ทั้งบ่ายของวันนี้ หยุนชางเล่นหมากรุกกับจิ้งอ๋องอยู่ในห้อง เซียวหย่วนซานเป็นคนสอนทักษะหมากรุกให้กับหยุนชางด้วยตัวเอง และนางได้รับคำชื่นชมจากเซียวหย่วนซานมาหลายครั้ง แต่ว่าทั้งบ่ายที่ผ่านมานี้ นางกลับไม่เคยชนะจิ้งอ๋องเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"องค์หญิงเจ้าคะ หมอหลวงได้รายงานต่อฝ่าบาทแล้วเจ้าค่ะ โดยกล่าวว่าองค์หญิงหัวจิ้งนั้นไม่เป็นอันใด เพียงแต่ว่าด้วยเหตุที่ท่านแท้งบุตร พระวรกายจึงไม่ค่อยแข็งแรงเจ้าค่ะ" เฉี่ยนอินเดินเข้ามาและรายงานอย่างนุ่มนวล
หยุนชางพยักหน้าและวางหมากลงไปอย่างไม่มีสมาธิ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้น " ชางเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าจะวางหมากที่นี่ หากเจ้าวางหมากไว้จุดนี้ เช่นนั้นรอบนี้เจ้าก็คงจะแพ้แล้ว"
หยุนชางตกตะลึงและมองไปที่กระดานหมากรุก กลับไม่ทราบว่าตนถูกจิ้งอ๋องโจมตีจากทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อใดกัน และตนก็แพ้แล้ว หยุนชางถอนหายใจ ท่านตาเคยกล่าวเสมอว่า ดูจากหมากรุกเราก็จะทราบตัวตนของคนคนนี้ ตนชอบวิธีการเล่นที่ระมัดระวังเล็กน้อย เดินแต่ละขั้นตอนไปอย่างระมัดระวัง และห่วงหน้าพะวงหลัง แต่หมากรุกของจิ้งอ๋องนั้นดูไม่มีกลใดๆ และทุกครั้งที่เริ่มเล่น ตนมักจะไม่มั่นใจเสมอว่าท่านต้องการอะไร และเมื่อถึงตอนท้ายจึงพบว่าทุกฝีก้าวของตนนั้นถูกท่านคำนวณไว้แล้ว
"เสด็จอามองการณ์ไกล และชางเอ๋อร์รู้สึกละอายใจและเทียบไม่ถึงเพคะ" หยุนชางถอนหายใจและวางหมากในมือลง
จิ้งอ๋องอมยิ้มเล็กน้อย "สุดท้ายจะว่าอย่างไร ชางเอ๋อร์ก็เป็นสตรี และยังขาดประสบการณ์ เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะแพ้ให้กับข้า หากเมื่อเวลาผ่านไป มันก็คงยากที่ข้าจะเอาชนะเจ้าได้"
หยุนชางรู้ดีว่าตนมีความสามารถเท่าใด แต่เมื่อเห็นว่าเขาปลอบโยนตัวเอง จึงไม่เหมาะสมหากไม่รับคำชมนั้นไว้ ดังนั้นนางจึงยิ้มและกล่าวว่า "เสด็จอาชื่นชมชางเอ๋อร์มากเกินไปเพคะ"
จิ้งอ๋องยิ้มและส่ายหน้า เขาดูออกโดยธรรมชาติว่าหยุนชางนั้นมีเรื่องบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ นางดูเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สะดวกหากว่าตนจะถามไถ่ จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า "ตอนนี้เสด็จพี่คงผิดหวังต่อฮองเฮาและหัวจิ้งอย่างมาก แต่เพียงเพราะว่าท่านทูตของแคว้นเย้หลางและแคว้นเซี่ยยังอยู่ จึงไม่ควรที่จะเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ ดังนั้นจึงต้องรอจัดการทีหลัง เจ้าไม่ต้องห่วง หากพวกนางคิดอยากจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน คืนนี้ยังมีงานเฉลิมฉลองกองไฟ และได้เวลาที่เราต้องออกเดินทางแล้ว"
หยุนชางพยักหน้า "ข้าสงสัยว่าท่านจับคนที่วางยาท่าหยุนได้หรือยังเพคะ?"
จิ้งอ๋องหยุดชะงัก แล้วหันมามองหยุนชางพร้อมมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏที่มุมปากของเขา " ชางเอ๋อร์มิได้เป็นคนทำหรือ?"
หยุนชางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็เป็นฝีมือของตนจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าจิ้งอ๋องทราบได้อย่างไร
จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ข้าได้ตรวจดูถั่วดำพวกนั้นแล้ว และวิธีการวางยานั้นก็ไม่ได้ชาญฉลาดมากนัก อาจเป็นเพราะชางยางอวี้เอ๋อร์และจิ่งเหวินซีคิดว่าแค่วางยากับสัตว์ อีกทั้งเวลาก็มีไม่มากพอ จึงมิได้เตรียมการให้ดี ท่าหยุนไม่กินของแบบนั้นอย่างแน่นอน อีกทั้งก่อนหน้านี้ท่าหยุนบอกกับข้าว่าเจ้าเป็นคนป้อนให้มันกินลงไป"
ว่าอย่างไรนะ? หยุนชางตกตะลึง ม้าพูดได้หรือ? เงียบไปครู่หนึ่ง แต่นางก็เข้าใจขึ้นเล็กน้อย ท่าหยุนติดตามจิ้งอ๋องมานาน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จิ้งอ๋องและท่าหยุนจะรู้ใจกัน โชคดีที่ตนนั้นไม่ได้คิดอยากปิดบังจิ้งอ๋อง จากนั้นจึงกล่าวพร้อมอมยิ้ม " หม่อมฉันเกลียดชังกับการที่มีคนคอยคิดว่าวางกลอุบายต่อหม่อมฉัน และเมื่อมีศัตรูมากเกินไป หม่อมฉันก็ต้องคอยระแวงเสมอว่าตนจะเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ อีกอย่าง นี่คือปัญหาที่เสด็จอาสร้างให้หม่อมฉัน เสด็จอาควรจัดการให้ดีด้วยตัวเองมิใช่หรือ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า " สิ่งที่ชางเอ๋อร์กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว ข้าจะจัดการสองคนนั้น จิ่งเหวินซีนั้นหาคนมาเป็นคู่ให้กับนางก็พอ ส่วนชางยางอวี้เอ๋อร์ยังมีประโยชน์อื่น ๆต่อข้า เมื่อถึงเวลานั้นแล้วชางเอ๋อร์ก็คอยดูแล้วกัน"
"หืม?" หยุนชางตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้ว่าตนจะไม่รู้ว่าจิ้งอ๋องคิดจะทำอะไร แต่เมื่อฟังดูแล้วรู้สึกน่าตื่นเต้น
เมื่อหยุนชางและจิ้งอ๋องมาถึงงานกองไฟด้วยกัน งานเฉลิมฉลองกองไฟก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว หยุนชางและจิ้งอ๋องหาที่นั่ง แล้วดูการแสดงร้องเพลงและเต้นรำในสนาม นางกำนัลก็นำเนื้อแกะย่างมาให้ทั้งสอง หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น กลิ่นนี้ช่างหอมน่าเสวยอย่างมาก
จิ้งอ๋องยิ้มและรับจานของหยุนชางไป จนทำให้หยุนชางจ้องมองจิ้งอ๋องอยู่นาน จิ้งอ๋องใช้มีดสั้นตัดเนื้อแกะออกเป็นชิ้นๆพร้อมยิ้ม จากนั้นก็ยื่นให้หยุนชาง หยุนชางเลิกคิ้วยิ้มและขอบคุณจิ้งอ๋อง จากนั้นก็เสวยขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง