จักรพรรดิหนิงเพ่งมองฮองเฮาด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ฮองเฮาสั่นสะท้านและเอนตัวต่ำลง
แววตาของหยุนชางกวาดมองผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเย็นชา คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น นอกจากเหล่าขุนนางที่มิได้มาร่วมงานเพราะเหตุต่างๆ แล้ว ก็มีเหล่าคุณหญิงของตระกูลต่างๆ และเหล่าคุณชายของตระกูลดังที่ส่งหัวจิ้งกลับมาเมื่อสักครู่นี้
"ชางเอ๋อร์ ถึงเวลาที่ต้องหยุดแล้ว" จิ้งอ๋องเข้ามาใกล้หยุนชางพร้อมกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
หยุนชางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เรื่องที่ควรให้ผู้อื่นทราบ พวกเขาก็ทราบกันถ้วนหน้าแล้ว แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะสั่งให้ปิดข่าวฉาวนี้ไว้ แต่เกรงว่าภายในสองวันนี้ คนในเมืองจักรพรรดินี้ก็คงทราบกันหมด ราชวงศ์ก็มีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง เรื่องที่มากไปกว่านี้ก็ไม่ควรนำมาแสดงต่อหน้าผู้คนเช่นนี้
หยุนชางลุกขึ้นยืน และเดินไปหาฮองเฮาและถวายบังคมต่อจักรพรรดิหนิง "เสด็จพ่อเพคะ งานเฉลิมฉลองในวันนี้ เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อนต้อนรับองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางและท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ย เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เราค่อยมาหารือกันใหม่ดีหรือไม่เพคะ?"
จักรพรรดิหนิงเปลี่ยนสีหน้าและมองดูผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิหนิงก็ทรงพิโรธอย่างหนัก ทันใดนั้นสีหน้าของท่านเคร่งเครียดอย่างมาก "สิ่งที่ชางเอ๋อร์กล่าวมานั้นถูกต้องอย่างมาก ฮองเฮาจะยังคุกเข่าอยู่อีกทำไม? "
หยวนเจินฮองเฮากัดฟันแล้วจึงค่อยๆ กล่าวว่า " หม่อมฉันทราบความผิดของตนแล้วเพคะ" จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปบนอัฒจันทร์
จิ้งอ๋องมองไปที่คุณชายสองสามท่านที่ส่งตัวหัวจิ้งกลับมาพร้อมกล่าวว่า " การแข่งของทีมชายยังไม่จบสิ้น พวกเจ้าต้องการแข่งต่อหรือไม่"
ชายเหล่านั้นมองกันและกัน ต่างก็ส่ายหน้า
จิ้งอ๋องพยักหน้าแล้วหันไปมองชางเจียชิงซูซึ่งดูเหมือนว่ายังไม่ได้สติกลับคืนมากล่าวว่า " องค์ชายสายจะยังแข่งต่อหรือไม่ขอรับ?"
"ว่ายังไงนะ?" ชางเจียชิงซูสั่นสะท้าน แล้วจึงได้สติกลับคืนมา เขากลับความแสดงออกบนใบหน้ากลับไป แล้วส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า "ไม่แล้วขอรับ ชายแคว้นเย้หลางนั้นเป็นมือด่าด้านการล่าสัตว์ ข้ายอมแพ้อย่างเต็มใจขอรับ"
ความผิดปกติของชางเจียชิงซูดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิหนิงไป เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นว่าชางเจียชิงซูมองจ้องไปที่คราบเลือดบนพื้นแล้วเหม่อลอย พระองค์ทรงรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย แววตาของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นมาทันทีทันใด ในจดหมายของชางเจียชิงซู เคยได้กล่าวไว้ว่า หัวจิ้งและเขาได้สนิทสนมถึงกายกันแล้ว ทารกที่อยู่ในครรภ์ของหัวจิ้ง มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะ......เป็นของเขา ....
ดวงตาของจักรพรรดิหนิงเกิดความหงุดหงิดขึ้นในใจ ชางเจียชิงซูเจ้าตัวดี ความอัปยศของวันนี้ พระองค์ทรงจดจำไว้แล้ว
จิ้งอ๋องเห็นว่าบรรยากาศในสนามนั้นเงียบเล็กน้อย จิ้งอ๋องจึงยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ทักษะการทรงม้าของคุณหญิงหวังนั้นทำให้ข้าตะลึงเป็นอย่างมากขอรับ แม้เป็นสตรีแต่ก็ไม่แพ้ให้กับชายชาตรีเสียจริง"
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ และมองไปที่หวังจินเหยียนด้วยสายตาที่สงสัยเล็กน้อย " คุณหญิงหวังได้รับชัยชนะไปหรือ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า หยุนชางมองไปที่หวังจินเหยียน กลับพบว่านางมีสีหน้าที่เฉยเมย แต่เมื่อเห็นว่าหยุนชางมองมาที่ตน นางก็มิได้หยิ่งยโสอันใด เพียงแต่ยิ้มให้หยุนชางด้วยความเป็นมิตร หยุนชางแอบชื่นชมนางอยู่ในใจ คุณหญิงหวังช่างเป็นคนที่ควรค่าแก่การเป็นมิตรเสียจริง
ก่อนหน้าที่ตนจะมาที่ตำหนักนอกที่เมืองเฟิ่งไหลนั้น เสด็จแม่เคยกล่าวไว้ว่า นางควรจะมีมิตรสองสามคนที่สามารถเป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกันได้ ตอนนั้นหยุนชางรู้สึกไม่แยแสใดๆ แต่ตอนนี้เมื่อมองดูหวังจินเหยียนแล้ว นางกลับมีความคาดหวังเล็กน้อยในใจ ชาติก่อนเพราะตนเอาแต่ใจเกินไป มีหญิงสาวหลายคนที่มาประจบตน แต่กลับไม่มีใครจริงใจเลย มิใช่ว่าตนนั้นไม่รู้สึกเสียดาย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ คนที่ตนสามารถพบเจอนั้นมีน้อยนัก คนที่ควรค่าแก่การเป็นมิตรก็ยิ่งน้อยลงไปอีก หากว่าจะมีหวังจินเหยียนมาเป็นมิตร ตนคงไม่ปฏิเสธที่จะรับไว้
เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นจิ้งอ๋องและชางเอ๋อร์แล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่จิ้งอ๋องและหยุนชางมิได้ทำให้พระองค์ผิดหวัง และไม่ทำให้ผู้อื่นได้เห็นถึงเรื่องฉาวโฉ่ของราชวงศ์หนิงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง