีใครรู้ แต่ท่านเสียอีก จะดื่มเหล้าคารวะอย่างไรก็จะขาดท่านไปเสียไม่ได้ หากท่านไปแล้วเกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คน"
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เมื่อเจ้าไป ข้าก็ตามออกมา จะได้ให้ทุกคนรู้ว่าหัวใจของข้าผูกไว้ที่เจ้าตรงนี้ เจ้าทำอะไรข้าก็ใส่ใจทั้งนั้น แล้วก็เกรงว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะพูดกันว่าเป็นความผิดขององค์หญิงหยุนชางที่งานเลี้ยงยังไม่ทันจบก็แอบออกมาเสียก่อนแล้ว จิ้งอ๋องกลัวองค์หญิงหยุนชางจะโกรธจึงรีบตามออกไปเอาใจสาวงาม"
หยุนชางได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ถ้าเหล่าคนในตำหนักจินหลวนเห็นว่าองค์ชายหน้าตายที่น่าเคารพในยามปกติพูดแบบนี้ เกรงว่าคงจะอ้าปากตกตะลึงจนกรามค้าง ละครของจิ้งอ๋องเล่นจบแล้ว รอพรุ่งนี้หม่อมฉันจะส่งคนไปถามคณะงิ้วชุนหัวว่าอยากได้บทหรือไม่ ยามถึงเวลาจิ้งอ๋องเล่นละครแล้วช่างสมบทบาทดีจริง"
จิ้งอ๋องจับมือหยุนชางขึ้นมาแล้วยิ้มบางๆ "เกรงว่าคนอื่นคงไม่มีบุญวาสนาพอที่จะได้เห็นตัวตนเช่นนี้ของข้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า ข้าไม่ได้เพียงแต่เล่นละคร ผู้คนในนั้นช่างน่าเบื่อนัก ไม่สู้ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า ช่วงนี้อากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาว เหมาะสำหรับเดินเล่นพอดีเลย"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยุนชางสัมผัสกับจิ้งอ๋อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจับมือนางเช่นนี้ ทำให้หยุนชางใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ นางหัวเราะอย่างขมขื่น นางยังรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อยกับความใกล้ชิดเช่นนี้ เมื่อครู่ปฏิกิริยาแรกของนางคืออยากจะผลักเขาออกไป หยุนชางถอนหายใจและแอบชักมือกลับอย่างเงียบๆ นางคิดจะดึงมือออกมาแต่กลับถูกจับแน่นขึ้นไปอีก แน่นจนนางสัมผัสได้ถึงอุ้งมือหนาของมือที่กุมนางไว้
"เกรงว่าเจตนาของคนบางคนจะไม่บริสุทธิ์ ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัว ข้าส่งองครักษ์เงามาคอยคุ้มครองเจ้า ตอนนี้ก็มีอยู่ หากเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็สั่งการได้ทันที" จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเสียงเบา "ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าเจ้าจะคิดเดาไปเรื่อยหรือคิดว่าข้าส่งคนมาคอยจับตาดูเจ้า"
หยุนชางพยักหน้า อันที่จริงนางพบว่ามีคนอื่นอยู่ข้างกายนางมานานแล้วและยังซ่อนวิทยายุทธ์ได้เก่งมาก เพียงแต่คนคนนั้นไม่เคยทำอะไรที่เป็นผลร้ายต่อนางเลย นางจึงไม่ได้สนใจ เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดเช่นนี้นางจึงได้เข้าใจ
หยุนชางพยักหน้าและตอบรับ "เพคะ"
จิ้งอ๋องเห็นว่านางยังไม่เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างเต็มที่ แต่นางกลับไม่ได้เปิดโปงเขา ในใจจึงคิดว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ที่จะปกป้องตนเอง ดังนั้นจึงตามใจนาง
ทั้งสองเดินไปรอบๆ อุทยานหลวงด้วยกันและจิ้งอ๋องก็ส่งหยุนชางกลับไปที่ตำหนักชิงซินและจากไป หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย เรียกเฉี่ยนอินและฉินยีมาช่วยนางเตรียมน้ำอาบ
สีหน้าของฉินยีสงบนิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเฉี่ยนอินเปล่งประกายขบขันเล็กน้อย หยุนชางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตามน้ำไปเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง