จักรพรรดิหนิงเคาะโต๊ะเบา ๆ หยุนชางหรี่ตาลงและกล่าวว่า "เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่า มีแม่ทัพหญิงท่านหนึ่งในหมู่วีรบุรุษผู้ก่อตั้งของแคว้นหนิงเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าถึงแม้นางจะเป็นสตรี แต่กลับกล้าหาญและชาญฉลาดมีกลยุทธ์แข็งแกร่งกว่าชายหลายๆ คนเพคะ และนางได้สร้างผลงานดีๆให้กับแคว้นหนิงมามาก หม่อมฉันเห็นว่าคุณหญิงหวังมีความทะเยอทะยานต่อเป้าหมายเช่นนี้ แล้วเหตุใดจึงไม่ให้นางได้สมหวังเพคะ"
สิ่งที่หยุนชางกล่าวมา คือหนึ่งในแม่ทัพผู้ก่อตั้งแคว้นหนิง สตรีผู้นั้นมีชื่อว่าจี้หยุนหยี แม้ว่านางจะเป็นสตรี แต่นางก็เป็นตำนาน ได้ยินมาว่าบิดาของสตรีผู้นี้เป็นแม่ทัพการทหาร จี้หยุนหยีติดตามบิดาของนางไปรบทุกๆที่ตั้งแต่นางยังเด็ก ต่อมาบิดาของนางได้เสียชีวิตลงในสนามรบ นางจึงรับหน้าที่ของบิดา และตามจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้นหนิงไปสู้รบทั่วอาณาจักร อีกทั้งนางยังมีผลงานที่โดดเด่น ถือได้ว่าเป็นตำนานของแคว้นหนิง
เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นว่าหยุนชางกล่าวเช่นนี้แล้ว พระองค์จึงพยักหน้า "ในเมื่อคุณหญิงหวังมีความทะเยอทะยานเช่นนี้ เจิ้นก็จะทำให้เจ้าได้สมหวัง เจิ้นของแต่งตั้งให้เจ้าเป็นร้อยตรีหญิง ให้เจ้าติดตามจิ้งอ๋องเรื่องการรบเถิด เจ้ารอคำสั่งอยู่ในนครหลวง โดยฝึกทหารตามปกติ หากมีสงคราม เจ้าก็ออกรบพร้อมจิ้งอ๋อง"
หวังจิ้นเหยียนรู้สึกดีใจอย่างมาก และรีบขอบพระคุณพระองค์ย่างรวดเร็ว "หม่อมฉันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทเพคะ"
มหาเสนาบดีหลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แววตาของเขาจับจ้องไปที่ฮองเฮาที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ แล้วพบว่านางหน้าขาวซีดอย่างมาก แววตาของนางดูเหม่อลอย ก็ยิ่งทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีออกมาเล็กน้อย มหาเสนาบดีหลี่นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เขาออกมาจากป่าทึบนั้น ก็พบว่าหลี่เย่าฉีได้ประทับอยู่ที่นั่งของเขาแล้ว และดูจากสีหน้านั้นไม่เหมือนว่าเพิ่งออกมาจากป่าทึบ
มหาเสนาบดีหลี่มองไปที่หลี่เย่าฉี และเห็นว่าเขาก็ดูเหม่อลอยเช่นกัน เหตุการณ์จึงตอบรับการคาดเดาในใจของตน เพียงแต่ว่าตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ คงไม่ดีนักหากว่าตนจะเข้าไปถามไถ่ เขาจึงทำได้แค่นั่งลง และครุ่นคิดว่าทำอย่างไรจึงได้มีโอกาสไปสอบถามหลี่เย่าฉี
จักรพรรดิหนิงเงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าของผู้คนด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาของพระองค์นั้นเย็นชาเล็กน้อย "หญิงสาวที่เพิ่งแสดงรายการไปเมื่อสักครู่นี้ก็มีรางวัลเช่นกัน จิ้งอ๋องเจ้าไปสั่งให้คนนำของราวัลนั้นไปมอบให้เหล่าหญิงสาว วันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นช่วงบ่ายนี้ก็จงพักผ่อนให้ดี ยังมีงานรื่นเริงในตอนค่ำของวันนี้ ดังนั้นทุกคนแยกย้ายกันเถอะ"
"กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ......" ฝูงชนเร่งถวายบังคม และรอให้จักรพรรดิหนิงลุกขึ้นยืนและเดินหายไป จึงได้ลุกขึ้นยืน
ฮองเฮา หยุนชางและจิ้งอ๋องได้ตามจักรพรรดิหนิงไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มกระซิบกัน คนที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นั้นมีไม่น้อย แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ทราบเรื่องนี้ จึงขยับเข้าไปถามไถ่ มหาเสนาบดีหลี่ได้ยินชื่อของหัวจิ้งถูกกล่าวถึงเป็นหลายครั้ง เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขาพูดคุยกันดูเหมือนจะพยายามหลีกเลี่ยงเขาอย่างจงใจ เขาเองก็ไม่สามารถทราบเรื่องได้ จึงขมวดคิ้ว แล้วเรียกตัวหลี่เย่าฉีมา พาเขาเดินไปที่ที่เงียบสงบ มองไปรอบ ๆ แล้วจึงกล่าวว่า " เมื่อสักครู่ที่ข้าไม่อยู่นั้น มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?"
หลี่เย่าฉีรีบคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกล่าวว่า " ท่านปู่ขอรับ มันเป็นความผิดของฉีเอ๋อร์เองขอรับ ฉีเอ๋อร์ทำให้องค์หญิงและเสด็จป้าต้องลำบากไปด้วยขอรับ......."
หลี่เย่าฉีเป็นหลานชายที่มหาเสนาบดีหลี่พอใจมากที่สุด เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดูแย่มาก เขาก็ทราบดีว่าสถานการณ์นี้อาจจะรุนแรงอย่างมาก จึงรีบกล่าวว่า "เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?"
หลี่เย่าฉีมิอาจปิดบัง จึงเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา "หลานกำลังตามล่าสัตว์และเห็นหมีดำตัวหนึ่ง หลานจึงยิงหมีดำด้วยลูกธนู แล้วพบว่าหวังจินฮวนก็ยิงหมีดำนั้นไปหนึ่งธนูเช่นกัน หมีดำนั้นได้รับบาดเจ็บและเกิดบ้าคลั่งจึงวิ่งไปทั่ว หลานรีบวิ่งไล่ตามไปและพบหมีดำอยู่ที่ชายป่าทึบ แต่กลับพบว่ามันกำลังโจมตีองค์หญิงหัวจิ้ง หมีดำจับองค์หญิงหัวจิ้งกระแทกลงกับพื้นไปสองที แล้วหลานก็ควบคุมหมีดำนั้นไว้ได้ แต่องค์หญิงหัวจิ้งกลับได้รับบาดเจ็บ หลานเห็นว่าองค์หญิงหัวจิ้งมีเลือดเปื้อนเต็มตัว จึงมิได้คิดกระไรมาก แล้วรีบส่งนางกลับมา......" หลี่เย่าฉีหยุดชั่วคราว และเงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าตาของมหาเสนาบดีหลี่
"แล้วยังไงต่อ?" เสนาบดีหลี่ขมวดคิ้ว ที่แท้แล้วหัวจิ้งได้รับบาดเจ็บนี่เอง มิน่าล่ะสีหน้าของฮองเฮาดุไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังมีอะไรผิดปกติ หากเป็นเพียงเรื่องที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วเหตุใดเมื่อสักครู่ที่คนเหล่านั้นกล่าวถึงหัวจิ้งจึงต้องจงใจหลีกเลี่ยงตนล่ะ?
หลี่เย่าฉีเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า "ท่านหมอได้จับชีพจรขององค์หญิงหัวจิ้งและกล่าวว่า นางแท้งขอรับ…"
มหาเสนาบดีหลี่ตกตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มหาเสนาบดีหลี่อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งมาโดยตลอด แต่เดิมท่านก็มีศักดิ์ศรีอยู่แล้วเล็กน้อย เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น ท่านจึงรู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก
หลี่เย่าฉีก้มหน้าลง ดวงตานั้นเต็มไปด้วยรู้สึกผิด "มันเป็นความผิดของหลานเองขอรับ หากหลานทราบว่าองค์หญิง...... หลานก็จะทำทุกอย่างเพื่อนส่งองค์หญิงไปอย่างเงียบๆ ..."
มหาเสนาบดีหลี่แอบบีบมือที่อยู่ในแขนเสื้อ และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความโกรธ "ไอ้สารเลว เรื่องใหญ่โตเช่นนี้เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวให้พวกเราได้ทราบ เรื่องนี้ทำให้พระราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยหัวจิ้งไปง่ายๆอย่างแน่นอน เหล่าขุนนางมิอาจพูดคุยเรื่องนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่าบาท แต่พวกเขาต้องต่อว่าให้เสียชื่อเสียงของตระกูลเราอย่างแน่นอน แม้แต่ฮองเฮาก็คงยากที่จะมีศักดิ์ศรีอยู่ในวังหลังได้ ไอ้สารเลว! ก่อนหน้าที่นางมีความขัดแย้งกับทางตระกูลจ้าว ข้าก็กล่าวไว้แล้วว่าสักวันนางต้องสร้างเรื่องจนได้อย่างแน่นอน และแต่ละคนยังเอาแต่ปกป้องนาง เป็นอย่างไรล่ะตอนนี้!เกิดเรื่องขึ้นแล้วใช่ไหม! ไอ้สารเลว! บัดซบจริงๆ!"
มหาเสนาบดีหลี่ด่าว่าสารเลวติดกันอยู่หลายที สีหน้าของหลี่เย่าฉีก็แย่ลงกว่าเดิมอย่างมาก ผ่านไป ครู่หนึ่ง มหาเสนาบดีหลี่ก็ได้ระงับความโกรธในใจเอาไว้ "ตอนนี้ข้ามีหน้าที่รับเหล่าท่านทูต ฝ่าบาทคงจะไม่ทำให้ข้าลำบากใจในเวลานี้อย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าพระองค์ทรงไม่หยุดเช่นนี้! เอาเถอะ! กลับไปก่อนแล้วเชิญบิดาและเหล่าอาของเจ้ามา พวกเรามาหารือวิธีรับมือกัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง