หนิงเชียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "หนิงเย่มีวิทยายุทธ์ไม่เบาและเขาก็ระมัดระวังตัวมาก แทบจะไม่ใช่คนเดียวกับที่ลือกันว่าเป็นคุณชายเสเพล"
"เขาอยู่ในจวนซุ่นชิ่งอ๋อง แม้ว่าซุ่นชิ่งอ๋องมักจะเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นการแก่งแย่งชิงดีภายในจวนไปได้ เกรงว่าคงจะเป็นหมาป่าสวมหนังแกะเสียมากกว่า" หยุนชางพูดเบาๆ
แต่หนิงเชียนกลับส่ายหัว "ข้าน้อยพบว่าวันนี้ลายมือของหนิงเย่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ข้าน้อยจึงแอบส่งคนไปสืบได้ความว่าหนิงเย่ตกน้ำเมื่อสี่ปีก่อนและป่วยหนัก จากนั้นก็เปลี่ยนไปมาก..."
หยุนชางได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง เหตุการณ์นี้ดูมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เป็นไปได้ไหมว่าหนิงเย่จะเป็นเหมือนนาง?
"ไม่กี่วันก่อน หนิงเย่ติดต่อกับบุคคลผู้หนึ่ง คนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายสามแห่งเย้หลาง..." หนิงเชียนกล่าวเบาๆ
องค์ชายสามแห่งเย้หลางงั้นหรือ? ร่างกายของหยุนชางสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนแปลงจนยากจะคาดเดา หรือว่าหนิงเย่เป็นสายลับที่ชางเจียชิงซูส่งมา? สถานะนี้ช่างปกปิดไว้มิดชิดนัก ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ายิ่งไม่สะดุดตาเท่าไหร่ยิ่งดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะใช้สายลับเข้ามาแทนที่จวิ้นอ๋องผู้สูงส่ง
"เจ้าจับตาดูต่อไป อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น" หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเบาๆ
หนิงเชียนพยักหน้าและกล่าวว่า "จวนทุกจวนในเมืองหลวงนั้น ข้าน้อยได้แทรกคนเข้าไปตามคำสั่งของนายหญิงแล้ว โดยเฉพาะจวนของอัครมหาเสนาบดี ข้าส่งคนเข้าไปทั้งหมด 73 คน ทางกองทัพที่ชายแดนก็เตรียมการพร้อมแล้ว คนเหล่านั้นเมื่อสืบเบื้องหลังแล้วล้วนขาวสะอาด พวกเขาจะสืบอย่างไรก็จะไม่มีทางสืบมาถึงองค์หญิงและพวกเขาก็ยังฉลาดอีกด้วย อีกไม่นานพวกเขาคงจะสามารถใช้งานได้"
หยุนชางพยักหน้า "เรื่องที่เจ้าจัดการ ข้าวางใจเสมอ"
หนิงเชียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของนางแล้วยื่นให้หยุนชาง "เหล่านี้เป็นข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมโดยพี่น้องของเราในช่วงนี้ ข้าน้อยคัดกรองอย่างคร่าวๆ และจดทุกอย่างที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาแล้ว"
หยุนชางรับมาอ่านอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วเล็กน้อย นางหยิบหินจุดไฟออกมาจุดไฟ โยนกระดาษลงบนจานแล้วเผาทิ้งจนกลายเถ้าถ่าน
"ดี ข้ารู้แล้ว เสด็จแม่ใกล้คลอดแล้ว เจ้าส่งคนไปเพิ่มหน่อย หมอตำแยที่ทางวังส่งไปข้าไม่ไว้ใจนัก เจ้าหาคนที่รู้จักดีส่งไปที่นั่น ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้วิธีการบางอย่าง อย่างไรก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จแม่และลูกในท้องของนางให้ได้" หยุนชางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" หนิงเชียนตอบและหยุนชางก็โบกมือให้นางไป
ทันทีที่หนิงเชียนจากไป หยุนชางก็ไปหาจิ้งอ๋องที่ห้องนอนของเขา ทันทีที่นางเข้าไปก็เห็นจิ้งอ๋องสวมเสื้อคลุมสีขาวนอนอยู่บนเบาะ ผมที่ใช้มงกุฎหยกเกล้าไว้ก็ถูกปล่อยลงมาแผ่สยายเต็มเบาะ เทียบกับความเย็นชาในยามปกติแล้วเขาดูราวกับมีกลิ่นอายของความเกียจคร้านจางๆ ปะปนอยู่
หยุนชางชะงักฝีเท้าแล้วจึงเดินเข้าไป
"คุยกันเสร็จแล้วหรือ?" จิ้งอ๋องลืมตาขึ้นเหลือบมองนางและทำให้หยุนชางตะลึงงันอีกครั้ง นางเคยชินกับการเห็นความงามมาทุกรูปแบบ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัวและแอบร้องอยู่ในใจว่าแย่แล้ว
หยุนชางยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานก่อนที่จะรู้สึกตัว นางก้มศีรษะลงและมองไปยังชายที่นอนอยู่บนเบาะ แต่นางไม่ได้สังเกตเห็นว่ามุมปากของจิ้งอ๋องยกขึ้นเล็กน้อยและสีหน้ามีความสุขมาก "อืม ขอบคุณเสด็จอามากเพคะ" หยุนชางกล่าวเบาๆ
จิ้งอ๋องตอบ "อืม" เบาๆ และไม่พูดอะไรอีก หยุนชางไม่กล้าเงยหน้าจึงไม่รู้ว่าจิ้งอ๋องมีสีหน้าอย่างไร หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยปากขึ้น "เมื่อครู่เฉียนเฉี่ยนบอกข้าว่าหนิงเย่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ คราวก่อนหลังจากเทศกาลเชงเม้ง ชางเอ๋อร์พบว่าคุณชายหวังดูเหมือนจะกำลังลองเชิงหนิงเย่ทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ คิดว่าเสด็จอาคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว"
"หือ?" จิ้งอ๋องเลิกคิ้ว "อะไรนะ? ข้าไม่รู้ แม่นางเฉียนเฉี่ยนบอกอะไรเจ้า?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง